“อย่างคุณเนี่ยนะคะเป็นหมอ” เมื่อกี้ฉันเห็นเขาสู้กับโจรคล่องอย่างกับจาพนมมาเองเลยคิดไม่ถึงว่าคนเป็นหมอจะเตะต่อยเป็น
“แล้วผมไม่เหมือนหมอตรงไหน” เขาหันมาจ้องหน้าฉันทันทีค่ะเพราะแบบนี้ฉันถึงเห็นหน้าเขาชัดขึ้น ถึงในรถจะไม่ได้สว่างมากแต่ออร่าของเขาก็ทำให้ฉันรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนนึง ไม่สิ ต้องบอกว่าหล่อมากถึงจะถูก คิ้วหนาเข้มดกดำ จมูกโด่งเป็นสันลงมา รูปหน้าคมอย่างกับสวรรค์ประทานแล้วไหนจะปากนั่น ผู้ชายอะไรปากน่าจูบเป็นบ้า ถ้าฉันตอบว่าเขาไม่เหมือนหมอสักนิดแต่เหมือนพ่อของลูกในอนาคตมากกว่าเขาจะว่าอะไรไหมนะ
“คุณเหมือน…….”
“ช่างเถอะสรุปบ้านคุณอยู่ที่ไหนผมจะได้ขับไปส่ง” เขาถามพร้อมกับเอื้อมไปสตาร์ทรถ
"ไม่เป็นไรค่ะฉันเอารถฉันกลับได้"
"รถคุณเสียไม่ใช่เหรอ" นั่นสินะ รถฉัน้สียนี่
"เอ่อ....."
“คุณมียางสำรองติดรถมาหรือเปล่า” ฉันหยุดคิดเพราะเมื่อกี้พวกโจรก็ถามฉันแบบนี้
“ถ้าคุณไม่ไว้ใจผมก็ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เขาทำท่าจะลงจากรถฉันเลยเรียกเอาไว้
“ยางสำรองอยู่หลังรถค่ะ”
ฉันพูดจบเขาก็ลงจากรถแล้วเดินไปที่รถของฉันแล้วใช้รีโมทเปิดท้ายรถเองเสร็จสรรพจากนั้นเขาก็จัดการเปลี่ยนยางรถให้ฉันโดยที่ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็เสร็จ
“ขอบคุณนะคะแล้วก็ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ด้วย”
ไม่เป็นไรหรอกครับแต่คราวหน้าคราวหลังคุณควรจะระวังตัวมากกว่านี้นะแถวนี้มันเปลี่ยวไม่เหมาะกับผู้หญิงที่ขับรถมาคนเดียวแบบคุณ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เขาพูดจบก็ทำท่าจะเดินไปที่รถตัวเองฉันเลยเดินไปขวางเอาไว้แล้วเหมือนสายตาของเขากำลังถามฉันว่า ยังมีอะไรอีก
“หน้าคุณเปื้อนน่ะค่ะ”
ฉันส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้เขา
“ไม่เป็นไรผมพกผ้าเช็ดหน้ามา”
เขาปฏิเสธผ้าเช็ดหน้าจากมือฉันแล้วหยิบของตัวเองออกมาจากเสื้อก่อนจะเอาไปเช็ดหน้าตัวเองแต่เพราะเขาไม่เห็นว่ามันเปื้อนตรงไหนก็เลยเช็ดไม่สะอาดสักทีเห็นแล้วก็ตลกฉันเลยไปช่วยเช็ดให้
“เอ่อ ไม่ต้องผมเช็ดเองได้”
เขาขยับตัวออกห่างจากฉัน เป็นผู้ชายคนแรกเลยนะที่ฉันเข้าใกล้แล้วขยับหนีแบบนี้
“อยู่นิ่งๆสิคะ”
ฉันบอกเขาก่อนจะถือวิสาสะเช็ดหน้าให้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ฉันยิ้มภูมิใจในฝีมือการเช็ดของตัวเอง
“ขอบคุณครับแล้วผ้าเช็ดหน้าของคุณ……..”
“คุณจะเอาไปซักให้ฉันไหมคะ”
ถ้าเป็นปกติผู้หญิงอาจจะบอกว่าไม่เป็นไรค่ะแค่นี้เองฉันเอาไปซักเองได้อะไรทำนองนี้สินะ แต่เสียใจไม่ใช่ฉัน
“ให้ผมเอาไปซักให้เหรอ”
เขามองหน้าฉันเหมือนจะอึ้งๆ
“ค่ะ ถ้าคราวหน้าเราได้เจอกันอีกครั้งคุณค่อยเอามาคืนฉันก็ได้”
พอได้ยินฉันพูดแบบนี้เขาก็ทำหน้าเหมือนกำลังคิดในใจว่า โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอก
“เอางั้นก็ได้ครับ”
พูดจบเขาก็เดินลิ่วๆไปที่รถแล้วก็ขับออกไปเลย
อ่ะอ้าว ฉันยังไม่ได้ถามเลยว่าเขาชื่ออะไรแล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าเขาทำงานอยู่ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลไหน เป็นหมอหรือเป็นนินจายะทำไมมาเร็วไปเร็วแบบนี้
วันต่อมา
กว่าที่เมื่อคืนฉันจะกลับมาถึงห้องก็ดึกมากแล้วพอมาถึงฉันก็สลบคาเตียง เช้านี้ตื่นขึ้นมารู้สึกปวดแถวๆบริเวณท้องน้อยแต่ฉันเป็นผู้หญิงสายสตรองไงคะถึงจะยังเสียใจเรื่องพี่น็อตอยู่หรือร่างกายไม่พร้อมยังไงฉันก็ยังรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปมหาวิทยาลัย สวยๆ
“ไหวไหมเนี่ยไม่ไหวก็ไปโรงพยาบาล”
ยัยมีนเห็นฉันนั่งกุมท้องมาตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันเล่าเรื่องที่เมื่อคืนถูกโจรปล้นให้ฟังยัยมีนฟังแล้วด่าฉันไปเรียบร้อย
“ไม่เอาหรอกซื้อยากินก็พอแล้วมั้ง”
พูดถึงโรงพยาบาลขนฉันก็ลุกซู่ไปทั้งตัว ถ้าให้เลือกระหว่างไปโรงพยาบาลกับไปป่าช้าฉันเลือกไปอย่างหลังดีกว่านะ ในชีวิตนี้ฉันกลัวเข็มที่สุดกลัวมาตั้งแต่เด็กจำได้ว่าตอนที่ป๊าพาฉันไปฉีดวัคซีนฉันแหกปากร้องตั้งแต่ทางเข้าโรงพยาบาลจนถึงบ้านยังไม่หยุดร้อง คิดดู ฉันสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าถ้าฉันไม่ใกล้ตายจริงๆจะไม่มีวันเจียดเข้าไปใกล้โรงพยาบาลเด็ดขาด
“ไม่ได้ฉันจะพาแกไปเอง”
“ไม่เอามีนฉันไม่ไป”
ตอนกลางวันฉันคิดว่ายัยมีนแค่พูดไปงั้นที่ไหนได้พอเรียนเสร็จยัยมีนก็ลากฉันขึ้นรถ
“จะจอดไม่จอดถ้าไม่จอดฉันโดดจริงๆนะ”
ฉันตะโกนลั่นรถ ใครไม่เป็นฉันไม่มีวันรู้หรอกว่าอาการกลัวจนขรี้ขึ้นสมองมันเป็นยังไง
“เอาเลยสิแต่ถ้าแกโดดลงไปแขนขาหักหรือหน้าเสียโฉมขึ้นมาฉันไม่รู้ด้วยนะยะ”
พอได้ยินยัยมีนขู่แบบนี้ฉันก็หยุดโวยวายทันที ไอ้แขนขาหักไม่เท่าไหร่หรอกแต่หน้าเสียโฉมนี่สิฉันรับตัวเองไม่ได้แน่ๆ
แล้วสุดท้ายยัยมีนก็พาฉันมาถึงโรงพยาบาลจนได้
“แค่ปวดท้องหมอเขาคงไม่ฉีดยาหรอกน่า”
ระหว่างที่เดินเข้าไปข้างในยัยมีนก็ให้กำลังใจฉัน
“แกแน่ใจนะ”
“ไม่อ่ะ”
“ยัยบ้า”
ฉันค้อนให้ยัยมีนทั้งน้ำตา ถ้าหมอคนไหนกล้าเอาเข็มมาฉีดฉันฉันจะแหกปากร้องจริงๆด้วย
“ก็ฉันไม่ได้มีผัวเป็นหมอนี่ฉันจะไปรู้เหรอถ้าแกอยากรู้ก็หาผัวเป็นหมอสิ”
“ไม่มีทาง แต่ก็ไม่แน่นะ”
พอคิดถึงหน้าคุณหมอคนขี่ม้าขาวมาช่วยฉันไว้เมื่อคืนฉันก็เริ่มลังเล
“อะไรยะทำไมอยู่ๆ ถึงทำหน้าน่ากลัวแบบนั้น”
ยัยมีนขยับออกไปจากฉันสามก้าว
"เปล่านิ"
“เปล่าก็ไปได้แล้ว”
ยัยมีนผลักหลังฉันให้เธอไปที่เคาท์เตอร์ด้านหน้าที่มีไว้สอบถามอาการเบื้องต้นแต่ในระหว่างที่รอทำประวัติคนไข้อยู่นั้นฉันก็ได้ยินเสียงที่รู้สึกคุ้นหูมาก
“ช่วยเอาผลทีซีแสกนของคนไข้คนนี้ไปให้ผมที่ห้องด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะคุณหมอ”
“ไม่จริง”
“อะไรไม่จริงยะ”
ยัยมีนถามฉัน
“อ้าว คุณหมอทำไมวันนี้ถึงลงมาข้างล่างได้ล่ะคะ”
พยาบาลที่ทำประวัติให้ฉันเอ่ยถามเจ้าของร่างสูงที่อยู่ในชุดกาวน์สีขาวเป็นประกาย ฉันจำไม่ผิดแน่เขาคือคนที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนนี้
“พอดีผมลงมาส่งคนไข้เลยแวะมาสั่งงานนิดหน่อย”
"อ๋อ ยังไงก็อย่าลืมทานข้าวด้วยนะคะคุณหมอ นี่ค่ะรายชื่อคนไข้ที่คุณหมอขอเมื่อวาน”
พยาบาลคนนั้นยิ้มหน้าบานให้คุณหมอของฉันก่อนจะส่งแฟ้มมาให้และเพราะแบบนี้ตอนนี้เขาถึงได้มายืนข้างฉัน
“ขอบคุณครับ”
เขาส่งยิ้มไปให้พยาบาลคนนั้นแล้วในตอนนั้นเขาก็เห็นฉัน
ตายแล้ว ถ้าเกิดเขาทักฉันแล้วพูดถึงเรื่องเมื่อคืนฉันจะทำยังไง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยนะอย่างน้อยก็ให้ฉันไปเติมหน้าทาปากก่อนสิ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
ไม่จริง ทำไมเขาถึงไม่ทักทายฉันเลยล่ะแถมยังทำเหมือนไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ