จักรพรรดิแมงมุมสามพี่น้อง

1743 Words
“อึ๊ก...แม้แต่ข้าที่อยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ยังไม่อาจเอาชนะมันได้ เกรงว่าสิบปีหลังจากนี้ดินแดนฝูหรงคงต้องเผชิญสงครามครั้งใหญ่แล้ว” เซียวฉู่เฮอกล่าวขึ้นด้วยความวิตกกังวล หลังจากสิบปีนี้หากยังไม่มีจอมยุทธ์ระดับเทพยุทธ์เพิ่มขึ้นมา ดินแดนฝูหรงคงได้ถึงคราววิบัติแล้ว ในจังหวะที่เซียวฉู่เฮอกำลังจะบินกลับไปยังใจกลางดินแดนฝูหรง จู่ๆ ก็มีลำแสงสามสายพุ่งตรงดิ่งมายังจุดที่เขากำลังยืนอยู่ ทว่าเซียวฉู่เฮอ แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก แต่ด้วยไหวพริบปฏิภาณอันเฉียบคมทำให้เขานั้นสามารถเบี่ยงตัวหลบลำแสงสามสายนั้นได้ทันประหนึ่งเส้นยาแดงผ่าแปด “ฮึ! ช่างสมกับเป็นพรหมยุทธ์เทพมังกร สามารถหลบการโจมตีของพวกเราสามพี่น้อง แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส น่าชื่นชม น่าชมชื่น” เสียงน่าเกลียดน่ากลัวเสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องล่างผืนดิน ก่อนจะเผยให้เห็นร่างของแมงมุมยักษ์สีดำสามตัว ซึ่งแต่ละตัวล้วนมีพลังความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยม พลังของอสูรทั้งสามตัวนี้ล้วนอยู่ในระดับจักรพรรดิอสูร เซียวฉู่เฮอเมื่อเห็นแมงมุมสีดำทั้งสามตัว เขาก็ยิ้มเย็น พลางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ กระแสพลังที่เขาแผ่ออกมาขณะกล่าว ได้สร้างแรงกดดันอย่างรุนแรงจนจักรพรรดิแมงมุมดำทั้งสามตัวต้องก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ ด้วยความหวั่นเกรง “ข้าได้รับบาดเจ็บแล้วอย่างไร? แค่พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้” กล่าวจบ เซียวฉู่เฮอก็สะบัดมือหนึ่งครั้ง ปรากฏกระบี่สีแดงเลือดที่เปี่ยมไปด้วยไอสังหารประหนึ่งเป็นกระบี่ของเทพแห่งความตายอย่างไรอย่างนั้น “ไสหัวไป!!” น้ำเสียงกึกก้องของเซียวฉู่เฮอ ดังก้องไปทั่วทั้งผืนป่า จักรพรรดิแมงมุมดำทั้งสามตัวถึงกับหวั่นวิตกชั่วขณะ ทว่าพวกมันรู้ดีว่าชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสหลังจากการสู้กับเทพอสูรโบราณ ดังนั้นถ้าหากพวกมันสังหารพรหมยุทธ์อันดับหนึ่งของเผ่าพันธ์มนุษย์ได้ ชื่อเสียงของเผ่าอสูรแมงมุมดำจะไม่เป็นที่โจษจันไปทั่วดินแดนฝูหรงหรอกเรอะ? เมื่อคิดได้ดังนั้น จักรพรรดิแมงมุมดำตัวหนึ่งก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “จวินหลง จวินเซี่ย อย่าได้ไปเกรงกลัวมัน พลังของมันเหลือแค่ไม่กี่ส่วน พวกเราสามพี่น้องร่วมกันโจมตี ดูสิว่ามันจะรอดพ้นเงื้อมมือ...พวกเราสามพี่น้องไปได้อย่างไร?” จักรพรรดิแมงมุมดำอีกสองตัวที่ถูกเรียกว่า จวินหลง จวินเซี่ย เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิแมงมุมดำตัวเมื่อครู่ พวกมันก็รู้สึกมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น “ได้! ท่านพี่จวินเทียน พวกเราร่วมมือกัน” จักรพรรดิแมงมุมดำ จวินหลง จวินเซี่ย กล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียง “ดี!!” จักรพรรดิแมงมุมดำจวินเทียนกล่าวจบ ร่างอันมหึมาของจักรพรรดิแมงมุมทั้งสามตัว ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าประจันหน้ากับพรหมยุทธ์เทพมังกรเซียวฉู่เฮออย่างไม่หวั่นเกรงอีกต่อไป “สับเหวลึกฉีกวิญญาณ...” “แมงมุมกลืนนภา สะบั้นเวหา…” “หมื่นอสูรเพรียกหา ทุกข์ชีวาดับสูญ” พลังสามสายถูกปล่อยออกมาโดยจักรพรรดิแมงมุมดำทั้งสามตัวทันที โดยไม่รอให้เซียวฉู่เฮอเป็นคนเริ่มโจมตีก่อน คลื่นพลังทั้งสามสายนี้รุนแรงเป็นอย่างมากราวกับสามารถฉีกมิติให้แยกออกจากกัน ทว่าในจังหวะก่อนที่จะถึงตัวเซียวฉู่เฮอ พลังทั้งสามสายนี้พลันบรรจบกันก่อนจะผสานกันเป็นลำแสงสีดำขนาดใหญ่ประหนึ่งแสงของเทพปีศาจ ลำแสงสีดำขนาดใหญ่กลืนกินแสงสว่างบนท้องฟ้าชั่วขณะ จนมืดมิดอย่างฉับพลัน อากาศโดยรอบพลันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงคล้ายกับว่ากำลังจะแตกออก ทว่าในจังหวะเดียวกัน เซียวฉู่เฉอก็เร่งเร้าพลังปราณที่เหลืออยู่ไม่มากของตนเองออกมาต่อต้าน กระบี่สีแดงที่เปี่ยมด้วยไอสังหารในมือของเขายกขึ้น เสียงกึกก้องดั่งเสียงเทพเจ้าดังสะท้านไปทั่วท้องนภา “ลมเหนือหวีดหวิว สายลมหวนท่องทัศนา หนึ่งบทกวีร้อยเรียง หนึ่งกระบี่หวนคืนสู่สังสารวัฏ” กระบี่สีแดงเลือดในมือของเซียวฉู่เฮอตวัดลง ปรากฏเงากระบี่สีดำขนาดมหึมาอยู่ด้านหลัง ไอสังหารสีแดงอันน่าหวั่นเกรงพวยพุ่ง ทันใดนั้นเองฟ้าดินโดยรอบพลันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นประหนึ่งแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ลมสีดำทมิฬหมุนวนอย่างบ้าคลั่งภายใต้เงากระบี่สีดำขนาดยักษ์ เรือนผมสีขาวของบุรุษผู้อหังการปลิวไสวไปตามแรงลม เขาวาดกระบี่ไปมาอยู่กลางอากาศ คลื่นปราณสีแดงที่เปี่ยมไปด้วยไอสังหารกระเพื่อมไปมา “สะบั้น…” เสียงกึกก้องดังขึ้น ฉับพลันคลื่นกระบี่สีดำทมิฬประหนึ่งหลุมดำที่สามารถดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างก็พุ่งตรงเข้าปะทะกับลำแสงสีดำขนาดมหึมา ปั้งงง ! พลังทั้งสองสายเมื่อเข้าปะทะกัน พลันเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับระเบิดปรมาณู อากาศโดยรอบพลันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เมื่อพลังทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกันถึงกับทำให้ห้วงมิติสั่นสะท้าน ทว่าลำแสงสีดำนั้นถูกคลื่นกระบี่สีดำทมิฬประหนึ่งหลุมดำของเซียวฉู่เฮอทำลายจนสิ้นซาก ! จักรพรรดิแมงมุมดำทั้งสามตัวเมื่อเห็นการโจมตีประสานของพวกมันถูกทำลาย ก็พลันตกตะลึงงึงงัน ครืนนนน ! คลื่นกระบี่สีดำยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น มันยังคงพุ่งตรงดิ่งเข้าหาร่างมหึมาของจักรพรรดิแมงมุมทั้งสาม จักรพรรดิอสูรทั้งสามเมื่อเห็นคลื่นกระบี่สีดำทมิฬแหวกอากาศพุ่งตรงดิ่งเข้ามา พวกมันก็รีบยกขาทั้งแปดของพวกมันขึ้นมาปัดป้องอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งใช้วิชาลับออกมาเพื่อต้านทาน “เกราะแมงมุมอนธการ…” โล่สีดำเมื่อมขนาดมหึมาปรากฏขึ้นระหว่างคลื่นกระบี่สีดำกับร่างยักษ์ของจักรพรรดิแมงมุมทั้งสาม ปั้งง ! เมื่อคลื่นกระบี่สัมผัสเข้ากับโล่สีดำของจักรพรรดิแมงมุมทั้งสามตัว บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ลมสีดำทมิฬหมุนวนรอบกายของพวกมันอย่างบ้าคลั่ง และในจังหวะนี้นี่เอง เมื่อจักรพรรดิแมงมุมทั้งสามตัวติดอยู่ในวังวนลมสีดำทมิฬอันบ้าคลั่ง เซียวฉู่เฮอก็ใช้โอกาสนี้ในการหลบหนีทันที แต่ทว่าการที่เขาจะจากไป ก็ไม่ลืมที่จะทิ้งของฝากไว้ให้อสูรจักรพรรดิทั้งสามตัว “ร่ำสุรา บรรเลงท่วงทำนอง ร้อยเรียงบทกวี มรสุมครึ่งชีวี หวนคืนสู่หนึ่งกระบี่” คลื่นกระบี่สีน้ำเงินร้องหวีดหวิวราวกับสายลม พุ่งตรงดิ่งหวีดหวิวแหวกมิติเข้าใส่จักรพรรดิแมงมุมดำทั้งสามตัวอย่างรวดเร็ว การโจมตีนี้ของเซียวฉู่เฮอแม้จะไม่ได้รุนแรงเท่ากับวิชากระบี่เมื่อครู่ แต่ก็มากพอที่จะทำให้ที่แห่งนี้ราบเป็นหน้ากลองและจักรพรรดิแมงมุมทั้งสามตัวบาดเจ็บ “ไอ้เวร…เซียวฉู่เฮอ!!” . . ทางด้านลั่วชิงอี “โอ้! เป็นท่านเฟิ่งฮวงนี่เอง…ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกันงั้นหรือ?...” กงซุนหนานหยานเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดคลุมดำที่ยืนใกล้ลูกชาย เขาสังเกตอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อเห็นชุดคลุมสีดำคุ้นตากับผ้าคลุมหน้าที่อยู่ในมือหญิงสาว เขาจดจำได้ทันทีว่านี่คือลั่วชิงอี เมื่อทราบดังนั้นกงซุนหนานหยานจึงรีบกล่าวทักทายพลางป้องมือขึ้นคำนับอย่างสุภาพ นางช่างงดงามยิ่งนัก เกรงว่าลำดับทำเนียบสาวงามของทวีปเทียนฉี่คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว… “อภัยให้ข้าด้วยท่่านหนานหยาน ที่ก่อความวุ่นวายในหอการค้าของท่าน” ลั่วชิงอีกล่าวเสียงอ่อน ใบหน้างามประหนึ่งเทพธิดาฉายสีหน้ารู้สึกผิด พร้อมยกมือขึ้นคำนับตอบกงซุนหนานหยานตามมารยาท ทว่าเมื่อได้ยินดังนั้น กงซุนหนานหยานก็งงงวยขึ้นมาทันที เขาหันไปทางกงซุนอี้เฟิงคล้ายจะขอคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากกงซุนอี้เฟิง กงซุนหนานหยานก็ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ตระกูลลั่วยโสโอหังเกินไปแล้ว!! เรื่องนี้…เดี๋ยวข้าน้อยจะแจ้งไปทางจวนเจ้าเมืองให้ทําการไต่สวนหาความผิดให้เองขอรับ…” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจัดการเอง” ลั่วชิงอีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับจิตสังหารอันท่วมท้นที่เล็ดรอดออกมาจากแววตาคู่งาม กงซุนหนานหยานที่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงจากลั่วชิงอี เขาก็รีบกล่าวขึ้นเพื่อที่จะทำการเปลี่ยนเรื่องในทันที พลางคิดในใจว่า ‘ ตระกูลลั่วเอ๋ย พวกเจ้าถึงคราวหายนะแล้ว ’ “แต่ว่าวันนี้ท่านมีอะไรให้หอการค้าของเรา…รับใช้หรือขอรับ?” “ข้าเอาโอสถมาขายหนะ…” ลั่วชิงอีกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย นางสะบัดมือเบาๆ ก็ปรากฏโอสถสีทอง 1 เม็ด บนมือฝ่ามือขาวเนียน จากนั้นก็ทำการยื่นให้กงซุนหนานหยานตรวจสอบคุณภาพของโอสถด้วยท่าทางราบเรียบ “นะ….นี้” ทว่าหลังจากทำการตรวจสอบโอสถสีทองในมือ กงซุนหนานหยานถึงกับตกตะลึงปากอ้าตาค้างราวกับว่าวิญญาณของเขาได้หลุดลอยออกจากร่างไปเสียแล้ว แม้ว่าเขาจะทราบดีอยู่แล้วว่าลั่วชิงอีมีความสามารถในการหลอมโอสถให้มีความบริสุทธิ์ 10 ส่วน แต่โอสถที่อยู่ในมือของเขาในขณะนี้ เป็นถึงโอสถลมปราณระดับสูงที่มีความบริสุทธิ์ถึง 10 ส่วน ! โดยปกติโอสถลมปราณระดับสูงที่มีความบริสุทธิ์ 4-6 ส่วน ก็หายากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไหนจะราคาที่สูงถึงเม็ดละเกือบ 200,000 เหรียญทอง ทว่ายิ่งไม่ต้องกล่าวถึงโอสถลมปราณระดับสูงที่มีความบริสุทธิ์ 7-9 ส่วน เพราะว่าราคาของมันเรียกได้ว่าสูงเสียดฟ้า มันมีราคามากกว่า 1 ล้านเหรียญทองต่อเม็ดเลยด้วยซ้ำ แล้วโอสถที่อยู่ในมือเขาจะมีมูลค่ามากมายมหาศาลเท่าไหร่กัน? เกรงว่าทั่วทั่งทวีปเทียนฉี่คงได้สั่นสะเทือนครั้งใหญ่อีกหนแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD