หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป...
หลังจากเลิกเรียนคาบแรก ปรัชญาก็ลงมานั่งคุยกับเพื่อนสนิทอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกคณะบริหารธุรกิจได้ไม่นาน เสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้นมาทำให้เสียงหัวเราะของปรัชญากับเพื่อนๆ ต้องหยุดลงทันที
“ทำอะไรอยู่น่ะคุณพี่ชาย”
“ตัวทำลายความสุขนายมาอีกแล้ว” มานิตาหันมากระซิบบอกเพื่อนสนิท ทุกครั้งที่น้องชายต่างสายเลือดของปรัชญามา จะเกิดปัญหาทันที เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใด
ผู้ชายคนนี้ถึงคอยแต่จะหาเรื่องเพื่อนของเธอ จนบางครั้งเธอก็คิดสงสัยถึงความสัมพันธ์ของปรัชญากับเพทาย
ปรัชญาเพียงพยักหน้า นี่ก็อีกคน วันๆ ไม่ทำอะไร คอยแต่จะหาเรื่องเขาตลอด ตั้งแต่มารดาแต่งงานใหม่ ชีวิตเขาก็มีแต่แย่ลง ทุกครั้งที่มีเรื่องกัน มารดาก็มักจะเข้าข้างลูกเลี้ยง เวลาซื้อของก็มักซื้อให้เพทายก่อนเขาเสมอ แต่หลังจากได้รู้ความจริงเรื่องที่มารดาเกลียดชังในตัวเขา ก็เลยไม่แปลกใจว่าเพราะอะไรท่านถึงรักเพทายมากกว่าตอนนี้มารดาจะรักหรือไม่รักตอนนี้ก็ไม่ได้สำคัญกับเขาอีกแล้ว
“พวกเราย้ายที่กันเถอะ”
จากนี้ไปเขาจะไม่สนใจหรือแคร์ใครอีกแล้ว เขาตัดสินใจที่จะย้ายออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่รู้เรื่องที่บิดาเลี้ยงกับมารดาคุยกันในคืนนั้น ตอนนี้เขาก็กำลังตระเวนหาห้องเช่าอยู่ เงินเก็บในบัญชีของเขาก็มีไม่มากนัก หลังจากหาห้องพักได้ เขาคงต้องรีบหางานพิเศษทำ
“ก็ดีเหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากนั่งตรงนี้แล้ว”
อัศวินโพล่งขึ้นมาอย่างหัวเสีย เขาเองก็ไม่ชอบน้องชายต่างสายเลือดของปรัชญานัก วันๆ ไม่ทำอะไร คอยแต่จะหาเรื่องคนอื่น และคนที่โดนหนักที่สุดก็หนีไม่พ้นเพื่อนสนิทของเขา
“แล้วพวกเราจะไปนั่งที่ไหนกันดี”
“ค๊อฟฟี่ซ็อปหน้ามหา’ลัยดีไหม”
“ก็ดีนะ ฉันไม่อยากนั่งตรงนี้แล้วเหมือนกัน”
ประวิทย์กล่าวออกมา หยิบหนังสือที่เปิดวางเอาไว้ขึ้นมาปิด แล้วลุกจากโต๊ะ แต่ก็ต้องนั่งลงเสียก่อน เพราะมือของหนึ่งในเพื่อนสนิทของเพทายกดให้เขาต้องนั่ง
“นั่งลงก่อนสิครับรุ่นพี่”
“มันจะมากไปแล้วนะตระการ”
ประวิทย์เงยหน้าขึ้นโวย พลางสะบัดมือของตระการให้พ้นบ่าตน นับวันหนุ่มๆ กลุ่มนี้จะเริ่มวุ่นวายกับกลุ่มเขามากขึ้น ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเพทายถึงชอบมีปัญหากับปรัชญา
ถ้าเกลียดกันขนาดนั้น ต่างคนต่างอยู่ไม่ดีกว่าหรือ?
“นั่งลงเลยครับ ผมไม่อยากมีเรื่องกับรุ่นพี่นะครับ”
ตระการเอ่ยออกมา พร้อมกับนั่งลงข้างกายรุ่นพี่ต่างคณะ เขาไม่ได้อยากมีเรื่องหรือมีปัญหากับรุ่นพี่กลุ่มนี้เลย แต่เพราะเพื่อนสนิทเขาดันอยากมีเรื่องกับหนึ่งในรุ่นพี่กลุ่มนี้ต่างหาก ก่อนจะตวัดสายตาหันไปมองคนที่เป็นปัญหากับเพื่อนของเขา แล้วลอบถอนหายใจเบาๆ
‘เฮ้อ...’
เพทายมองพี่ชายต่างสายเลือดด้วยความไม่พอใจ หลายวันมานี้เขารู้สึกว่าทุกอย่างภายในบ้านเปลี่ยนไป โดยเฉพาะพี่ชายต่างสายเลือดผู้นี้
สามปีที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย พี่ชายต่างสายเลือดไม่เคยกลับบ้านผิดเวลาสักครั้ง?
แต่ช่วงหลายวันมานี้ ดันกลับบ้านผิดเวลาตลอด พอถามก็เอาแต่เงียบ แถมยังไม่สนใจที่จะพูดคุยกับเขาอีก
“นายหลบหน้าฉันทำไม?”
“เปล่า…ไม่ได้หลบ แต่ไม่มีเรื่องจะคุย”
ปรัชญาตอบ เขาไม่ได้หัวเสียไปกับคำพูดแข็งกร้าวของอีกฝ่าย เพราะชาชินกับน้ำเสียงและท่าทางวางอำนาจของน้องชายต่างสายเลือด เขาเหนื่อยที่จะต้องทะเลาะกับน้องชายคนนี้แล้ว ถึงจะทะเลาะกัน เขาก็ไม่มีวันชนะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัว”
“นายจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เรามีเรื่องต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับนายอีกแล้ว...พาย”
“แต่ฉันมี”
เพทายย้อนเสียงกร้าว นึกว่าเขาจะยอมให้เรื่องมันจบลงแค่นี้ ไม่มีทางเสียล่ะ เขาเกลียดความพ่ายแพ้ ยิ่งอีกฝ่ายเมินเฉยและทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการยืนยันถึงความอ่อนแอของเขา
เขาสัญญากับตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าอะไรก็ตามที่เป็นของปรัชญา เขาจะแย่งชิงมาเป็นของเขาให้หมดและเขาจะทำลายทุกอย่างที่ปรัชญารัก
ปรัชญาสบตาน้องชายต่างสายเลือดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว เมื่อก่อนเพทายไม่ได้เป็นคนแบบนี้ แต่พอเข้าเรียนชั้นมัธยมปลาย ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเพทายก็แย่ลงเรื่อยๆ
มานิตามองเพื่อนสนิทสลับกับรุ่นน้องต่างคณะอย่างสงสัย รู้สึกตงิดขึ้นมาในหัวใจ ทั้งๆ ที่ปรัชญาทำตัวเงียบสงบมาตลอด ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพทายเลย แต่ในทางกลับกัน เธอรู้สึกว่าเพทายคอยแต่จะเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของปรัชญามากขึ้นทุกวัน
******
“มาทำอะไรที่นี่ค่ะพาย นี่ไม่ใช่คณะที่คุณเรียนไม่ใช่เหรอ?”
เสียงแหลมปรี๊ดที่แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการกระทำของแฟนหนุ่มดังขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวระหงในชุดนักศึกษาก็เดินหน้าตึงเข้ามา ใบหน้าคมสวยเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด สายตามองไปยังผู้ชายที่เป็นต้นเหตุให้ความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนหนุ่มเริ่มมีปัญหา!
เพทายหันไปมองเจ้าของเสียงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาสนใจพี่ชายต่างสายเลือดต่อ ตอนนี้เขาสนใจคำตอบจากคนตรงหน้ามากกว่า แต่ก็อดหัวเสียไม่ได้ที่ชาลินีเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเขา ที่สำคัญชาลินีเริ่มทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาจนเกินไปแล้ว
“ว่าไงค่ะพาย อ้อมถามว่าพายมาทำอะไรที่นี่?”
“ก็เห็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ เธอจะถามทำไมอีก”
“อ้อมเป็นแฟนของพายนะ พายพูดแบบนี้กับอ้อมได้ยังไง”
“รู้สึกว่าเธอจะทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉันมากไปแล้วนะชาลินี”
เพทายถามกลับเสียงกร้าว สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่พี่ชายต่างสายเลือด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกแคร์ความรู้สึกของชาลินีน้อยนัก ทั้งที่เธอก็เป็นผู้หญิงที่เขาคบหาอยู่ในตอนนี้
ความจริงเขาควรแคร์ความรู้สึกของชาลินีมากกว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้ ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา...มันคืออะไรกันแน่? เขาก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เสียที
ชาลินีเม้มปากแน่น โกรธจนพูดไม่ออก นึกไม่ถึงเลยว่าเพทายจะกล้าพูดประโยคนี้ออกมา
ในเมื่อเธอเป็นแฟนกับเขา…แล้วทำไมเธอจะหึงหวงแฟนของตัวเองไม่ได้ เธอไม่ได้คิดไปเอง แววตาที่แฟนหนุ่มใช้มองรุ่นพี่หน้าหวานผู้นี้มันไม่ธรรมดา แววตาของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวและกลัวที่จะเสียเขาไป!
มานิตามองสายตาไม่เป็นมิตรของชาลินีออก สายตาที่มองเพื่อนสนิทของเธอมันดูน่ากลัวมาก เพราะมันทั้งเคียดแค้น ชิงชังและรังเกียจ ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรชาลินีถึงได้มองแบบนั้น
“พาแฟนนายกลับไปเถอะเพทาย พวกฉันไม่อยากมีเรื่อง จนถูกเชิญไปฝ่ายปกครองอีก”
อัศวินโพล่งขึ้นมา หลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน และรับรู้ได้ถึงบรรยากาศตึงเครียด ทันทีที่แฟนของเพทายปรากฏตัว ถึงเขาจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของปรัชญากับเพทายมากนัก จากสายตาหึงหวงที่ชาลินีมองมายังปรัชญา ก็พอทำให้เขาเริ่มเข้าใจเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้นได้เกือบทั้งหมด
แต่ที่เขาสงสัยก็คือ ปรัชญาจะรู้หรือเปล่า?...ว่าสิ่งที่เพทายกระทำลงไปคือความรักไม่ใช่ความเกลียดอย่างที่เขาหรือใครๆ เคยเข้าใจ
“ก็อย่างที่อัศวินบอกนั่นแหละเพทาย กลับไปซะ...แล้วก็เลิกวุ่นวายกับชีวิตของเพื่อนพวกฉันเสียที”
ประวิทย์ตัดบท เพราะสิ่งที่เขาคิด มันช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเพทายจะคิดแบบนี้กับเพื่อนสนิทของเขา ถ้าชาลินีไม่มองปรัชญาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เขาก็คงไม่กล้าคิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้แน่ เขาก็มั่นใจว่าตอนนี้อัศวินก็คงคิดแบบเดียวกับเขา ความรู้สึกที่เพทายมีให้ปรัชญา มันเกินคำว่าพี่น้องไปไกลมากทีเดียว
“พาแฟนของเธอกลับไปได้แล้วชาลินี แล้วก็เลิกมองเพื่อนฉันด้วยสายตาน่ารังเกียจนั่นด้วย”
“ฉันก็ไม่ได้อยากมองเพื่อนของพวกคุณนักหรอก ถ้าเพื่อนพวกคุณไม่เข้ามายุ่งกับแฟนของฉัน”
“พูดผิดพูดใหม่ได้นะชาลินี เพื่อนของฉันไปยุ่งอะไรกับแฟนของเธอไม่ทราบ ลืมไปแล้วหรือไงว่าแฟนเธอกับเพื่อนของพวกฉันเป็นพี่น้องกัน”
มานิตาสวนกลับออกไปอย่างเหลืออด ใครกันแน่ที่เข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนสนิทของเธอ ตั้งแต่เธอเป็นเพื่อนกับปรัชญา เธอก็เห็นแต่เพทายนั่นแหละที่เข้ามายุ่งวุ่นวายและก่อปัญหาให้ไม่หยุดไม่หย่อน
“เชอะ! ก็แค่พี่น้องต่างสายเลือด”
“หุบปากของเธอได้แล้วชาลินี ถ้าเธอยังอยากเป็นแฟนกับฉัน ก็อย่าเข้ามายุ่งเรื่องภายในครอบครัวของฉันอีก”
เพทายโพล่งขึ้นมาอย่างหัวเสีย ก่อนสะบัดหน้า เดินลงส้นเท้า หนีแฟนสาวไปอีกทาง วันนี้เขาคงคุยกับปรัชญาไม่รู้เรื่อง เอาไว้คุยที่บ้านก็ได้ ยังไงก็อยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว
ชานิลีโกรธจนตัวสั่นกับคำพูดของแฟนหนุ่ม แล้วตวัดสายตากลับมามองผู้ชายที่เธอเริ่มจะเกลียดขี้หน้าขึ้นทุกวัน
“ถ้าไม่มีแกสักคน ฉันกับพายคงจะมีความสุขมากกว่านี้”
“พอได้แล้วอ้อม ไอ้พายเดินไปโน่นแล้ว”
สงกรานต์ปรามชาลินี ตั้งแต่เพทายตัดสินใจเลือกชาลินีมาเป็นแฟน เขารู้สึกว่าชาลินีจะเอาแต่ใจแถมนิสัยเปลี่ยนไปจากเดิมมากทีเดียว ความน่ารัก อ่อนหวานเมื่อก่อนหายไปไหนหมด หรือที่ผ่านมาชาลินีแกล้งทำ
“ถ้าแกยังไม่เลิกยุ่งกับพาย ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่”
ชาลินีหันมาขู่พี่ชายต่างสายเลือดของคนรักด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินสะบัดก้น ตามคนรักไปติดๆ
*******