หอการค้าจินหลง /1

1227 Words
อรุณแรกของวันใหม่มาเยือน ในวันนี้เอง ลั่วชิงอีตั้งใจที่จะเข้าไปในเมืองฟ้ากระจ่าง เพื่อนําโอสถลมปราณทั้ง 5 ชุด ไปขาย พร้อมกับหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จําเป็นในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพราะต่อจากนี้นางตั้งใจที่จะอาศัยอยู่ในถ้ำหลังน้ำไปตกสักพักใหญ่ พอลั่วชิงอีเตรียมตัวอะไรเสร็จเรียบร้อย นางก็เดินออกมาจากถ้ำหลังน้ำตก จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงดิ่งไปยังเมืองฟ้ากระจ่างอย่างรวดเร็ว ซึ่งนางเองก็ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงยังด้านหน้าประตูเมืองเป็นที่เรียบร้อย “ฮือ เหมือนความเร็วของข้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หลังจากเข้าสู่ระดับรวมปราณ” น้ำเสียงแปลกใจของลั่วชิงอีดังขึ้น เนื่องจากเมื่อวานนางใช้เวลาเดินทางจากเมืองฟ้ากระจ่างไปยังถ้ำหลังน้ำตก โดยใช้เวลาเดินทางถึงครึ่งชั่วยามเลยทีเดียว แต่ทว่าในวันนี้นั้นนางใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ก็มาถึงยังหน้าประตูเมืองแล้ว... เห็นได้ชัดว่ายิ่งระดับลมปราณมากขึ้น ความรวดเร็วของวิชาตัวเบาก็จะเพิ่มขึ้นตามระดับพลังของผู้ใช้วิชา... หลังจากกล่าวจบ ลั่วชิงอีก็เดินเข้าไปในเมืองและมุ่งตรงไปยังเขตการค้าในทันที โดยจุดหมายของนางก็คือร้านขายสมุนไพรร้านเดิมที่นางมาซื้อเมื่อวาน “ยินดีต้อนรับขอรับนายท่าน...” เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรที่เห็นลั่วชิงอีเดินเข้ามาในชุดคลุมสีดำ เขาก็จดจำได้ทันทีว่าเป็นนักปรุงโอสถที่มาซื้อสมุนไพรของเขาไปเมื่อวานนี้ “ไม่ทราบว่าวันนี้ นายท่านมีสิ่งใดให้ข้าน้อยรับใช้ขอรับ?” เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรรีบเดินออกมาต้อนรับลั่วชิงอีในทันที พร้อมเอ่ยคำนับอย่างสุภาพพลางถามเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ข้าจะมาขายโอสถลมปราณ ไม่ทราบว่าเถ้าแก่รับซื้อหรือไม่?” น้ำเสียงเรียบเฉยของลั่วชิงอีดังขึ้น พร้อมเอ่ยตอบกลับไป “รับขอรับนายท่าน...” เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงอีก็ยื่นโอสถลมปราณระดับต่ำ…ให้เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพร 1 เม็ด เพื่อให้เถ้าแก่ตรวจสอบ “นะ...นี้ คะ...ความบริสุทธิ์ 10 ส่วน!!!” หลักจากที่รับโอสถจากลั่วชิงอีมาแล้ว โดยปกติแล้ว...เถ้าแก่ของร้านสมุนไพรทั่วไปย่อมมีความสามารถที่จะตรวจสอบความบริสุทธิ์ของโอสถ ทว่าเมื่อเถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรตรวจสอบโอสถในมือของตนแล้วนั้น เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พร้อมทั้งยืนนิ่งคล้ายกับว่าวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างของเขาไปแล้ว “เจ้าไม่รับซื้อ?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง น้ำเสียงสงสัยของลั่วชิงอีก็ดังขึ้น ลั่วชิงอีหารู้ไม่ว่าบนดินแดนเทียนฉี่นั้น โอสถที่มีความบริสุทธิ์ 10 ส่วน เป็นเพียงเล่าขานในตำนานเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนบนดินแดนแห่งนี้ เมื่อมันปรากฏขึ้นมาอีกครั้งย่อมต้องเกิดความโกลาหลอย่างใหญ่หลวง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเถ้าแก่ร้านสมุนไพรเล็กๆ ที่ตอนนี้ราวกับว่าวิญญาณของเขาได้หลุดลอยออกจากไปร่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้ำเสียงเรียบเฉยของลั่วชิงอีเอ่ยถามเถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรที่ยื่นนิ่งเป็นหุ่นขึ้นผึ้งอีกครั้ง พลางคิดเองเออเองอยู่ในใจว่า อาจจะเพราะเป็นโอสถระดับต่ำ…จึงไม่รับซื้อ “ไม่ใช่!! ไม่ใช่...ขอรับโอสถที่มีความบริสุทธิ์ระดับนี้ ข้าน้อยไม่มีปัญญาซื้อหรอกขอรับ” เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรรีบเอ่ยตอบอย่างร้อนรน หลังจากได้สติจากคำถามของลั่วชิงอีที่ถามออกไปเมื่อครู่ พลางยื่นโอสถที่อยู่ในมือให้แก่ลั่วชิงอีด้วยอาการมือไม้สั่น “เออ...ข้าสามารถนําไปขายได้ที่ใดบ้าง?” ลั่วชิงอีที่ได้ฟังคำตอบ ใบหน้างามพลันสับสนเล็กน้อยพลางยื่นมือเรียวเล็กออกไปรับโอสถคืนมา พร้อมกับไถ่ถามเถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก็แค่โอสถลมปราณระดับต่ำ แพงขนาดนั้นเชียวหรือ? “นายท่าน ท่านสามารถนำโอสถนี้ไปขายที่หอการค้าจินหลงที่อยู่ทางทิศเหนือของเขตการค้าได้ขอรับ...” เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรรีบเอ่ยตอบด้วยท่าทีที่เร่งร้อน “ขอบคุณเถ้าแก่...” เอ่ยจบ ลั่วชิงอีก็หมุนกายเดินออกจากร้านไป . . . หลังจากที่ลั่วชิงอีเดินออกไปจากร้านขายสมุนไพรได้ไม่นาน.. “ไม่คาดคิดเลยว่าชาตินี้ ข้าจะมีโอกาสได้สัมผัสโอสถในตำนานด้วยมือของตนเอง ช่างเป็นบุญวาสนาจริงๆ ...” เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาแสดงสีหน้าปลาบปลื้มใจออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ พลางคิดในใจว่า ตนเองอาจจะได้พบเจอกับจักรพรรดิโอสถในตำนานเข้าแล้วก็เป็นได้… . . . พอออกจากร้านขายสมุนไพร ลั่วชิงอีก็มุ่งตรงไปยังทางทิศเหนือของเขตการค้าทันที ใช้เวลาเพียงแค่ครู่เดียว หญิงสาวก็มาหยุดอยู่ที่หน้าอาคารหลังใหญ่แห่งหนึ่งที่ด้านบนอาคารมีป้ายสัญลักษณ์ตาชั่งทองคำ เหนือประตูขึ้นไปมีป้ายหยกอย่างดีสลักอักษรไว้ว่า ‘หอการค้าจินหลง สาขาเมืองฟ้ากระจ่าง’ หอการค้าจินหลงนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในด้านการค้าขาย เป็นหนึ่งในหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเทียนฉี่ อีกทั้งยังมีสาขามากมายทั่วทั้งทวีป ในจังหวะที่ลั่วชิงอีกำลังจะเดินเข้าไปยังด้านในของหอการค้า ก็มีเสียงตะคอกเสียงหนึ่งดังขึ้น “หยุด!! ที่แห่งนี้มิใช่ที่สำหรับคนอย่างเจ้า” เสียงตะคอกนั้นเป็นเสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ซึ่งถ้าหากดูจากลักษณะท่าทางและการแต่งกาย ชายวัยกลางคนผู้นี้น่าจะเป็นทหารยามของหอการค้าจินหลง ทหารยามผู้นั้นพอเห็นสภาพการแต่งกายของหญิงสาวที่ดูเหมือนชาวบ้านทั่วไป และเขาเองก็ไม่อาจสัมผัสระดับลมปราณของอีกฝ่ายได้ ดังนั้นเขาเองจึงคิดว่าลั่วชิงอีนั้นเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา จึงเลือกที่จะตะคอกใส่พร้อมกับแสดงสีหน้ารังเกียจ การที่คนคนหนึ่งจะตรวจสอบลมปราณของคนอื่นได้นั้น ถ้าคนๆ นั้นไม่ปลดปล่อยลมปราณออกมา ก็จะต้องมีระดับลมปราณที่สูงกว่าอีกฝ่ายเท่านั้น จึงจะสามารถตรวจสอบได้ สาเหตุที่ทหารยามผู้นั้นไม่สามารถตรวจจับระดับลมปราณของลั่วชิงอีได้เป็นเพราะว่า ลั่วชิงอีนั้นทำการซ่อนระดับพลังของตนเองเอาไว้โดยการใช้เคล็ดวิชาจิตสวรรค์ในการอำพรางพลัง นี่...จึงเป็นเหตุให้ทหารยามผู้นั้นไม่อาจสัมผัสระดับพลังของตัวนางได้นั้นเอง เคล็ดวิชาจิตสวรรค์นั้นเป็นเคล็ดวิชาสำหรับฝึกฝนพลังจิต อีกทั้งยังมีความสามารถป้องกันการโจมตีทางจิตใจและยังช่วยขัดเกลาจิตใจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สำหรับผลพลอยของเคล็ดวิชานี้อีกอย่างก็คือ ความสามารถลบจิตปิดบังตัวตน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD