หลังจากออกมาจากเมืองฟ้ากระจ่างได้ไม่นาน ลั่วชิงอีใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ก็เดินทางมาจวนจะถึงยังบริเวณถ้ำหลังน้ำตกแล้ว
ทว่าพอมาถึงยังบริเวณธารน้ำเบื้องล่างน้ำตก จู่ๆ นางก็สัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของตัวตนหนึ่งที่อยู่บริเวณถ้ำหลังน้ำตก
“……”
ลั่วชิงอีขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความประหลาดใจ ตัวตนที่นางสัมผัสได้นั้นเป็นอินทรีย์สีขาว ปีกของมันเป็นสายฟ้า อีกทั้งระดับพลังที่มันแผ่ออกมายังสูงถึงขอบเขตแดนพิภพขั้นที่ 9
ทว่าสิ่งที่ทำให้ลั่วชิงอีประหลาดใจมิใช่ระดับลมปราณของมัน แต่เป็นบาดแผลน้อยใหญ่ทั่วร่างของมันเสียมากกว่า
ถ้ำหลังน้ำตกนั้นตั้งอยู่ใกล้บริเวณเขตชายแดนของทวีปเทียนฉี่ ถ้ามุ่งหน้าเข้าไปลึกกว่านี้อีกสัก 1,000 ลี้ ก็จะเข้าสู่เขตชายแดนของทวีปเทพอสูร ซึ่งในทวีปเทพอสูรนั้นเต็มไปด้วยเหล่าอสูรที่แข็งแกร่งมากมายคณานับ แม้กระทั่งสัตว์อสูรในตำนานอย่าง มังกร ก็ยังอาศัยอยู่ในทวีปแห่งนี้
ซึ่งลั่วชิงอีคาดว่าอินทรีย์สายฟ้าตัวนี้ คงจะหลบหนีมาจากการต่อสู้แถวเขตชายแดนทวีปเทพอสูรอย่างแน่นอน
บรรยากาศที่อินทรีย์สายฟ้าตัวนั้นปล่อยออกมา บ่งบอกได้ถึงความไม่เป็นมิตร และมันมองลั่วชิงอีเป็นศัตรูทันที หลังจากที่ลั่วชิงอีก้าวเท้าเข้ามายังภายในถ้ำ
นัย์ตาสีฟ้าทะเลในยามนี้ปรากฏความลังเลและความกังวลอย่างมากขณะจับจ้องไปยังร่างของอินทรีย์สายฟ้าเบื้องหน้า
ลั่วชิงอีกำลังชั่งน้ำหนักในใจว่า จะปะทะกับสัตว์อสูรตรงหน้าดีหรือไม่? หรือว่าจะหนีดี? ถึงแม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก็ตาม ทว่ามันก็ยังเป็นถึงสัตว์อสูรระดับแดนพิภพเร้นลับขั้นสูงสุด !
ทว่าในขณะที่ลั่วชิงอีกำลังชั่งใจอยู่นั้น ก็มีน้ำเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในของถ้ำ
“เสี่ยวหลิง อย่าได้เสียมารยาท”
“ถ้ำนี้คงเป็นที่พักของเจ้า อภัยให้ตาเฒ่าคนนี้ด้วยที่เข้ามาโดยไม่ได้รับการเชื้อเชิญ เข้ามาคุยกันด้านในนี้เถอะ…” น้ำเสียงนั้นดังออกมาอีกครั้ง
ลั่วชิงอีที่ไม่พบการคุกคามจากน้ำเสียงที่ส่งออกมา นางจึงเดินตามอินทรีย์สายฟ้าตัวนั้นเข้าไปยังด้านในถ้ำ…
พอลั่วชิงอีเดินเข้ามายังด้านในถ้ำ นางก็พบกับชายชราอายุประมาณ 80 ปี กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหิน ใบหน้าของชายชราคล้ายกับคนที่ปลงต่อโลกแล้ว อีกทั้งระดับลมปราณที่เล็ดรอดออกมาจากร่างของชายชรายังสูงถึงขอบเขตพรหมยุทธ์ขั้นที่ 1
หากชายชราเป็นคนของแคว้นจินหลง ย่อมต้องเป็นจอมยุทธ์ลำดับต้นๆของแคว้นอย่างแน่นอน
“ท่านบาดเจ็บ?” ลั่วชิงอีกล่าวขึ้น เมื่อเดินมาถึงยังเบื้องหน้าของชายชรา
ฝีมือด้านการแพทย์ของลั่วชิงอี แม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าเซียนแพทย์ แต่ก็เป็นรองเพียงแค่เซียนเเพทย์ผู้เดียว ดังนั้นเพียงแค่ปรายตามองนางก็รับรู้ได้ทันทีว่าชายชราได้รับบาดเจ็บ
“เจ้ารู้?” ชายชราที่กำลังนั่งขัดสมาธิเปิดตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพที่ปรากฏให้เห็นเบื้องหน้าของเขาคือ หญิงสาวอายุอานามประมาณ 17 – 18 ปี แต่สามารถบอกถึงอาการบาดเจ็บภายในของตนได้อย่างแม่นยำเพียงแค่มองดู ทำให้ชายชรารู้สึกแปลกใจและตกตะลึงอย่างมาก
“ให้ข้าตรวจดูอาการของท่าน…” น้ำเสียงเรียบเฉยของลั่วชิงอีดังขึ้น
ในเมื่อนางเป็นถึงเซียนโอสถที่เคยรักษาผู้คนทั่วทั้งสามภพ ทว่าเมื่อพบเจอกับคนที่กำลังบาดเจ็บจะไม่ให้ช่วยเหลือได้อย่างไร?
“เอาสิ เอาสิ” แม้จะยังสงสัยในตัวตนของลั่วชิงอีอยู่บ้าง ทว่าพอได้ยินคำพูดเมื่อครู่ ชายชราถึงกับหัวเราะชอบใจพลางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
พอได้ยินเช่นนั้น ลั่วชิงอีก็แตะไปที่จุดชีพจรตรงข้อมือของชายชรา เพื่อตรวจดูอาการของอีกฝ่ายทันที
“ลมปราณแตกซ่าน ชีพจรปั่นป่วน ฮืม…พิษอสรพิษกลืนนภา? น่าเสียดายยิ่งนักที่ข้าไม่มีสมุนไพรสำหรับการแก้พิษชนิดนี้…” ลั่วชิงอีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลักจากที่ได้ตรวจจับชีพจรภายในร่างของชายชรา
“จะ…เจ้า เป็นใครกันแน่?” ชายชราหลังจากได้ฟังการวินิจฉัยอาการบาดเจ็บของตนจากลั่วชิงอี เขาพลันแสดงสีหน้าตกตะลึง ปากอ้าตาค้าง เขาไม่คาดคิดเลยว่า หญิงสาวผู้นี้…จะสามารถบอกอาการบาดเจ็บภายในของตนได้แม่นยำถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังบอกได้ถึงชนิดของพิษที่ตัวของเขาได้รับมาอีกด้วย ไหนจะคำพูดที่ว่าหากมีสมุนไพรสำหรับแก้พิษ พิษแค่นี้จะนับว่าเป็นอันใดได้…
พิษอสรพิษกลืนนภานั้นจะมีอยู่ภายในร่างของอสรพิษกลืนนภาที่มีระดับปราณจักรพรรดิขึ้นไปเท่านั้น
หากได้รับพิษอสรพิษกลืนนภาเข้าไป พิษจะค่อยๆผนึกลมปราณสลายจุดชีพจรภายในร่างอย่างช้าๆ และผลลัพธ์สุดท้ายก็คือตาย!!
ชายชราคิดในใจว่า ‘ พิษที่แม้แต่ระดับพรหมยุทธ์ยังเกรงกลัว แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เกรงกลัวเลยกระนั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? นางเป็นใครกันแน่? ’
ทว่าสำหรับลั่วชิงอี พิษอสรพิษกลืนนภา ก็เป็นแค่พิษธรรมดาสามัญ ไม่จำเป็นที่จะต้องหวั่นเกรงเลยด้วยซ้ำ
“ข้าเป็นแค่นักปรุงโอสถธรรมดา อภัยให้ข้าด้วยผู้เฒ่า ข้าไม่สามารถแก้พิษให้ท่านได้ จากสมุนไพรที่ข้ามีในตอนนี้ คงทําได้เพียงแค่รักษาบาดแผลให้สัตว์อสูรของท่านเท่านั้น” ลั่วชิงอีกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า
ชายชราเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว เหมือนช่วยเขาดึงสติกลับมาจากห้วงภวังค์….
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราสะบัดมือหนึ่งครั้ง เพียงแค่ครู่เดียว สมุนไพรระดับสูงมากมายก่ายกองก็ปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้าของลั่วชิงอี
แม้จะยังมีความสงสัยในตัวลั่วชิงอีอยู่บ้าง ทว่าถ้าหากยังมีความหวัง แม้ความหวังจะน้อยนิด แต่ก็ยังดีกว่านั่งรอรับความตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา ท่านคอยข้าสักครู่” ลั่วชิงอีที่เห็นสมุนไพรระดับสูงมากมายกองอยู่ตรงหน้า ใบหน้างามสะพรั่งเผยยิ้มพึงพอใจออกมา
ในที่สุดนางก็ช่วยเหลือชายชราตรงหน้าได้แล้ว…!
หลังจากลั่วชิงอีคัดสรรสมุนไพรสําหรับทํายาแก้พิษและยารักษาบาดแผลของสัตว์อสูรได้แล้ว นางก็ทำการเริ่มหลอมโอสถในทันที
ชายชราพอเห็นลั่วชิงอีกําลังโยนส่วนผสมทั้งหมดลงไปในเตาหลอมโอสถพร้อมกับใช้ลมปราณชักนำเพลิงปฐพีที่เป็นเพลิงปราณธรรมชาติขึ้นมาใช้ทดแทนเพลิงปราณจากเตาหลอมโอสถ สีหน้าของชายชราก็ตกตะลึงเสียยิ่งกว่าเดิม พลางคิดไปต่างๆ นาๆ ถึงตัวตนของลั่วชิงอี
นะ….นี่หรือว่านางจะเป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิโอสถของทวีปเทียนฉี่ !
ทั้งท่าทางวิธีพูดคุย การแสดงออกล้วนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาจากหญิงสาวอายุอานาม 17 – 18 ปี อีกทั้งความรู้ด้านการแพทย์ที่ดูจะเกินวัยไปมากโข ทว่าชายชราก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะไปรบกวนการหลอมโอสถของลั่วชิงอี
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ลั่วชิงอีก็หลอมโอสถแก้พิษได้สำเร็จ นางเดินเข้ามาหาชายชราพร้อมกับยื่นเม็ดโอสถให้ 2 เม็ด เม็ดหนึ่งสำหรับขจัดพิษ อีกเม็ดหนึ่งสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บภายใน
พอยื่นเม็ดโอสถให้แก่ชายชราเรียบร้อยแล้ว ลั่วชิงอีก็หันไปรักษาอาการบาดเจ็บของอินทรีย์สายฟ้าต่อในทันที
ชายชราหลังจากรับเม็ดโอสถจากลั่วชิงอีมาแล้ว เขาก็ทำการกลืนเม็ดโอสถทั้งสองเม็ดลงคอพร้อมกับหลับตาลงอย่างช้าๆ และเข้าสู่ห้วงสมาธิในทันที
เวลาผ่านประมาณ 1 ชั่วยาม ~
ชายชราก็กระอักเลือดสีดำที่มีพิษออกมากองหนึ่งพร้อมกับร่างกายที่เปียกโชกจากเม็ดเหงื่อ
“ฮ่าๆๆ ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมยิ่งนัก โอสถของเจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก สหายข้า…” ชายชรากล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข หลังจากสามารถแก้พิษอสรพิษกลืนนภาได้สำเร็จ
ลั่วชิงอีเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข…หลังจากสามารถช่วยเหลือชายชราเบื้องหน้าถอนพิษได้สำเร็จ
“สหายข้า เจ้ามีนามว่าอันใดงั้นหรือ? เจ้ามีอายุเท่าไหร่กันแน่? ทําไมเจ้าถึงได้มีความสามารถประหนึ่งปีศาจเช่นนี้กัน…” ชายชรากล่าวถามคำถามจำนวนมากกับลั่วชิงอี หลังจากที่เก็บงำความสงสัยมานาน
“ข้ามีนามว่า ลั่วชิงอี ส่วนอายุ…ข้าไม่สามารถบอกท่านได้” ลั่วชิงอีไม่ได้บอกความจริงออกไปทั้งหมด แต่ก็ตอบออกไปเท่าที่ตัวนางจะตอบได้แล้ว
“ลั่วชิงอี เป็นชื่อที่ดี ส่วนเรื่องอื่นข้าไม่คิดคาดเค้นจากเจ้าหรอก ได้นับเป็นสหายกับเจ้านับว่าประเสริฐแล้ว” ชายชรามิได้คาดหวังในคำตอบของลั่วชิงอีตั้งแต่แรก เพราะเขาเองก็มั่นใจอยู่แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้านี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“ข้ามีนามว่า มู่อวิ๋นหลง เจ้าเรียกข้า อวิ๋นหลง ก็ได้ ทว่าน่าเสียดายนัก ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการต่อ มิได้มีเวลาอยู่คุยกับเจ้า เอาอย่างนี้หากวันใดที่เจ้าได้ไปที่สำนักกระบี่สวรรค์ เจ้าเพียงนำป้ายหยกนี้ให้คนภายในสํานักดู แล้วกล่าวถามถึงข้า…เดี๋ยวจะมีคนพาเจ้ามาหาข้าเอง” ชายชรากล่าวแนะนำตัวเองพร้อมส่งมอบป้ายหยกสีขาวที่มีอักษรสลักไว้ว่า “สำนักกระบี่สวรรค์” ให้แก่ลั่วชิงอี
“ผู้อาวุโสอวิ๋นหลง ขอให้ท่านโชคดี” หลังจากรับป้ายหยกสีขาวมาแล้ว ลั่วชิงอีจึงกล่าวลาพร้อมป้องมือคำนับเล็กน้อย
ลั่วชิงอีที่เป็นคนถือคติ ดีมาดีตอบ ร้ายมาร้ายตอบ ไฉนเลยนางจะทําตัวเย่อหยิ่งต่อคนที่ทําดีกับตัวนางได้
“ผู้อาวุโสอันใดสหายข้า…เรียกข้าอวิ๋นหลงก็พอแล้ว” มู่อวิ๋นหลงที่ได้ยินลั่วชิงอีเรียกตนว่าผู้อาวุโส ชายชราก็แย้งขึ้นมาทันที พลันทำสีหน้าน้อยใจราวกับเด็กเล็ก
“……”
“เออ…ท่านอวิ๋นหลง เอาไว้ข้าจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยือนท่านที่สำนักกระบี่สวรรค์…”
“……”
มู่อวิ๋นหลงส่ายหัวออกมาด้วยความจนใจ ชายชราป้องมือคำนับตอบลั่วชิงอีเล็กน้อยตามมารยาท จากนั้นก็ออกจากถ้ำไป พร้อมกับทิ้งสมุนไพรระดับสูงมากมายกับอินทรีย์สายฟ้าที่นอนรักษาอาการบาดเจ็บให้อยู่กับลั่วชิงอี
พอมู่อวิ๋นหลงจากไปแล้ว ลั่วชิงอีก็หันไปเอ่ยกับอินทรีย์สายฟ้าหรือเจ้าเสี่ยวหลิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไว้เจ้าหายดีเมื่อไหร่ ค่อยบินกลับไปหาเจ้านายของเจ้า….”