“จะฟังกันสักนิดได้มั้ยคะ ตาวไม่ได้อยากเป็นเมียพี่แดน ตาวยังต้องการเป็นน้องสาวพี่แดน ขอให้เชื่อตาวสักครั้งนะคะ” ตวิษาเอ่ยออกมาด้วยเสียงอ่อนใจ เวลาที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เขารู้จักเธอเลยสักนิด ทำไมเขาถึงคิดว่าเธอกล้าทำเลวแบบนั้น และที่สำคัญคุณจักรพันธ์และคุณวลัยภรณ์จะยอมให้เธอกล่อมท่านทั้งสองขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้
“ถ้าฉันเชื่อเธอฉันก็โง่มากแล้วล่ะตาว อย่ามาแก้ตัวเลย เพราะการกระทำของเธอมันบอกทุกอย่างหมดแล้ว” แดนไทยเอ่ยอย่างไม่สนใจตวิษา เขาเชื่อว่าเธอเป็นเช่นนั้น เขาเสียดายเวลาที่เคยใช้ร่วมกับเธอ ต่อไปนี้อย่าได้คิดว่าจะหลอกคนอย่างเขาได้อีก คนเรามันโง่ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหล่ะ
“งั้นก็แล้วแต่พี่แดนเถอะค่ะ อยากทำอะไรก็ทำเลย ในเมื่อคำพูดของตาวไม่มีความหมาย มันก็เหนื่อยเปล่าที่ตาวจะอธิบายอะไร” ตวิษาเอ่ยออกมาอย่างปลงตก นับแต่นี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะถือเสียว่านี่คือการทดแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ
“ยอมรับตั้งแต่แรกมันก็จบแล้ว ในเมื่ออยากเป็นเมียก็ทำหน้าที่เมียให้สมบูรณ์แบบก็แล้วกัน” แดนไทยยิ้มหยันเมื่อมองไปที่ร่างงามของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของเขา
“ค่ะ ต่อไปนี้ตาวจะทำหน้าที่ของภรรยาอย่างดีที่สุด ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยคะ งั้นตาวขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ จะได้พักผ่อนเสียที” ตวิษาเอ่ยอย่างพาซื่อ
“นี่เธอโง่หรือแกล้งโง่ ที่ไม่รู้ว่าหน้าที่ที่สำคัญของภรรยาต้องทำอะไร” แดนไทยหัวเสียขึ้นมา เมื่อเห็นหญิงสาวทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน
“แล้วต้องทำอะไรล่ะคะ” แม้ว่าจะพอรู้เลาๆ อยู่ว่าเขาหมายความว่ายังไง แต่การที่เธอพยายามเลี่ยงเรื่องนี้ เพราะเธอเชื่อว่าวันหนึ่งเธอจะสามารถกลับมาเป็นพี่น้องกับแดนไทยได้ แต่หากว่าเธอมีความสัมพันธ์กันในฐานะสามีภรรยา อนาคตข้างหน้าเธอคงจะเป็นแค่คนที่เคยรู้จักของเขา
“นั่นไง หน้าที่บนเตียง นั่นน่ะหน้าที่หลัก ส่วนเรื่องอื่นมันหน้าที่รอง จำเอาไว้ด้วย” สายตาของชายหนุ่มมองไปที่เตียงนอนใหญ่ที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นรูปหัวใจสวยงาม หากว่านี่คือการแต่งงานด้วยความสมัครใจ เขาคงมีความสุขกับการเข้าหอคืนนี้เป็นอย่างมาก