อารัมภบท

1106 Words
ณ แดนเซียน ตำหนักเซียนโอสถ “ถึงวาระสุดท้ายของข้าแล้วงั้นหรือ?” เซียนโอสถสาวผู้มีใบหน้างดงามสะพรั่งประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนบัลลังก์สีขาวงดงามวิจิตร ดวงตาสีฟ้าประหนึ่งทะเลทอประกายความเศร้าหมอง เมื่อรู้ว่าวาระสุดท้ายของตนเองมาถึงแล้ว อารมณ์ทุกอย่างของหญิงสาวล้วนนิ่งสงบไม่เหมือนกับคนที่กําลังเผชิญหน้ากับความตายเลยแม้แต่น้อย…ดวงตาสีฟ้าทะเลคู่นั้นกลับเศร้าหมองลงยิ่งกว่าเดิม คล้ายกับว่าภายในใจยังมีสิ่งที่ยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่ สิ่งที่นางถวิลหามาโดยตลอดหลายพันปีนับตั้งแต่ขึ้นมาแดนเซียน คือความสุขในการใช้ชีวิตดั่งคนทั่วไป นี่...เป็นสิ่งที่เซียนโอสถผู้เลื่องชื่อในแดนเซียนเช่นนางใฝ่หามาโดยตลอด ตลอดหลายพันปีมานี้ หญิงสาวทุ่มเท แรงกายแรงใจ อุทิศตนเพื่อรักษาและช่วยเหลือผู้คนทั้งสามภพ ไม่ว่าจะเป็นเซียนหรือปีศาจตนใด ล้วนแต่เคยได้ความช่วยเหลือจากหญิงสาวมาแล้วแทบทั้งสิ้น ภพภูมินรก เป็นดินแดนหลังความตาย เป็นสถานที่แห่งความทุกข์ระทมมีไว้สำหรับตัดสินบาปกรรมสำหรับดวงวิญญาณ โดยผู้ทำหน้าที่ตัดสินทว่าความปรารถนาของหญิงสาวที่ต้องการใฝ่หาความสุขในชีวิต…ก็เป็นเพียงความปรารถนาสุดท้ายก่อนที่จะตายก็เท่านั้นเอง “ลี่เอ๋อร์ เจ้าอย่าร้องไห้” เซียนโอสถกล่าวเสียงอ่อนโยน มือขาวนวลประดุจหยกงามลูบศีรษะเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังร้องไห้อยู่เบื้องหน้าด้วยความเอ็นดู “อาจารย์ อย่าทิ้งลี่เอ๋อร์ไปนะเจ้าคะ” เด็กสาวตัวเล็กที่ถูกเซียนโอสถสาวลูบศีรษะอย่างเอ็นดู เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น เบ้าตาของเด็กสาวมีหยดน้ำใสๆ ไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน “ความตายหาใช่สิ่งที่น่ากลัว บางทีความตายสำหรับอาจารย์อาจจะเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง...” น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น ใบหน้างามของเซียนโอสถยิ้มอย่างมีความสุขขณะจ้องไปยังเด็กสาวที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เบื้องหน้า “ถึงเวลาที่อาจารย์จะต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีนะเด็กน้อย…” และแล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายในชีวิตของเซียนโอสถผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนเซียน ดวงตาสีทะเลคู่งามค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ สติของหญิงสาวค่อยๆ เลือนรางและสุดท้ายก็หมดสติลงพร้อมกับร่างงามที่ค่อยๆ สลายหายราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงภาพมายา “ฮือ อะ...อาจารย์” เด็กสาวตัวเล็กทรุดลงกับพื้น ใบหน้าจิ้มลิ้มเอ่อหนองไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาสีเขียวมรกตของเด็กสาวจ้องไปยังบัลลังก์สีขาวด้วยแววตาที่ไร้ชีวิตชีวาราวกับว่าจิตใจของนางได้แตกสลายไปแล้ว ดวงดาราที่ส่องสว่างไสวบนแดนเซียน บัดนี้กลับอับแสงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่าดวงดาราเหล่านั้นกำลังโศกเศร้า ทั่วทั้งแดนเซียนในยามนี้ต่างเศร้าหมองเมื่อทราบว่าดาวดวงเจิดจรัสดวงหนึ่งได้ดับแสงลง ใช่แล้ว…ดาวดวงนั้นคือดาวของเซียนโอสถผู้ยิ่งใหญ่ เซียนโอสถเยว่หลันผู้เป็นที่เคารพในสามภพ ได้ดับสูญแล้ว.. ณ ภพภูมินรก ดวงวิญญาณคือ จ้าวนรก ผู้ซึ่งเป็นนายเหนือหัวของภพภูมินี้ “คนต่อไป...” น้ำเสียงเคร่งขรึมน่ายำเกรงดังก้อง ดวงตาสีแดงชาดจ้องไปยังหนังสือเล่มสีดำในมือ ทว่าเมื่อจ้าวนรกเห็นรายชื่อในสมุดสีดำ น้ำเสียงเศร้าโศกของเขาก็ดังขึ้น ดวงตาสีแดงชาดเงยขึ้นพลางจ้องไปยังร่างงามของหญิงสาวเบื้องล่างด้วยสายตาเศร้าหมอง “ถึงเวลาของท่านแล้วงั้นหรือ? ...” “นี่…ก็ผ่านมาห้าร้อยปีแล้ว ที่ท่านและข้าไม่ได้พบกัน” น้ำเสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดังขึ้น ใบหน้างามสะพรั่งเผยรอยยิ้มชวนตะลึงออกมา “ฮ่าๆ ช่างน่าคิดถึงความหลังในครั้งนั้นยิ่งนัก...” ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของจ้าวนรกเผยรอยยิ้มออกมาพลางหัวเราะอย่างมีความสุข ทว่าดวงสีแดงชาดกลับเศร้าหมองลงเมื่อจ้องลงไปยังสหายเก่าที่ยืนอยู่เบื้องล่าง “ช่างน่าคิดถึงความหลังจริงๆ เชิญท่านทําหน้าที่ต่อเถอะ…ยังมีวิญญาณอีกมากมายที่รอให้ท่านมาตัดสิน เกรงว่าตอนนี้พวกเขาคงจะบ่นท่านอยู่ในใจแล้ว…” น้ำเสียงหยอกเย้าดังขึ้น ใบหน้างามดั่งนางฟ้าของหญิงสาวเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “วิญญาณตนใดมันจะกล้าบ่นกัน ฮ่าๆๆ” น้ำเสียงทรงอำนาจของจ้าวนรกดังขึ้นพลางหัวเราะออกมาคล้ายกับคนบ้าคนหนึ่ง “เซียนโอสถเยว่หลันความดีของท่าน ช่างมีมากมายเหลือคณานับ หากจะให้ท่านกลับสู่สายธารวิญญานเลย ข้าก็ปวดใจยิ่งนักที่ไม่อาจตอบแทนบุญคุณของท่านได้” จ้าวนรกกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเศร้าหมองลงหลายส่วนพลางนึกไปถึงวันวานในครั้งอดีต ในครั้งที่เขาได้รับการรักษาจากหญิงงามเบื้องหน้า หากในวันนั้นไม่มีหญิงสาวผู้นี้ เกรงว่าเขาเองก็คงจะตายไปแล้ว “อย่าได้พูดเช่นนั้น บุญคุณอันใดกัน? ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย ท่านกับข้าเป็นสหายกัน มีปัญหาอะไรก็ย่อมต้องคอยช่วยเหลือกัน ฉะนั้นข้าไม่เคยคิดว่าท่านเป็นหนี้บุญคุณอะไรข้าเลย” น้ำเสียงอ่อนโยนของเซียนโอสถเยว่หลันดังขึ้น ดวงตาสีทะเลคู่งามพลันจ้องไปที่สหายเก่าด้วยแววตาซาบซึ้ง “มีปัญหาอะไรก็คอยช่วยเหลือกัน นั้นสินะ..งั้นครั้งนี้ก็ถึงคราวที่ข้าต้องช่วยท่านบ้างแล้ว หวังว่าท่านจะหาความสุขให้กับตัวเองบ้างนะ” จ้าวนรกเมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างเป็นกันเอง เขาโบกสะบัดมือหนึ่งครั้งพลังงานสีดำสายหนึ่งก็หมุนวนรอบตัวสหายเก่า วูซซซซซ “หาความสุข เอ๊ะ!! ท่านกำลังพูดสิ่งใดกะ...” เซียนโอสถเยว่หลันที่กำลังจะเอ่ยทักท้วงไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยคำพูดจนจบ จู่ๆ ทิวทัศน์รอบด้านพลันบิดเบี้ยว สติของนางก็วูบดับอย่างฉับพลัน หลังจากวิญญานของเซียนโอสถเยว่หลันหายไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาคมของจ้าวนรกเผยรอยยิ้มอย่างมีเลสนัย ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้ชีวิตใหม่ให้คุ้มค่า อย่าได้มัวแต่ช่วยเหลือคนรอบข้างจนลืมหาความสุขใส่ตนเอง เหมือนดั่งชีวิตที่แล้วของท่านอีกล่ะ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD