ครืด... ครืด...
สายเรียกเข้าปลุกฉันให้ตื่นมาพร้อมกับความหงุดหงิด หยิบมือถือมาดูเป็นเบอร์แปลกค่ะ ชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนรับปากใครบางคนไว้
“สวัสดีค่ะ”
[คิดว่าจะไม่รับซะอีก เพิ่งตื่นหรือไงเสียงงัวเงียเชียว]
“พี่ออกแบบ”
[พี่ไง หวังให้เป็นใครเหรอ]
“ไม่หวังค่ะเพราะหนูไม่รับอยู่แล้ว”
[ไม่เปลี่ยนเบอร์ล่ะ]
“มีธุระสำคัญหลายอย่างที่จำเป็นต้องใช้เบอร์นี้ถ้าเปลี่ยนก็ต้องตามแก้ไขข้อมูลทุกอย่างสิคะ ไม่เอาด้วยหรอกวุ่นวายตายเลยเลือกที่จะไม่รับก็จบแล้วเดี๋ยวมันก็เลิกโทรเองแหละ” ฉันร่ายประโยคยาว ๆ ให้คนในสายฟังอย่างลืมตัวแต่ช่างเถอะเขาคงไม่ใส่ใจที่จะรับรู้หรอกมั้ง “โทรมาแต่เช้าเลยพี่ว่างนักหรือไง”
[เช้าอะไรบ่ายโมงแล้ว] น้ำเสียงติดตลกเอ่ยแล้วพูดต่อ [กะแล้วว่ายังไม่ตื่นมิน่าล่ะพี่ชายเราถึงมาส่งของแทน]
“ระวังโดนเตะก้านคอนะคะ”
[ไม่กลัวหรอก]
“ทำเป็นพูดดี”
[ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวนี่ ว่าแต่เราเถอะวันนี้วันหยุดเหรอไม่เห็นไปทำงาน]
“หืม... พี่รู้ได้ยังไงว่าหนูทำงาน”
[ใส่ใจใครสักคนเรื่องแค่นี้ไม่ยากครับ]
“ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หนูเริ่มกลัวพี่แล้วเนี่ย” ลองมาคิดดูแล้วเขารู้เรื่องของฉันเยอะเหมือนกันนะ แต่ก็แปลกที่ตอนอยู่ทะเลทำไมพ่อถึงไม่ทักไหนว่าลูกค้าประจำ ช่างเถอะ! เก็บความสงสัยนี้เอาไว้ก่อนค่ะ
[เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ได้แล้วนะครบสามเดือนแล้ว] เนี่ย! เขารู้กระทั่งว่าฉันเปลี่ยนโปรไฟล์ในโซเชียลบ่อย
“ถามจริงพี่รู้จักหนูตั้งแต่เมื่อไหร่”
[นานแล้ว]
“นานแค่ไหน”
[นานพอที่จะเห็นสถานะโสดขึ้นฟีดสองสามครั้งนั่นแหละ]
“เป็นเพื่อนกับหนูในโซเชียลด้วยเหรอ”
[ใช่! แต่ไม่บอกหรอกนะว่าแอคเคาน์ไหนเดี๋ยวเรากดบล็อกพี่]
“รู้ทันว่ะ”
[ฮ่า ๆ]
คุยกันต่อนิดหน่อยก็วางสายค่ะ พี่ออกแบบรู้เรื่องราวของฉันเยอะมากแม้ว่าไม่ละเอียดแต่ข้อมูลทั้งหมดมันคือเรื่องจริง เราไม่ได้บังเอิญเจอกันที่สำคัญเขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการจีบฉันแม้ว่าฉันจะปฏิเสธเขาก็ยังยืนยันคำเดิม แต่เรื่องนี้มันไม่สำคัญหรอกเพราะมันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้าเราสนใจใครมากพอทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาคนนั้นย่อมอยู่ในสายตาทั้งหมดนั่นแหละ
[คิดถึงเหรอครับ] ปลายสายนี้ต่างหากค่ะที่สำคัญ
“เปล่าค่ะเงินหมด”
[หมดอะไรพ่อโอนให้เมื่อเช้า]
“คิกคิก หนูล้อเล่นหนูมีเรื่องอยากถามค่ะ”
[ว่ามา]
“บ้านนั้นที่เป็นลูกค้าประจำพ่อน่ะค่ะ เขาชื่ออะไร”
[บ้านไหนลูกค้าประจำมีเยอะแยะ]
“ที่ให้หนูไปส่งในตัวเมืองค่ะ”
[อ๋อ... เขาเป็นรุ่นพี่ที่รู้จัก เมื่อก่อนเขาอยู่ร้านรถก็กลุ่มเพื่อนวัยรุ่นปกติ]
“พ่อขาหนูถามว่าเขาชื่ออะไร”
[ทิว ถามทำไม]
“ไม่ได้ชื่อออกแบบเหรอคะ”
[ออกแบบไหนเขาชื่อทิวอดีตวิศวกรฝีมือดีแต่ตอนนี้เกษียณแล้ว]
“ข้อมูลพ่อแน่นเหมือนกันนะเนี่ย”
[เราน่ะถามทำไมยังไม่บอกพ่อเลย]
“เอาไว้เป็นเรื่องสำคัญเมื่อไหร่หนูจะบอกนะคะ รักพ่อนะคะ รักษาสุขภาพด้วย สวัสดีค่ะ” ฉันร่ายประโยคยาว ๆ และกดวางสายทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้พ่อได้พูดต่อเดี๋ยวคำถามเยอะค่ะ พี่ออกแบบต้องเป็นลูกของคนที่ชื่อทิวแน่แต่พ่อคงไม่รู้จักหรือไม่ได้สนใจล่ะมั้ง
เลิกสนใจแล้วกดเข้าโซเชียลเพื่อตามหาแอคเคาน์ปริศนาของพี่ออกแบบ เขาเห็นสถานะโสดของฉันหลายครั้งแสดงว่าเป็นเพื่อนกันมานานแล้วค่ะ
นานนับชั่วโมงที่ฉันตามหาทั้งคอมเมนต์ทั้งข้อความก็ไม่มี นึกขึ้นได้ว่าเขาให้เปลี่ยนรูปแสดงว่าทุกรูปของฉันเขาต้องมากดไลก์ให้แน่ คิดได้แบบนั้นก็กดเข้ารูปโปรไฟล์ตัวเองทันที แต่แหม... เป็นร้อย ๆ คนมันคนไหนล่ะตามหาจนท้อแล้วเนี่ย
“คนอะไรลึกลับชะมัด” บ่นพึมพำก่อนจะชาร์จแบตมือถือแล้วอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
ทำนั่นทำนี่เสร็จก็หมดวันอีกตามเคย จะว่าไปอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ แต่ยังหรอกฉันยังไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเสียงเพลงเลย ว่าแล้วก็ต้องโทรหาสักหน่อย
[ว่ายังไงคะมีอะไรให้ช่วยอีก]
“เปล่า เธออยู่กับพี่ปั้นไหม”
[พี่ปั้นกำลังมา ทำไมเธอเป็นอะไร]
“ไม่ได้เป็นอะไรแค่จะโทรมาถามว่าเธอหนีพี่ปั้นไปเที่ยวที่ไหนบ้าง”
[ตามรอยโซเชียลน่ะ ที่ไหนสวยฉันก็ไป เดินทางคนเดียวสนุกดีนะ]
“ต้องลองบ้างแล้วแต่ความลับนะ”
[แค่เธอปิดมือถือทุกอย่างก็เป็นความลับแล้ว แต่เธอต้องระมัดระวังตัวเองหน่อยนะมิจฉาชีพมันเยอะ]
“โอเคขอบใจมาก”
วางสายจากเสียงเพลงฉันก็แพลนวันหยุดรอเลย ไปคนเดียวก็น่าสนุกดีนะแต่ไม่รู้ว่าจะเหงาหรือเปล่า
ทุก ๆ วันก็วนเวียนอยู่แบบนี้แหละค่ะ วันไหนไปเรียนก็น่าเบื่อหน่อยเพราะต้องเจอเบียร์แต่จะให้ทำไงนี่ก็เลี่ยงสุด ๆ แล้ว
“เก่งแล้วนี่”
“อะไรของมึง”
“มึงมองหน้ามันแล้วไม่หันมาทำหน้าหงอยใส่กูสงสัยพรที่กูสาธุคืนนั้นจะสัมฤทธิ์ผล ฮ่า ๆ”
“กูแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เออ! ไม่รู้เหรอว่าตัวเองชักสีหน้าเก่งมากเวลาไม่พอใจ พูดง่าย ๆ สีหน้ามึงบอกอารมณ์ทุกอย่างแต่ตอนนี้นิ่งเฉยแสดงว่าเรื่องราวทุกอย่างจบลงโดยสมบูรณ์แล้ว กูดีใจด้วยและก็หวังว่าหัวใจของเพื่อนสาวจะมีคนคอยดูแลเร็ว ๆ นี้”
“มึงไง”
“กูเป็นเพื่อนมึงครับ”
“เลื่อนเป็นแฟนก็ได้”
“กูกับมึงได้กันฟ้าคงผ่าพอดี”
“ฮ่า ๆ”
“พี่ออกแบบไง กูเห็นนะหน้าห้องน้ำคืนนั้น”
“มึงก็เลยสาธุ ?”
“อือ! สนับสนุนให้เพื่อนมีผัวครับ”
“สัส!”
“กูจะไม่ถามนะว่าคุยอะไรกันกูจะปูเสื่อรอดูความสัมพันธ์ของมึงกับพี่เขาอยู่เงียบ ๆ”
“ถ้าเขาเหี้ยล่ะ”
“เดี๋ยวกูช่วยกระทืบให้ในฐานะที่เป็นกองกำลังสนับสนุน” มันว่ายิ้ม ๆ แล้วกอดคอฉัน “ไม่ต้องห่วงกูไม่ปล่อยให้เพื่อนเจ็บฟรีหรอกขนาดไอ้เหี้ยนั่นกูยังไปกระทืบมันมาแล้วเลย”
“พูดจริง ?”
“เออดิ กูนี่แหละที่ต่อยมันปากแตก” นอกจากจะไม่รู้สึกผิดแล้วมันยังพูดอย่างภาคภูมิใจอีกด้วย
“มึงกับพี่กูนี่เหมือนกันเลยเนอะรักกูแบบผิด ๆ”
“ไม่ได้หรอกกูอยู่ข้างเพื่อนเสมอ”
ระหว่างวันเบียร์ก็คอยมองอยู่ตลอดค่ะแต่ฉันทำเป็นไม่สนใจเอง อีกเดี๋ยวทุกอย่างคงดีขึ้นและมองหน้ากันอย่างสบายใจ ถึงความรู้สึกจะไม่เหมือนเดิมแต่ก็ดีกว่าเกลียดกัน อีกไม่กี่เดือนก็จบปวส.แล้วต้องแยกย้ายกันทุกคนนั่นแหละ
วันเวลายังคงเดินไปตามหน้าที่ของมันในที่สุดวันหยุดก็มาถึงค่ะ ฉันออกเดินทางตั้งแต่ตีสี่ไปแบบไม่บอกใครแค่กายพร้อมเงินพร้อมเท่านั้นเอง แถมเงินนี้ก็คือเงินเดือนด้วยนะส่วนเงินที่พ่อให้ฉันไม่ได้กดมาใช้หรอก
สถานที่ที่ฉันเลือกไปคือน้ำตกในจังหวัดกาญจนบุรีค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางเพราะฉันศึกษาตารางรถไฟทั้งไปและกลับเป็นอย่างดี ทุกคนต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น เหนื่อยค่ะแต่สนุก
เช็คอินห้องพักเรียบร้อยก็ออกเดินเล่นไปตามประสาและไม่ลืมถ่ายรูปไว้ด้วย มีขนมพื้นบ้านแปลก ๆ ที่ไม่เคยกินและไม่เคยได้ยินชื่อ ไหนจะบรรยากาศรอบตัวอีกบอกเลยว่าโคตรดีค่ะ
ขณะที่ฉันกำลังถ่ายรูปอยู่มือถือก็ดันมีสายเข้าและมือมันก็เผลอกดรับไปแล้ว
[สวัสดีครับ]
“ใครคะ ?”
[ไม่ได้โทรหาสามวันถึงกับจำกันไม่ได้เลยเหรอ หรือเราไม่ได้บันทึกเบอร์พี่]
“อ่อ! หนูเปลี่ยนมือถือน่ะค่ะข้อมูลมันอยู่เครื่องนั้นหมด”
[ทำพังเหรอ]
“หลุดมือหล่นแตกค่าซ่อมกับซื้อใหม่ราคาพอ ๆ กันก็เลยเอาเครื่องใหม่”
[อ๋อ... คิดว่าแค่ไม่โทรหาสามวันแล้วจะกดบล็อกแทนซะอีก] เขาไม่เคยหายไปหรอกค่ะมีแต่ฉันที่รับบ้างและไม่รับบ้าง [อยู่ไหนครับ]
“มาเที่ยวค่ะ”
[ไปกับใครเพื่อนเราทำงานอยู่นี่]
“มาคนเดียวค่ะ”
[ที่ไหนเหรอ]
“หนูจำเป็นต้องบอกพี่ด้วยเหรอ”
[หนูไม่จำเป็นต้องบอกหรอกแต่ระมัดระวังหน่อยก็ดี ไปคนเดียวอะไร ๆ มันก็เกิดขึ้นได้ คนเรามันรู้หน้าไม่รู้ใจหรอกนะคนแปลกหน้าก็ใช่ว่าจะหวังดีเสมอไป รู้ว่าเก่งแต่คนเรามันก็พลาดกันได้] ประโยคยาว ๆ ร่ายใส่หูฉันจนฟังแทบไม่ทันเลยทีเดียว
“บอกชื่อแอคเคาน์พี่มาก่อนสิแล้วหนูจะบอกว่าอยู่ที่ไหน”
[แลกเปลี่ยนเก่งนะ] จบประโยคสายก็ตัดไปแล้วมีสายวีดิโอคอลจากโซเชียลเรียกเข้ามาแทน ในรูปเขาหันหลังค่ะมิน่าล่ะฉันถึงหาไม่เจอสักที
รอจนสายเกือบตัดแล้วค่อยรับสาย
[คิดว่าจะไม่รับซะอีก]
“ก็ว่าจะไม่รับแหละ”
[อยู่ไหนครับ] ฉันไม่ได้ตอบอะไรแค่แพลนกล้องไปรอบบริเวณให้คนในสายดู [ทำไมถึงไปคนเดียวล่ะ]
“คนเดียวก็ไม่แย่นะคะสนุกดี”
[สองคนก็สนุกนะ]
“พอเถอะเลิกหยอดได้แล้วหนูมีเรื่องจะถาม”
[พี่ยังโสด]
“ยังไม่ได้ถามเลย!”
[ฮ่า ๆ]
“พี่รู้จักพ่อหนูไหม”
[รู้แต่ไม่เคยคุยหรอก พ่อพี่แหละเคยคุยเพราะรู้จักกัน ปกติพ่อเป็นคนสั่งของไงเพราะพี่ทำงานเพิ่งว่างรับของช่วงที่เรามาส่งเองนั่นแหละ]
“ถึงว่าสิ...”
[ทำไม ?]
“ไม่บอกหรอก”
[ทำให้อยากแล้วก็จากไป]
ระหว่างคุยกันฉันก็เดินเล่นไปตามประสา จากที่เห็นอะไรแปลก ๆ คนเดียวกลายเป็นคนในสายก็ได้เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือการแต่งตัวที่แตกต่าง
“แค่นี้ก่อนนะคะแบตหนูจะหมดแล้ว”
[จะกลับห้องพักตอนไหน]
“อีกแป๊บหนึ่งก็กลับแล้ว”
[ถึงแล้วโทรบอกด้วยนะ]
“ค่ะ” แล้วสายสนทนาก็ถูกตัดไป ไม่น่าเชื่อเวลาคุยอยู่ที่สองชั่วโมงกว่าแน่ะ
เดินดูนั่นดูนี่ไปตามประสา กลับถึงห้องพักอาบน้ำเสร็จก็ทิ้งตัวนอนเลยค่ะ ฝนพรำบวกกับลมเย็น ๆ ก็หลับสิจะเหลืออะไร
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่สะดุ้งตื่นมาอีกทีตีสองเพราะเสียงมือถือ
“อื้อ!”
[พี่บอกว่าถึงห้องแล้วให้โทรหาไง] ได้ยินแบบนั้นฉันจึงหันดูหน้าจอว่าปลายสายเป็นใครและก็ทำให้เห็นว่ามีแจ้งเตือนเยอะมากแต่ฉันหลับสนิทเลยไม่รู้เรื่อง
“กลับห้องตั้งแต่สี่ทุ่มแล้ว หนูลืมอะปกติไม่เคยรายงานใคร”
[ไม่ได้ให้รายงานแต่พี่เป็นห่วง]
“...”
[นอนต่อเถอะพี่ไม่กวนแล้ว]
จากนั้นสายก็ตัดไปค่ะและกลายเป็นฉันเองที่นอนไม่หลับแทน เข้าโซเชียลไปส่องเขาเพราะมันยังขึ้นออนไลน์อยู่และก็ทำให้รู้ว่าเขายังทำงานอยู่เลยเพราะมีรูปแท็กมาเหมือนก่อสร้างอะไรสักอย่าง ในรูปมีพี่โฮปกับพี่ยิวด้วยค่ะ
เห็นแบบนั้นความอยากรู้มันก็เพิ่มขึ้นไปอีก ส่องเขาไม่พอตามไปส่องเพื่อนเขาด้วย บางรูปคล้ายหน้างานอะไรสักอย่างและมีรูปที่ไปทะเลด้วยนะคะ ชักอยากรู้แล้วสิว่าเขาทำงานอะไรกัน
นานหลายนาทีที่เอาแต่ส่องจนมีข้อความเด้งขึ้น
[นอนได้แล้วครับ]
“ไม่ง่วงแล้วค่ะ”
[งั้นโทรนะ]
ไม่ทันได้ตอบเขาก็วีดิโอคอลมาค่ะแน่นอนว่าฉันกดรับ
“ทำอะไรคะไม่หลับไม่นอน” ฉันเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่ารอบตัวเขาไม่ใช่ห้องนอน
[ทำงานสิครับ]
“กลางคืนก็ทำเหรอ”
[ก็มันยังไม่เสร็จมีปัญหานิดหน่อย]
“พี่ทำงานอะไรคะ”
[อยากรู้เรื่องของพี่แล้วเหรอ] เขาว่าพลางฉีกยิ้มกว้างมาให้ฉัน
“เปล่าสักหน่อยหนูแค่ถามตามมารยาท”
[เหรอครับ] ลอยหน้าลอยตามากกวนอารมณ์ชะมัดเลย ฮึ่ย!