EP.1 : หมั้นกับฉัน

2902 Words
ตะวันฉาย Say :: “ท่านประธานครับ มีผู้หญิงมาขอพบครับ เธอบอกว่าเธอเป็นคู่หมั้นของท่านประธาน” ประโยคที่ไม่น่าฟังของชัย ทำให้ผมสะบัดข้อมือบอกให้ไล่ผู้หญิงคนนั้นไปทันที ผู้หญิงพวกนี้สรรหาจะอ้างเรื่องโกหกจังเลย ผมจะต้องเจออะไรบ้าง เมียก็เจอมาแล้ว แค่คู่หมั้นแค่นี้กระจอกไปเลย “ฉันบอกแล้วไง ว่าพวกนี้ ให้ไล่ไปให้หมด ที่นี่มันที่ทำงาน เรียกผู้รับเหมามาคุยกับฉันที ฉันบอกแล้วว่าโถงกลางให้ใช้ไฟวอร์มไลท์ ทำไมมันถึงเป็นเดย์ไลท์ ไฟจุดนี้มีเกือบ 200 ดวง เปลี่ยนให้หมด” “เธอบอกว่าเธอชื่อพัชชาครับ” ชื่อที่กล่าวออกมา มันทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้า ความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว ทำให้ผมได้เห็นความแสบทรวงของเธอ ไม่อยากหมั้นกับผม แล้วมาทำไม “ให้ ร.ป.ภ. เอาไม้เรียวมาไล่ตีเธอออกไป” ผมเป็นมนุษย์ที่ไม่ชอบการที่ถูกปฏิเสธ แต่เธอแสดงออกว่าปฏิเสธผมแล้ว ผมก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเจอเธออีก “เอ่ออ ครับ” “ชัย จองตั๋วกลับกรุงเทพให้ฉันด้วย ฉันจะกลับไปดูพ่อหน่อย ช่วงนี้อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แม่ชอบเอาพยาบาลสวยอึ๋มมาดูแลพ่อ ตอนนี้ฉันกลัวพ่อจะช็อกตายอยู่แล้ว” พ่อผมป่วยมานาน สามวันดีสี่วันไข้ ไม่ได้อยากจะแช่ง แต่ผมไม่รู้ว่าพ่อจะอยู่กับผมได้อีกนานแค่ไหน ผมอยากใช้เวลากับพ่อให้มากที่สุด “ท่านประธานจะว่างในอีก 2 วันครับ อ่อ พวกชาวบ้านที่ต่อต้านเราตอนนี้ยังก่อกวนเราไม่เลิกเลยนะครับ การโยนเงินให้พวกนั้นมันไม่ได้ผล พวกเค้าต้องการให้เราออกไป” นี่สินะ งานใหญ่ แม้ที่นี่จะเป็นที่ของมาริยะ แต่มันก็มีชาวบ้านคนอื่นที่อยู่ที่นี่ ที่ไม่ยอมย้ายออกไป เพราะที่นี่มันเป็นที่บ้านของพวกเขา แต่ผมกวาดซื้อเกาะนี้แทบจะทั้งหมดแล้ว ทำไมถึงไม่เข้าใจแล้วย้ายออกไปดีๆ ผมเดินดูงานไปเรื่อยๆ แต่ต้องมาสะดุดตัวประหลาดที่กระโจนออกมาจากมุมตึก “พี่ตะวันน พี่ตะวัน จำหนูได้ไหม หนูพัชชา คนที่แม่ของพี่อยากให้เราหมั้นกัน” ผู้หญิงที่ยิ้มหวานให้ผม แต่ทันทีที่ผมจะเดินหนีเธอ กลัวเจอแก๊งมาเฟียอะไรสักอย่างที่อาวุธครบมือ ยืนแอบอยู่หลังมุมตึกที่เธอกระโดดออกมา นี่มันอะไรเนี่ย บอดี้การ์ดเลย “ชัย ไล่คนนอกออกไป ที่นี่มันพื้นที่ก่อสร้าง” ผมไม่สนใจว่าเธอจะเป็นใคร แต่ที่นี่มันคือพื้นที่ก่อสร้างมันอันตรายมาก และการมีอยู่ของตัวตนเธอ มันทำลายการทำงานของผม “พี่ตะวัน พี่ตะวัน ฟังหนูก่อน หนูมีเรื่องจะต่อรอง ได้โปรดฟังเรื่องขอร้องของหนูหน่อยนะคะ หนูตั้งใจมาหาพี่เลยนะคะ พี่ตะวันสุดหล่อ” ผู้หญิงในชุดเสื้อแขนยาวไหมพรมกับกระโปรงยีนทรงเอ และ รองเท้าส้นสูง ไม่ควรมาเดินในไซต์งานก่อสร้าง แล้วนี่ยัยนี่จะเดินตามผมไปถึงไหน บอดี้การ์ดของเธอทำให้คนงานของผมกลัว “มีอะไร กลับไปซะ ฉันกับเธอไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีก ฉันไม่ได้จะหมั้นกับเธอ เธอจะหมั้นกับลูกนักการเมืองไม่ใช่เหรอ มาตามฉันทำไม ไปๆ ฉันจะทำงาน เอาบอดี้การ์ดกลับไปด้วย” เฮ้ออออออ ผมไม่มีเวลามาเล่นกับเธอนะ “ได้ยินแล้วใช่ไหม พี่ตะวันพวกให้ไปนายไปจากฉันได้แล้ว จะมายืนฟังคนเค้าคุยกันรึไง” พัชชายังคงไล่บอดี้การ์ดของตัวเอง แต่แปลกพวกนั้นยอมไปง่ายๆแต่โดยดี แต่เธออาจจะไม่เข้าใจ ผมไม่ได้ไล่แค่บอดี้การ์ดของเธอ ผมไล่เธอด้วย “เธอด้วย ออกไป ร.ป.ภ. มาเอาตัวผู้หญิงคนนี้ออกไป” ไม่นานชายฉกรรจ์ที่สวมเครื่องแบบ ร.ป.ภ. ก็ต่างวิ่งกรูเข้ามาจับตัวคุณหนูผู้ไม่ควรอยู่ที่นี่ “ไม่เอาหนูไม่ไป พี่ตะวันต้องช่วยหนูก่อน” ผู้หญิงตรงหน้านั่งลงเกาะขาของผมเอาไว้แน่น โอ้ย!!! อะไรของยัยนี่เนี่ยยยยย แล้วนี่จะเกาะไปถึงไหน ผมพยายามจะดึงขาของตัวเองออกจากแขนเธอ “ปล่อยยยยย โอ้ยยย เกาะเป็นปลิง จะเอาอะไรจากฉันอีก” “หมั้นกับหนู หมั้นกับหนู ถ้าพี่ยอมหมั้นกับหนู หนูจะจบบอดี้การ์ดงี่เง่า จบงานของพี่อาร์ทในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จบทุกอย่าง พี่เป็นทางช่วยเดียวของหนูแล้ว นะ นะคะ นะนะ” คนที่พูดยังเกาะขาผมแน่นเพราะไม่ยอมให้ ร.ป.ภ. เอาตัวออกไป ตัวเองใส่กระโปรงรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย “พอ!!!! ลุกขึ้น!!!! ใส่กระโปรงมันโป๊ เฮ้ออออ” ผมดึงคนที่เกาะขาของผมขึ้นมาด้วยความรำคาญ แล้วปัดหัวเข่าให้เธอ เล่นอะไรเป็นเด็ก “พัชชา กลับไปซะ ฉันจะไม่หมั้นอะไรทั้งนั้น เธอไม่อยากหมั้นกับฉัน ฉันก็ไม่บังคับ ยอมเป็นคนเลวให้เธอไม่โดนดุ แล้วเธอจะเอาอะไรจากฉันอีก ฉันจะไม่ยอมถูกปฏิเสธเพราะฉันไม่ชอบ ทำเล่นๆฉันก็ไม่เอา ถ้าเธอต้องการจะแค่ทำให้พ่อของเธอยอมปล่อย แค่มีแฟนแล้วบอกไปว่ารักแฟนมากจะแต่งงานกับแฟน แค่นี้ก็จบ” “พ่อฉันไม่ชอบแฟนฉันนี่คะ เราหมั้นกัน สักปีหนึ่งให้แฟนฉันพิสูจน์ตัวเองได้ไหมคะ” “ทำไมเอาแต่ได้จัง พ่อแม่ให้จนเคยชินเหรอ ไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน อย่าทำให้กำหนดกับกรุงเทพฉันต้องเลื่อน” ผมเดินหลีกคนที่พูดไม่รู้เรื่อง ไร้สาระโคตร ในช่วงชีวิตของมนุษย์เรา ช่วงของวัยรุ่นจะชอบคิดว่าความรักสำคัญที่สุด แต่สำหรับผมมันไม่ใช่แล้ว นี่มันคือเวลาที่ผมต้องพิสูจน์ตัวเองให้พ่อวางใจ ไม่มีเวลามาเล่นกับเธอหรอก ผมเดินไปหาผู้รับเหมา แจ้งเรื่องไฟที่มันไม่ถูกต้อง แล้วฝ่าเพดานที่ผมอยากได้ก็ไม่ใช่แบบนี้ แม่งเอ้ยงานไม่เสร็จสักที เพราะเอาแต่แก้งานแบบนี้ ไม่ได้ดั่งใจเลยโว้ยยยยยยย แล้วยัยเด็กนี่จะเดินตามผมไปถึงไหน “จะเลิกตามฉันได้รึยัง” ผมตะคอกตามคนที่เดินตามไม่หยุด ทั้งเด็กพัชชานั่น ทั้งไอ้ชัยที่ไม่รู้จักไล่คนวุ่นวายออกไปด้วย จ้างมาไร้ประโยชน์จริง “พี่ตะวัน มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ การหมั้นมันสำคัญมาก มันไม่ใช่แค่ หนูมีแฟนหรืออะไรยังไง แต่มันคือการที่หนูจะต้องหมั้นกับเสือผู้หญิงแบบพี่อาร์ท ชีวิตหนูจะมีแต่น้ำตา” “ขอโทษที ที่ฉันก็ใช่ เสื้อผู้หญิง ไม่มีข้ออ้างแล้วเนอะ ไปวิ่งเล่นที่อื่นไป” “แต่ที่บ้านให้ตัวเลือกมาแค่ 2 ไงคะ” “ฉันไม่ชอบเป็นแค่ตัวเลือกของใคร ไปได้แล้ว ฉันไม่ใช่คนที่บ้านเธอ ที่เธอจะมาเอาแต่ใจด้วยได้ ไล่ขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจ เหตุผลที่เธอพูดมา ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเธอทำเพื่อตัวเอง ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันก็กำลังทำงานเพื่อตัวเอง ชิ่วๆ ไปได้แล้ว” พัชชา Say :: พยายามที่สุดแล้วเว้ย ฉันโดนไล่ออกมาจากตึกที่ตอนนี้กำลังอยู่ช่วงสุดท้าย คือการตกแต่งภายใน แต่พี่ตะวันน่าจะเป็นคนที่ไม่น่าคบเอาซะเลย แค่สีไฟไม่ตรงสั่งรื้อหมดเลย ฉันก้าวเดินออกมาจากตึก แก๊งลูกเป็ดของฉันก็เข้ามาประกบทันที อะไรกันเนี่ยยยยย!!!!! หนีไปต่างประเทศ ยืมเงินไอ้พูก่อนก็แล้วกัน จะได้จบปัญหาทัวร์ลูกเป็ดนี่ แต่จะจบจริงเปล่าวะขนาดมาภูเก็ตยังตามมาเลย โอ้ยยยยยยยยยย เบื่อโว้ยยยยยยย Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ฉันให้ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เจอปัญหานี้คนเดียว [ Ton Calling...... ] สายสนทนา [ สำเร็จไหมคนเก่ง ] “ไม่เลย โดนไล่ออกมาเหมือนหมาเลย เงินติดตัวยิ่งมีน้อยๆอยู่” ใช่ นอกจากทัวร์ลูกเป็ดนี่ ฉันยังโดนตัดเงิน ตัดบัตรเครดิต ไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท จะมาที่นี่ ยังยืมเงินไอ้พูมาเลย [ ไม่เป็นไร ต้นได้งานแล้วนะ แค่ผิง ต้นเลี้ยงได้ ป๊าไม่รัก แต่ต้นรัก ] “กินโอมากาเสะ หัวละสองหมื่นได้ไหม” [ เอาเบาๆแบบ โออิชิ เซ็น หรือ ยาโยอิพอเนอะ ] อะไร แค่นี้ถึงกับทำเสียงสั่นเลยเหรอ “ไม่เป็นไรป๊าอาจจะแค่โกรธที่ฉันดื้ออะ เดี๋ยวกลับแล้ว เจอกันที่กรุงเทพนะ” จบการสนทนา หลังจากวางสายก็หันไปมองแก๊งลูกเป็ดของตัวเอง ที่ยืนหน้าโฉดเหมือนเมียไม่รัก ไม่ยิ้ม ไม่แย้ม ไม่พูด ไม่จา พวกแกมีตังจ่ายค่าเครื่องบินของตัวเอง แต่ไม่มีตังจ่ายค่าเครื่องบินให้ฉันกลับเหรอ ไม่ยุติธรรมเลย บอกต้นไปว่าจะกลับไปเจอที่กรุงเทพ แต่ไม่มีเงินนี่ จะกลับยังไง ฉันกดโทรศัพท์โทรหาน้องชาย แต่โทรยังไงน้องชายของฉันก็ไม่รับ โอ้ยยยยยยย แกรับสิ แกรับสิ ปิ๊บๆ สัญญาณที่แจ้ง Low battery มันทำให้ฉันหัวใจไม่ดี “นี่ จะกลับบ้าน แต่ไม่มีตัง” ฉันหันไปคุยกับพวกบอดี้การ์ดที่เดินตามฉันไปทุกที “พวกกระผมก็ไม่มีครับ” “ก็โทรไปขอป๊าสิ!!! แกจะให้ฉันนอนข้างถนนเหรอ แกทำงานไม่ดี ฉันจะฟ้องป๊านะ” ประโยคของฉันให้เจฟยอมโทรขอเงินป๊าให้ฉัน แต่โทรยังไงก็โทรไม่ติด ทั้งป๊าและม้าของฉันเลย อะไรกัน!!! ทำไมทุกรวมหัวกันโทรไม่ติด “กระผมเงินในโทรศัพท์หมดครับ” “หมดแล้วแกโทรทำไมตั้งนาน!!! โกหกใช่ไหม!!!!!!” “ตอนแรกมันโทรได้นิครับ แต่ดันขึ้นฝากข้อความ แล้วผมกดวางไม่ทันมันเลยกินเงินน้อยนิดของผมไปหมด” แล้วเจฟก็เปิดลำโพงของโทรศัพท์ ที่โอเปอเรเตอร์บอกชัดเจนให้กรุณาเติมเงิน บอดี้การ์ดฉันนี่มันโคตรจนเลย โอ้ยยยยย ร้อน อากาศประเทศไทยอย่างกับกะทะทองแดง แต่ฉันดันแต่งตัวอย่างกับอยู่อังกฤษ มันร้อนจนตัวชุ่มเหงื่อไปหมด จะเอายังไงดี ร้อนจะตายอยู่แล้ว ในตึกก็ยังไม่มีแอร์ อากาศร้อนทำให้สมองฟ่อรู้ไหม ฉันมองพวกบอดี้การ์ดที่ไม่ได้เรื่องของฉัน อย่างเบื่อหน่าย “มากันตั้งเยอะ โทรหาป๊า ให้ป๊าโอนตังมา เข้าใจไหม ไม่งั้นทั้งพวกแกและฉันก็ไม่มีข้าวกิน รู้ไว้ด้วย” ฉันหงุดหงิด หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก “พวกทหารแบบพวกผม อดอาหารได้นานสิบวันครับ” แต่ฉันไง แต่ฉันทนไม่ได้ไง ไอ้พวกนี้พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย อดตายแน่ๆ นี่ฉันไม่ได้ดื่มน้ำมา 2 ชั่วโมงแล้วนะ อากาศก็ร้อนตับแตก จะกลับบ้านก็ไม่ได้ เดินหน้าต่อก็ไม่มีที่ไป ในช่วงที่ฉันอับจนหมดหนทางเพราะบอดี้การ์ดที่พึ่งพาอะไรไม่ได้ ก็ไปเจอพี่ตะวันที่เดินออกมาจากตึก นี่คงจะเป็นทางเดียวของฉันตอนนี้ ตอนนี้ฉันร้อน!!!! หิวน้ำ และอ่อนแรง “พี่ตะวัน พี่ตะวันคะ” ฉันวิ่งบนรองเท้าส้นสูงไปหาผู้ชายที่สูงโปร่งที่มีเลขาเดินกางร่มให้ตลอด แน่นอนว่าเขาต้อนรับฉันด้วยคำพูดที่แสนจะเป็นและระรื่นหูสุดๆ “ตามมาทำไมอีก ทำไมไม่กลับไป ฉันจะต้องไปเดินดูหลายอย่าง ฉันไม่ว่ามาเล่นกับเธอ” จะให้บอกยังไง บอกว่าไม่มีตังโคตรเสียฟอร์มเลย แต่อากาศมันร้อนมาก อย่างน้อยถ้าจะกลับที่พักก็เอาฉันไปด้วย ฉันหิวน้ำ ฉันกำลังจะหมดแรงแล้ว นี่คือสิ่งที่คิด “หนูอยากเรียนรู้งานจากพี่ตะวันอ่าค่ะ” “โกหก” “ฉันอยากจะกลับบ้าน แต่โทรศัพท์ฉันแบทหมด ตั๋วเครื่องบินมันก็มีแบบออนไลน์ จะวอล์กอินไปซื้อใหม่ก็ไม่ได้เที่ยวบินเต็ม พี่ตะวันพอจะให้หนูยืมโทรศัพท์โทรหาคุณพ่อได้ใช่ไหมคะ” ฉันฉีกยิ้มหวาน แม้ตอนนี้จะหิวน้ำยาเหงือกแห้ง “ชัย เอาโทรศัพท์ให้พัชชา” คำสั่งของพี่ตะวันทำให้ฉันได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเขา ฉันรีบโทรหาป๊าและม้าทันที แต่ทั้งคู่ไม่มีใครรับโทรศัพท์ เลยโทรหาน้องชาย ที่ตอนนี้ตอบกลับมาสั้นๆว่าประชุมอยู่ ทำไมมีการประชุมแต่ฉันถึงไม่รู้ วันนี้ไม่มีประชุมสักหน่อย “ยังไง??” สายตาที่มองเหมือนไล่ มันทำให้ฉันไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ “ถ้าพ่อฉันโทรกลับมา ช่วยบอกด้วยนะคะ ว่าฉันหิวข้าว” ฉันยอมแพ้ก็ได้ ฉันพาทัวร์ลูกเป็ดของฉันนั่งเรือกลับจากเกาะด้วยเรือที่แสนพัง เหมาลำเป็นจำนวนสองพันบาท แน่นอนมันเท่ากับเงินทั้งหมดของฉันแล้ว ฉันไม่เคยอยู่ในความรู้สึกถึงลำบากนี้เลย ฉันเปิดดูเงินในกระเป๋า ทั้งที่ฉันหาเงินอีกแค่ไม่กี่ร้อยก็หาทางกลับได้แล้ว แต่นี่ต้องมาเจอไอ้พวกงี่เง่านี่ ทำความหวังของฉันมลายหายไป ฉันมองกระเป๋าเงินที่เหลือเงินแค่ไม่ถึง 200 บาท แค่สตาร์บัคแก้วเดียวก็หมดแล้ว ฉันมองบนร่างกายของฉันหาสิ่งที่จะขายได้ รองเท้าหลุยส์ เฮ้อออโรงรับจำนำเอาไปทำไม นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของโลก ว่าของแบรนด์เนม ไม่ได้ช่วยอะไรในยามฉุกเฉิน ฉันยอมถอดต่างหูเพชรที่ใส่อยู่ ให้เจฟผู้เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดเอาไปขาย “ฉันอยากกินน้ำหวานเย็นๆไปซื้อให้หน่อยสิ ฉันไม่กินน้ำอัดลม เอาพวกน้ำผลไม้สดๆก็ได้” ฉันส่งเงินสองร้อยสุดท้ายให้หนึ่งในแก๊งลูกเป็ดไปซื้อน้ำ แล้วตัวเองก็ยืนรออยู่หน้าโรงรับจำนำ “คุณหนูครับ ได้มาแล้ว 8,000 บาทครับ” “อะไรกัน ขาดทุนไป 70% เฮ้อ ช่างเหอะ กลับเลย ฉันอยากกลับบ้านจะแย่แล้ว” แต่แล้วความซวยของชีวิตฉันมันยังไม่จบ เพราะอะไรนะเหรอเที่ยวบินหมด ไม่มีเหลือเลย โอ้ยยยยยยยยยย มันแปลว่าคืนนี้ฉันจะต้องนอนที่ภูเก็ตนะสิ ฉันหันไปมองแก๊งลูกเป็ดนับสิบชีวิต กับเงินในมือ ไม่พอ ไม่พอค่าที่พักแน่ๆ ถ้าฉันพกไปเยอะขนาดนี้ ฉันก็ต้องหาที่อยู่ให้พวกเขาด้วยนะสิ แบบนี้ไม่ดีแล้ว ต้องหนี ฉันขอแยกตัวไปเข้าห้องน้ำ มันเป็นเวลาเดียวที่ฉันจะได้อยู่คนเดียว ฉันมองซ้ายขวา หาคนที่ตัวพอๆกับฉันแล้วจัดการขอแลกชุดกับผู้หญิงคนนั้นทันที “พี่คะ น้องขอแลกชุดได้ไหมคะ เสื้อกับกระโปรงน้องแบรนด์เนมทั้งตัว เสื้อของชาแนล กระโปรงของพอลสมิต ยังไงก็คุ้ม น้องกำลังหนีบอดี้การ์ด ช่วยน้องหน่อยนะคะ” ฉันแลกชุดกับพี่ผู้หญิงที่ตัวไม่ห่างกับฉันมากนัก ก่อนจะเดินออกจากน้องน้ำแบบเนียนๆ ขอโทษนะเจฟ ฉันไม่มีจ่ายค่าที่พักให้พวกนายอ่า ฉันหักเงิน 3,700 บาท ไว้เป็นค่าเครื่องบิน เท่ากับเหลือเงินไม่ถึง 5,000 บาทด้วยซ้ำ ฉันหนีบอดี้การ์ดของป๊า แล้วเดินเล่นไปยามเย็นของภูเก็ต ที่ลืมไม่ได้ คงจะเป็นที่ชาร์จแบต ตอนนี้อยากจะนอนตากแอร์ในโรงแรมจะแย่อยู่แล้ว ฉันเลือกโรงแรมที่ใกล้สนามบิน แค่ค่าโรงแรมก็ 3,200 บาทเข้าไปแล้ว เฮ้ออออ เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยไอ้พูโอนเงินค่าข้าวมาให้ก็ได้ อีกด้าน “คุณหนูหนีไปแล้วครับ ขอโทษครับ คุณหนูเธอขอแลกชุดแล้วหนีไป หรือคุณหนูจะรู้ครับว่าทุกอย่างมันเป็นแผน” เจฟรายงานทุกอย่างให้คนเป็นเจ้านายฟัง “เจอตะวันฉายแล้ว แต่ตะวันฉายไม่ใจอ่อน สงสัยลูกสาวเรายังน่าสงสารไม่พอ แกล้งไม่รับโทรศัพท์อีกวันก็แล้วกัน การมาเที่ยวภูเก็ตนานๆทีก็ไม่ได้แย่หรอก” คนเป็นพ่อมองดูโทรศัพท์ที่มิสคอลจากลูกสาวยาวเป็นหางว่าว “เสือ ฉันสงสารลูก เราไม่เคยเลี้ยงลูกให้ลำบากเลยนะเสือ” “ตอนนี้ลูกเราต้องหัดลำบากแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD