“กลับบ้านกันค่ะ”
เขารวบเอวคอดของเธอเข้าหาตัว ไม่ไหวติงต่อแรงขัดขืนของร่างเล็กที่สะบัดตัวฮึดฮัดต่อต้าน กระทั่งรู้สึกเจ็บจี๊ดบนหลังเท้าที่ถูกส้นเท้าเล็กๆ กระหน่ำกระแทกลงมาแรงๆ เขาขยับมาจับไหล่มนสองข้าง ดันเธอออกจากตัว
“กลับไปกับอา” น้ำเสียงของเขานุ่มนวล แต่ก็จริงจัง ความเจ็บปวดร้าวลึกคละเคล้าความดีใจเต้นระริกอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลไหม้ แปดเดือนแล้วที่เขาแทบไม่เป็นผู้เป็นคน
“ไม่กลับ!”
หนังสือนิยายภาษาต่างประเทศร่วงลงพื้นเมื่อคนที่ถืออยู่ปล่อยมันอย่างไม่ไยดี และยกสองมือผลักอกเขา
ท่องธารากระตุกยิ้มเย็นมุมปาก ตาคมกล้าจ้องเข้าไปในนัยน์ตาตื่นตระหนก ยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน ให้เธอทั้งผลักทั้งตีชั่วครู่ ก่อนทำทีถอยหลังตามเรี่ยวแรงน้อยนิดที่ดันมา ข้ามฟ้าที่ไม่ทันระวังจึงถลาตามมาตกอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง
และคราวนี้เขาช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มไว้
“เหนื่อยหรือยังคะ หืม ตัวเท่าเมี่ยงจะมาทำอะไรอาได้” เขากระชับร่างเล็กที่อวบอิ่มขึ้นเล็กน้อยไว้แล้วหันตัวจะเดินออกจากประตูบ้านเธอ
ข้ามฟ้าตีขา กระเด้งตัวขึ้นลงในอ้อมแขนเขา มีแรงเท่าไรใส่ไปกับการดิ้นแบบไม่คิดชีวิต
“เด็กดีของอาต้องไม่ดื้อสิคะ เด็กดื้อต้องโดนอะไร จำได้ไหม” ท่องธาราปล่อยหญิงสาวลง แต่ยังจับแขนเธอไว้ พยายามพูดดีแล้วไม่เป็นผล เดี๋ยวคงต้องดุกันบ้าง เขาคิดขณะกวาดตามองไปรอบๆ
“โดนตี”
คำตอบของเธอดึงสายตาของเขากลับมา “ถูกต้องค่ะ”
“แต่นั่นมันเมื่อก่อน” เธอตวัดเสียงตอบ
“ก็ถูกอีก เพราะอาชอบทำโทษด้วยวิธีอื่นมากกว่า”
“ออกไปจากบ้านตุ๋นเดี๋ยวนี้” ข้ามฟ้าผลักเขาอีกครั้ง
“บ้านไข่ตุ๋นเหรอคะ” เสียงเขาเบาหวิว แต่แขนของเขาที่อ้อมมาโอบเอวเธออีกครั้งช่างดุดัน
บ้านหลังนี้อยู่ท้ายซอยของหมู่บ้านจัดสรรย่านชานเมือง เป็นบ้านหลังเล็กกะทัดรัด มีรั้วเหล็กเก่าๆ ที่แค่ลงกลอนเอาไว้ เขาจึงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ส่วนข้างในสะอาดสะอ้านใช้ได้ เปิดประตูบ้านมาก็จะเจอกับห้องรับแขกที่มีโซฟายาวตั้งอยู่หน้าทีวี แปลนของบ้านก็ง่ายๆ มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ ด้านหลังเป็นครัว และห้องเก็บของเล็กๆ ทุกอย่างถูกย่อส่วนลงจากชีวิตความเป็นอยู่ที่เธอคุ้นเคย
“กระจอก” มันถูกเค้นออกมาจากลำคอ แต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด
ข้ามฟ้าดิ้นรนจนหลุด เขาจึงกระชากข้อมือเล็กจนเธอถลามากระแทกกับอกเขา
“ค่ะ ตุ๋นหาได้แค่นี้แหละ แต่ความกระจอกของอาโต๋ มันคือความภูมิใจของตุ๋น” ข้ามฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงมะนาวไม่มีน้ำ ดิ้นรนที่จะดันตัวออกให้ได้ แต่ก็เป็นการเสียแรงที่ไร้ความหมาย
“ไม่ได้หมายถึงที่ซุกหัวนอน แต่หมายถึงฝีมือในการหนี” เสียงลอดไรฟันสั่งอย่างเผด็จการ “ไปเก็บของ”
“ไม่ ตุ๋นไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“อย่ามาดื้อกับอา”
ท่องธารากระชับร่างเล็กแน่นขึ้น เปลวไฟในดวงตาทั้งร้อนแรงและเย็นชา แต่สาวน้อยในอ้อมแขนเขาก็ไม่ได้รู้สึกยำเกรง
“จะกลับก็ต่อเมื่ออาโต๋เซ็นใบหย่าให้ตุ๋น” เธอยื่นข้อแลกเปลี่ยน
“ถ้าอาเซ็นให้ ก็เท่ากับเปิดทางให้ไข่ตุ๋นเป็นอิสระ ปัณณ์กลับมาเขาจะว่ายังไงถ้าไข่ตุ๋นไปแต่งงานกับคนอื่น ปัณณ์ไม่เอาเรื่องอาเหรอ”
“ตุ๋นบอกแล้วไงว่าตุ๋นรอพี่ปัณณ์ รอก็คือรอ ตุ๋นจะรักพี่ปัณณ์คนเดียว” เธอตอกกลับเสียงสั่น
ท่องธารากลืนความเจ็บช้ำลงคอ การแต่งงานที่เกิดขึ้นตนเป็นเพียงตัวแทนของหลานชายที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก แทบจะเรียกได้ว่าเขาคือพ่ออีกคนของปัณณ์
ปุณณ์พี่ชายของเขาและวดีพี่สะใภ้ ฝากฝังลูกชายไว้กับเขาหลังจากปัณณ์สอบติดโรงเรียนมัธยมชื่อดังในกรุงเทพฯ ปัณณ์มาอยู่กับเขาตั้งแต่อายุสิบสาม ตอนนั้นเขาอายุยี่สิบหก เพิ่งจบปริญญาโทและทำงานเกี่ยวกับการลงทุน ประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดเงินมาตั้งแต่เรียนปริญญาตรีบวกกับโชค ทำให้เขามีเงินในบัญชีเกินสิบหลักมาตั้งแต่ยังไม่เบญจเพส มากพอที่เขาจะใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยได้โดยที่ไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต เขาจึงขอพี่ชายเป็นคนส่งเสียหลานชายเรียนเอง
ไข่ตุ๋น หรือข้ามฟ้าเป็นลูกสาวคนเดียวของเพื่อนบ้าน เมื่อสาวน้อยวัยเจ็ดขวบเห็นว่าบ้านของเขามีเด็กชายมาอยู่ด้วย เธอก็มักจะหอบของเล่นมาชวนเล่น แล้วความสดใสของข้ามฟ้าก็ค่อยๆ หายไปเมื่อเธอสูญเสียเสาหลักของบ้านไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นเพียงสองปีแม่ของเธอก็มาบอกกับเขาว่าเวลาของตนเหลือน้อยลงทุกที มะเร็งกำลังพรากชีวิตของเธอไป การแต่งงานโดยที่ญาติของสามีไม่เห็นด้วยทำให้พวกเขาเหมือนไร้ญาติขาดมิตรมานับแต่นั้น ส่วนญาติของเธอก็เหลือแค่ญาติห่างๆ ที่อเมริกา ไม่ได้สนิทสนมกันมาก เธอเคยไปขออาศัยอยู่กับเขาในช่วงที่บริษัทส่งตัวไปบริษัทแม่ที่นั่น
เธอกับสามีพบรักกันที่อเมริกา เขาเป็นคนไทยที่ไปศึกษาต่อปริญญาเอก ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้านของญาติเธอจนกระทั่งคลอดลูกสาวที่นั่น เมื่อครอบครัวของเขาทราบข่าวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โทร.ทางไกลเสนอเงินให้เธอกับลูกออกไปจากชีวิตของสามี แล้วให้สามีเธอแต่งงานกับผู้หญิงที่ถูกหมายมั่นปั้นมือ แต่สามีเธอไม่ยอม เขาให้เพื่อนที่ไทยดำเนินการซื้อบ้านดี่ยวไว้ให้ก่อนที่เขาจะพาลูกและเมียกลับมา