บทที่ 6. เป็นเมียฉันนะ กล้าๆ หน่อยสิ

1522 Words
         “คุณใหญ่จะทำอะไร!”          “เอ่อ...แค่ไม่ชอบผมหางม้าของเธอ” เขาจิ้มนิ้วกับศีรษะของหญิงสาวเบาๆ “ปล่อยผมแล้วดูเป็นผู้ใหญ่หน่อย”          บัวชมพูยักไหล่ไม่สนใจกับท่าทางของเขาทั้งที่ในใจนั้น หัวใจเต้นโครมคราม เธอหันหลังให้แล้วล้างแก้วกาแฟพลางนึกกระบวนท่าอ่อยผู้ชายแบบที่เคยดูในละครหรือซีรีย์ แค่คิดเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ เสื้อผ้าเซ็กส์ซี่ไม่มีใส่ แน่นอนว่าเธอไม่ชอบ รวมทั้งไม่ชอบปล่อยผมยาวสยายเพราะดูแลยาก ไม่ชอบแต่งหน้าจัดเพรากลัวว่าหน้าจะเป็นสิว ลำบากต้องซื้อยามารักษาอีก อะไรสิ้นเปลืองก็ตัดออกไปให้หมด   การมีรายรับจำกัดทำให้เธอกลายเป็นคนคิดมาก แค่น้ำเปล่าขวดหนึ่งเธอซื้อแล้วยังต้องเก็บเอาขวดกลับบ้านเลย ถ้าออกไปข้างนอกต้องมีกระบอกน้ำติดตัวไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย  ไม่ว่ากับใคร เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนสวยเด่นสะดุดตา แต่เรื่องนั้นเธอไม่สนใจ เพราะเธอเชื่อเรื่องความดีภายในมากกว่า แล้วถ้ามีแฟนแล้วกลายเป็นภาระชีวิต ต้องปวดหัวกังวลใจ สู้อยู่เป็นโสดแล้วสะสมเงินไว้ใช้เองดีกว่า          “นี่ๆ เธอจะไม่ถามอะไรฉันหน่อยเหรอ”          “หนูต้องถามอะไรคุณใหญ่ละคะ” เธอย้อนถามกลับ แล้วหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าเขา          “เอ่อ...” ทำไมอยู่ๆ เขารู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม ปกติมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา พอเจอแบบ...เอ่อ...นิ่งๆ เข้าใส่เลยเกิดอาการไปไม่เป็น “เธอมีแฟนหรือยัง”          “ไม่มีค่ะ”          “ตอบเร็วไปหรือเปล่า ให้เวลาคิดนะ”          บัวชมพูขมวดคิ้ว “ก็ไม่มีแล้วทำไมต้องคิดใหม่ให้เสียเวลา คุณใหญ่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนเข้าใจผิดมาดักตีหัวคุณหรอกค่ะ หนูต่างหากที่ต้องกลัวว่าผู้หญิงของคุณจะมาแหกอกเอา”          “บ้าน่า! ไม่มีเรื่องแบบนั้น”          “หนูไม่ได้ทำประกันชีวิตไว้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นคุณใหญ่ต้องรับผิดชอบด้วย”          คราวนี้เป็นอลังการที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “ไม่มีฝีมือขนาดนั้นเชียว เป็นเมียฉันนะ กล้าๆ หน่อยสิ”          บัวชมพูสบตากับดวงตาคู่คมนั้นแล้วก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มท่าทางยียวน “เอาไว้เป็นได้เป็นเมียจริงๆ ก่อนแล้วรับรองว่าคุณใหญ่จะเหลือตาไว้มองผู้หญิงอื่นเลยค่ะ”          คราวนี้เป็นเป็นอลังการที่โต้กลับไม่ออก มองเธอหัวเราะคิกคักแล้วเดินมาหยิบผ้าเช็ดมือ          “วันนี้เราต้องไปที่ไหนคะ แล้วอย่าลืมพากลับมาส่งบ้านก่อนก่อนเคอร์ฟิวนะคะ หนูต้องปั่นจักรยานกลับบ้านด้วย”          “ไปกินข้าว” เขาระบายลมหายใจเบาๆ ถ้าให้เล่นจ้องตากันอีก มีหวัง เขากระโดดเข้าปล้ำแน่!          “ทราบแล้วค่ะว่ากินข้าว แต่คำถามคือกินทีไหน รบกวนขอชื่อสถานที่ด้วย หนูจะได้เตรียมตัวถูก”          “กินข้าวที่โรงแรมนั้นแหละ” เขาเดินไปหยิบกุญแจรถ หันมาอีกทีเจอมือเล็กยื่นหน้ากากผ้าให้ “อะไร”          “ออกจากบ้านต้องมีนะคะ คุณใหญ่มีไหม? หรือมีอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ นี่ใหม่เอี่ยม ซักแล้วยังไม่ผ่านการใช้งาน”          “เอามา! “ เขายื่นมือไปคว้ามาแล้วใส่ในกระเป๋าเสื้อ เดินนำหน้าออกไปก่อน บัวชมพูได้แต่กลั้นหัวเราะแล้วเดินตามไปที่รถ เขาเดินไปนั่งที่ฝั่งคนขับ แต่หญิงสาวยังยืนรออยู่ด้านนอก เขาขมวดคิ้วแล้วตะโกนถาม          “ทำไมไม่ขึ้นรถ”          “ไม่มีคนเปิดประตูให้ค่ะ”          “อะไรนะ!” อลังการอ้าปากค้างแล้วเดินลงมา “เปิดประตูรถไม่เป็นหรือไง”          “เป็นค่ะ” เธอพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม “แต่อยากให้สามีเปิดให้มากกว่า”          “โห! กล้าพูดนะ!” เขาหัวเราะออกมาแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ “เชิญครับคุณภรรยา!”          “ขอบคุณค่ะ” บัวชมพูยิ้มทะเล้นแล้วเข้าไปนั่ง แต่คราวนี้เธอเป็นฝ่ายเบิกตาโตเมื่อคนตัวใหญ่โน้มตัวมาใกล้จนปลายจมูกปัดผ่านเนียนแก้ม เธอทำตัวแข็งไม่กล้าขยับสักนิดรอจนเสียง “กริ๊ก!” ดังขึ้นจึงไดสติแล้วสบตากับดวงตาเป็นประกายของเขา          “คาดเข็มขัดนิรภัยให้เฉยๆ คิดไปถึงไหน!”           อลังการหัวเราะลั่นแล้วเดินผิวปากกลับมานั่งฝั่งคนขับ ทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าเดือดดาลของคนตัวเล็ก เออนะ! ได้ทะเลาะกับเด็กมันก็สนุกดีเหมือนกัน          รถกระบะคันใหญ่ขับตรงไปที่โรงแรมไม่ไกลจากบ้านพักของเขานัก ปกติบ้านของเขาก็ไม่ได้มีไว้เพื่อรับรองใครอยู่แล้ว เขาเน้นอยู่คนเดียว ดูแลสะดวก เวลาใครไปใครมา เขาก็ถีบส่งให้พักโรงแรมหมดนั้นแหละ นิสัยเขาเป็นแบบนี้ คนในครอบครัวก็ชินแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ปกรณ์มาถึงก็ตรงดิ่งไปที่โรงแรมเลย          ปกรณ์นั่งรอที่ล็อบบี้ ตอนนี้จะให้สั่งอาหารได้แต่นั่งกินในห้องอาหารไม่ได้ เขาเลยคิดจะสั่งขึ้นไปกินบนห้องแทน แต่อยู่ๆ จะนั่งรอบนห้องก็เกรงใจ ‘เมีย’ ของอลังการ ก็เลยมานั่งรออยู่ข้างล่างแทน ถ้าบอกว่าไม่แปลกใจถ้าหลานคนนี้จะมีเมีย แต่ที่แปลกใจคือ ‘เมียเด็ก’ ต่างหาก หรือหลงเด็กจนไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่รู้  ครู่หนึ่งเขาเห็นคนที่รอเดินเข้ามา ปกรณ์อธิบายคราวๆ แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ เขาลอบมองเมียของอลังการอยู่บ่อยๆ แต่หญิงสาวก็แค่ส่งยิ้มเล็กน้อย ไม่มีสีหน้าผิดแปลกอะไร หรือเป็นเขาที่คิดมากไปเอง          อลังการมองมือเรียวเล็กที่แตะแขนของเขา เธอสงบปากสงบคำไม่มีลับฝีปากแต่อย่างใด ปกรณ์ถามอะไรก็ตอบไปน้ำเสียงเป็นปกติไม่กระด้างและไม่มีท่าทีขี้เล่น จนเขานึกประหลาดใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนักแสดงหรือเปล่ามีองค์เจ้าแม่มาประทับกันแน่          บัวชมพูเป็นคนรู้จักกาลเทศะ อยู่ต่อหน้าปกรณ์เธอจึงทำเหมือนเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ แต่กับอลังการนั้น เขาเหมือนเด็กที่อยู่ในร่างคนตัวใหญ่ และคิดว่าไหนๆ ก็มีเวลาใกล้ชิดกันไม่นาน ก็สู้เป็นตัวของตัวเองให้เขาจำเธอได้ วันหนึ่งข้างหน้าเขาจะได้นึกได้ว่าเคยมีเธอผ่านเข้ามาในชีวิต          การได้กลายเป็นความทรงจำของใครสักคน มันก็ไม่เลวร้ายนักหรอก          “ไม่คิดจะกลับกรุงเทพฯเหรอ” ปกรณ์ถามหลังจากกินมื้อเย็นกันแล้ว          “ที่บ้านมีปัญหาอะไรเหรอ” อลังการถามกลับมองมือเล็กๆ ที่รินเบียร์ให้เขากับอา “น้องชายสองคนดูแลพ่อกับแม่ไม่ได้หรือไง”          “ไปเยี่ยมบ้างก็ดี ไม่ใช่หายหน้าไปเป็นปีๆแบบนี้” ปกรณ์ดุหลานชายตัวโต แล้วปรายตามองหญิงสาว รู้สึกถูกชะตา อย่างน้อยก็ไม่เป็นผู้หญิงที่กรี๊ดกราดออกนอกหน้าจนปวดหัว “ช่วยพูดให้กลับบ้านหน่อยสิ”          บัวชมพูเงยหน้าขึ้น ลอบมองไปทางอลังการแล้วยิ้มเล็กน้อย          “ก็บอกคุณใหญ่แล้วว่าให้กลับไปเยี่ยมคนที่กรุงเทพฯบ้างไม่ต้องห่วงคนทางนี้ งานในฟาร์มไข่มุกรอคุณใหญ่ได้ค่ะ”          อลังการนิ่งไปชั่วขณะ เพราะปลายนิ้วของเธอแตะท่อนแขนของเขา มีความห่วงใยและอบอุ่นแทรกผ่านผิวกาย พลันหัวใจคันยุบยิบยากจะบรรยาย เขาห่างเหินความรู้สึกเหล่านี้ไปนานเหลือเกิน          “กลับไปเยี่ยมพ่อแม่บ้างก็ดี อย่าให้คนแก่ต้องเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเลย” ปกรณ์โคลงศีรษะไปมา “ชวนเมียไปด้วยสิ แม่แกคงดีใจ”          อลังการอ้าปากจะพูดแต่บัวชมพูชิงพูดออกมาก่อน “หนูต้องดูแลแม่ค่ะ”          “เออ ลืมไป เหมือนเมื่อวานก็พูดอยู่นี่” ปกรณ์พยักหน้ารับ “แม่ป่วยเป็นอะไรนะ”          “โรคไตค่ะ ท่านต้องฟอกไต โชคดีที่คุณใหญ่คอยช่วยเหลือ ไม่รังเกียจ ไม่อย่างนั้นครอบครัวหนูต้องแย่แน่ๆ”            รอยยิ้มของหญิงสาวเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ อลังการย่อมดูออก เขาเองอายุไม่น้อยเรื่องง่ายแค่นี้ทำไมจะไม่เข้าใจ แต่เพราะเธอมักชอบทำปากเก่งใส่เขา จึงไม่คิดว่าจะมีแววตาเช่นนี้มองให้          ปกรณ์ลอบมองสองคนสลับไปมา แรกทีเดียวตั้งใจจับผิด คิดว่าอลังการต้องหาคนมาสวมรอยเป็นเมียเพราะไม่อยากแต่งงานกับหนูเนยเป็นแน่ๆ แต่ดูๆ แล้วเด็กคนนี้ก็ไม่เลวทีเดียว ถ้าจะลองลุ้นให้เป็นผัวเมียกันจริงๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกันแฮะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD