“ใครสั่งใครสอนให้จีบคนที่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้วะ”
“จีบคนที่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ยังไม่น่ากลัวเท่ากับจีบคนที่เขารักตัวเองเลยนะ เขารู้ว่าต้องใช้ชีวิตยังไงและใช้ชีวิตคนเดียวได้เก่ง การมีแฟนสำหรับเขาคือมันต้องดีกว่าอยู่คนเดียว”
“รู้แบบนี้แล้วมึงก็ยังยืนยันที่จีบ ?”
“ก็ชอบ...น่ารัก!”
“อาการนี้น่าจะเรียกว่าหลงเด็กนะไม่น่าจะเป็นแค่ความชอบ”
“ก็ถ้าเด็กมันน่าหลงก็หลงเถอะ”
“ฮั่นแน่...”
ไม่ได้สนใจเสียงเอ่ยแซวของเพื่อนสักเท่าไหร่เพราะเอาแต่มองคนตัวเล็กที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ
“มองขนาดนี้ไม่ไปนั่งด้วยเลยวะ” ไอ้โฮปกระแนะกระแหนต่อ
“นั่งอะไรมึง น้องเขาชื่ออะไรมันรู้หรือยังเหอะ” ไอ้ยิวก็เอาด้วยอีกคน
“เพียงฝัน” น้องชื่อเพียงฝันครับผมไปสืบมาแล้ว
“เชี่ย! ไอ้แบบนี่มึงเอาจริงเหรอ”
“ตายแล้ว... เพื่อนกูหลงเด็กเหรอเนี่ย” น้ำเสียงของมันสองคนเหมือนไม่ค่อยเชื่อครับแต่เชื่อเถอะเพราะผมจะจีบจริง ๆ
“ไม่เห็นแปลกเลย น้องก็น่ารักดี”
“น้องน่ะไม่แปลกแต่มึงน่ะแปลก”
“กูแปลกยังไง”
“เอาตรง ๆ นะ พวกกูชินกับออกแบบคนที่หน้านิ่ง ๆ ไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อให้คนที่ไม่รู้จักอะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กจนอายุจะแตะเลขสามอยู่ปีสองปีนี้แล้วกูยังไม่เคยเห็นมึงคิดจะจีบใครสักที ขนาดปิ่นก็ยังเป็นฝ่ายจีบมึงก่อน”
“ไม่รู้ว่ะ อธิบายไม่ถูก” บอกออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ผมเจอน้องหลายครั้งแล้ว เราบังเอิญเจอกันบ่อยมากแต่น้องไม่รู้จักผมและตอนนั้นเจ้าตัวเขามีแฟนด้วยแหละ ผมก็ไม่ได้อะไรแค่ตามกดหัวใจให้ในโซเชียล ไม่เคยทักไปคุยหรือคอมเมนต์อะไรเลยครับ เป็นแค่เพื่อนในโลกออนไลน์เท่านั้นเอง
อยู่มาวันหนึ่งสถานะโสดมันขึ้นหน้าฟีดตามด้วยโปรไฟล์สีดำสไตล์คนอกหัก ด้วยความที่แอบมองเป็นทุนเดิมอยู่แล้วผมก็ส่องและติดตามมาตลอดว่าเลิกจริงไหมหรือแค่งอนกันเฉย ๆ ปรากฏว่าครั้งนี้ยุติความสัมพันธ์จริงครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่กล้าทักไป ไม่รู้จะเริ่มยังไงด้วยซ้ำ กระทั่งวันหนึ่งเธอมาส่งของนั่นแหละความกล้าของผมมันถึงมีมากขึ้น ถ้าไม่แสดงตัวตอนนี้ก็คงต้องแก่ตายคนเดียวแล้ว
“มิลล์บอกกูว่าปิ่นจะย้ายกลับมาแล้วนะ” มิลล์คือเพื่อนผมนี่แหละแล้วก็เป็นแฟนไอ้ยิว ปิ่นที่กำลังพูดถึงนี้คืออดีตคนเคยรักของผมเองเราจบกันไม่ดีสักเท่าไหร่ “ถ้ากูดูตารางงานมาไม่ผิดโครงการหน้าเราจะได้ร่วมงานกันด้วยนะ”
“อืม”
“อืม ?”
“ทำไม ? มึงอยากได้คำตอบแบบไหนเหรองานก็ส่วนงานเรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัวโตแล้วแยกแยะหน่อย”
“เนี่ย! มันต้องแบบนี้พี่ออกแบบที่กูรู้จัก” ไอ้โฮปพูดแทรกขึ้นก่อนจะสะกิดผมแล้วพูดต่อ “เรื่องอื่นช่างมันก่อนตอนนี้กูอยากเห็นเพื่อนมีความรักอีกครั้ง”
“ยัง... รอก่อน”
“รออะไรวะ”
“รอเขาจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้ก่อน” คนเราต้องมีระยะห่างครับ ผมรู้จักน้องมาสักระยะหนึ่งแล้วก็จริงแต่อย่าลืมสิว่าน้องไม่รู้จักผม
“จริงด้วยแฮะ กูก็ลืมไปว่ามันมีกฎข้อนี้อยู่ที่บอกว่าอย่าเพิ่งคบกับคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนถ้าไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร”
“ไร้สาระ! คนเรามันแทนกันได้ที่ไหน” ไม่มีใครแทนใครได้หรอกมีเยอะแยะที่เลิกกันเพราะคนเก่ากลับมา แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ผมแน่นอนเพราะก่อนจะยุติความสัมพันธ์มันก็ต้องผ่านช่วงเวลาที่สุดของที่สุดมาหมดแล้ว ยื้อให้นานที่สุด อดทนให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องนึกเสียดายหรือทิ้งอะไรเพื่อถอยกลับไปหากันอีกจบก็คือจบ
ดื่มต่ออีกพักหนึ่งก็กลับครับเพราะอีกสองสามวันผมต้องไปหน้างานที่ชลบุรีเวลาพักมีไม่มากแล้วแต่ก็บ่นไม่ได้เพราะเลือกเอง
ผมมีพี่สาวสองคน คนโตเป็นผู้จัดการฝ่ายขายกับบริษัทเอกชนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว คนรองเป็นแอร์โฮสเตสที่นาน ๆ จะได้กลับบ้านสักทีทั้งบ้านเลยเหลือแค่พ่อกับแม่เพราะตัวผมเองก็อยู่หน้างานเป็นส่วนใหญ่ ชีวิตวิศวกรก็แบบนี้
เช็คบิลเสร็จออกมาบังเอิญเจอน้องกับเพื่อนที่ลานจอดรถครับ ผมแค่มองแล้วยิ้มให้ไม่ได้พูดอะไรซึ่งเธอเองก็มองเหมือนกันแต่เป็นสีหน้าเรียบนิ่งนะ
“ไม่ทักเหรอวะ”
“ทักแล้ว”
“แค่นี้นะเรียกว่าทักแล้ว ความสัมพันธ์อะไรของมึง ความสัมพันธ์แบบร้านเหล้าเหรอ”
“เออ”
มันสองคนถึงกับส่ายหน้าให้ครับ เรื่องอะไรจะบอกว่าแอบหยอดมาหลายครั้งแล้ว
หลายวันผ่านไป
ผมมาหน้างานที่ชลบุรีแล้ว เป็นรีสอร์ตที่กำลังจะเปิดใหม่ภายในสิ้นปีนี้ วิวดีติดชายทะเล
“โน่นก็ไม่ลงตัวนี่ก็ไม่ลงตัว เหนื่อยฉิบหายเลยทำงานกับคนเรื่องมาก” ไอ้ยิวบ่นพลางทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยหน่าย
“แก้ปัญหาด้วยการหาของอร่อยกินแล้วนอนพัก”
“ไอ้แบบกูกำลังจริงจังอยู่นะ”
“กูก็จริงจังอยู่นี่ไง งานก็มีปัญหาทั้งนั้นแหละมึงเลิกบ่นเถอะ”
“มึงแม่งใช้ความเงียบสยบทุกเรื่องเลยจริง ๆ ช่วยมีมนุษย์สัมพันธ์หน่อยครับด่าได้ก็ด่าเถอะกับบางคนไม่จำเป็นต้องใช้ความอดทนโว้ย!”
... : ฮ่า ๆ
“แอลกอฮอล์เท่านั้นที่จะเยียวยาทุกอย่าง”
“เออ”
ช่วงหัวค่ำก็พากันมายังร้านนั่งชิวที่อยู่ระแวกบ้านพักนั่นแหละ บรรยากาศก็ร้านเหล้าทั่วไปครับแต่นักท่องเที่ยวจะเยอะเป็นพิเศษ
“เฮ้ย! นั่นมัน...” เหมือนไอ้โฮปจะพูดอะไรแต่มันก็เงียบไปอีกก่อนจะหันมาพูดกับผม “กูตาฝาดหรือกูเมาแล้ว”
“อะไรของมึง”
“ข้างหลังมึงถัดจากเราไปสามโต๊ะหน้าเหมือนสาวน้อยของมึงเลยไอ้แบบ นั่นเขาเดินไปทางห้องน้ำแล้ว” มองตามที่มันบอกก็เห็นหลังไว ๆ ครับ
“เดี๋ยวกูไปดูเอง” จบประโยคก็เดินตามออกมาเลย ไม่แน่ใจว่าใช่ไหมแต่ความรู้สึกผมมันบอกว่าใช่
มาถึงบริเวณห้องน้ำคนเยอะพอสมควรครับ กวาดสายตาไปรอบบริเวณจนเห็นใครบางคนยืนอยู่ด้านหน้าซึ่งเป็นน้องจริง ๆ ไอ้โฮปไม่ได้เมา
น้องกำลังพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่งไม่แน่ใจว่ารู้จักหรือมาด้วยกันไหมแต่เมื่อกี้ที่เห็นผมว่าเขามากับน้องผู้หญิงนะ
มองชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเกิดเหตุการณ์ฉุดกระชากกันขึ้นเห็นแบบนั้นผมจึงเดินเข้าไปซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่น้องผู้หญิงเดินออกมาพอดี
“โทษนะมีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
“เขาจะลวนลามเพื่อนหนูค่ะ” น้ำเสียงใสเอ่ยพลางชี้มือไปยังใครอีกคน
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลยน้องอย่าพูดพล่อย ๆ สิครับเดี๋ยวแฟนพี่เข้าใจผิด”
“ไหนคะแฟน ? เรียกมาเลยค่ะเดี๋ยวก็รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเข้าใจถูก” ปลายนิ้วเรียวชี้หน้าอย่างเอาเรื่องแถมยังตวาดเสียงดังเพื่อให้ผู้คนได้ยินแล้วหันมาสนใจเหตุการณ์ แน่นอนครับว่าวิธีของเธอมันได้ผลหมอนั่นมันเดินจากไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เข้าใจเอาตัวรอดดีแฮะ
“เพียงฝันเธอไหวไหม”
“ไหว ขออ้วกแป๊บหนึ่ง” จบประโยคก็พากันเข้าห้องน้ำไป
ราวครึ่งชั่วโมงก็ประคองกันออกมาดูท่าทางเมาไม่เหลือสติด้วยซ้ำแต่ยังดีที่เพื่อนคอยดูแลอยู่
“ให้พี่ช่วยไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะเรื่องเมื่อกี้” เธอว่าพลางก้มศีรษะให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณ
“ไม่เป็นไรพี่เห็นแต่ทีแรกแล้วคิดว่าเป็นแฟนกันทะเลาะกันเลยดูอยู่ห่าง ๆ”
“ไม่ใช่ค่ะ เพื่อนหนูไม่มีแฟนหรอกขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“ครับ แล้ว...”
“ออกแบบครับ! พวกกูเห็นนะ ฮั่นแน่...” ไอ้โฮปกับไอ้ยิวครับ
“สัส! กูอุตส่าห์มีโอกาสได้คุย” หันไปด่าพวกมันเพราะเสียงเอ่ยแซวทำให้คำพูดของผมขาดหายไปแถมน้องคนนั้นก็พาเพียงฝันกลับโต๊ะไปแล้วด้วย
“เมายับขนาดนั้นมึงยังคุยรู้เรื่องอีกเหรอ”
“เออ หรือมึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นน้องคนเมื่อกี้แทนแล้ว”
“เฮ้อ!! คุยกับพวกมึงแล้วเหนื่อย”
“ขอโทษได้ไหมล่ะเดี๋ยวกูสองคนจะหาโอกาสดี ๆ มาชดใช้” ไอ้ยิวว่ายิ้ม ๆ พลางเดินมากอดคอผม “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดสาวน้อยของมึงพักอยู่บ้านข้าง ๆ พวกเรานะ กูเห็นอยู่แต่คิดว่าคงตาฝาดจนไอ้โฮปทักแล้วมึงมาเจอนี่แหละ”
“พระเจ้า... นี่มันพรหมลิขิตชัด ๆ เลย”
“...”
เช้าอีกวันก็ออกไปทำงานตามปกติ ดื่มได้เที่ยวได้ก็ต้องทำงานได้ด้วย ตลอดทั้งวันไม่ได้สนใจเรื่องไหนเลยนอกจากงานตรงหน้า เป็นอยู่แบบนั้นกระทั่งหมดวันนั่นแหละ
“อื้อหือ! ทะเลขาวมาก”
“มีมารยาทด้วยครับอย่าแซวเรื่อยเปื่อยทุกคนเขาใช้ชีวิตตามปกติ”
“มึงเงยหน้ามองก่อนค่อยว่ากู” ไม่พูดเปล่าไอ้ยิวมันยังจับผมหันไปทางชายหาดอีกด้วย “กูบอกแล้วว่าจะหาโอกาสมาชดเชยให้ ฮ่า ๆ”
“ว่าแต่ชื่อน้องอะไรนะ”
“อยากรู้มึงก็ไปถามสิ”
“จัดให้ครับ” จบประโยคไอ้โฮปก็เดินตรงไปทางเพียงฝันทันทีซึ่งน้องไม่ได้อยู่คนเดียวครับแต่ความใจกล้าหน้าด้านของเพื่อนผมมีเยอะมันเลยไม่แคร์อะไร
“มันคุยอะไรวะจะถูกต่อยไหมเนี่ย”
“มึงคิดเหมือนกูเลย” ปากพูดกับไอ้ยิวก็จริงแต่สายตาก็ยังคงจ้องมองไปที่ใครอีกคนอยู่ตลอด
“น้องเขามองมึงด้วย”
“มึงสนใจสายตาของพี่ชายเขาดีกว่า”
“พี่ชาย ? เดี๋ยวนะไอ้แบบนี่มึงไปสืบประวัติโคตรเหง้าเขามาแล้วเหรอเนี่ย”
“สนใจเขาก็ควรสนใจคนรอบข้างเขาด้วยสิ”
“สุดยอด! ข้าน้อยขอคารวะ”
แค่เพียงไม่นานไอ้โฮปก็เดินกลับมาพร้อมรอยยิ้มแสนกวนส้นตีน
“น้องเขาบอกว่าเพื่อนหนูชื่อเพียงฝันค่ะโสดแต่ยังจีบไม่ได้เพราะว่าพี่ชายหวงมาก แต่ดูท่าแล้วหวงจริงแทบจะหักคอกูอยู่แล้ว”
“ฮ่า ๆ กูให้ไปถามสาวน้อยคนนั้นเสือกไปถามอีกคน”
“กูถามแล้วน้องมันย้อนมาว่าคนที่ให้มาถามชื่ออะไรกูก็เลยเสนอหน้าบอกไปว่าเพื่อนพี่ชื่อออกแบบครับ”
“ขี้เสือกกันจริง ๆ”
“ไม่ได้หรอก เรื่องของเพื่อนก็เหมือนเรื่องของกู”