ตอนที่ 3

1340 Words
เหมือนผู้ชายทั่วไป หากจิตวิญญาณที่อยู่ภายในนั้นอ่อนไหวเกินหญิง กรีดกรายเข้ามาหาดาวเรียงเร็วรี่ “งามมากค่ะหนูดาว…ว่าแต่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าด่วนเลยจ้ะ…ด่วนๆๆๆ” เจ๊แป๊ดรีบจีบปากจีบคอ ชี้แจงคิวงานที่รออยู่อีกที่ นางแบบสาวทำหน้าง้ำงอ ชีวิตที่ผูกเอาไว้กับเงื่อนเวลา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหมือนนักโทษไปทุกที เธอพยายามเก็บอาการโกรธเกรี้ยว ด้วยการวางสีหน้าเรียบเฉย แววตาชืดชากับทุกสิ่งตรงหน้า ไม่มีท่าทีสนองตอบต่อคำพูดของผู้จัดการแม้แต่น้อย ไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่สนใจเจ๊แป๊ดที่กำลังสาละวนอยู่กับการรับโทรศัพท์จากสายเรียกเข้าถี่ยิบ “เป็นอะไรหรือเปล่า?..ดาว” เจ๊แป๊ดถาม เริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดาวเรียง “…….” ทว่ามีเพียงความเงียบที่สะท้อนกลับมา “หนูดาวจ๋า มีช่องบันเทิงของทีวีชื่อดังรอสัมภาษณ์หนูอยู่ค่ะ”  เจ๊แป๊ดรีบแจ้งด้วยน้ำเสียงหวาน ใช้คำว่า ‘ค่ะ’ และ ‘จ้ะ’  จนติดเป็นนิสัย ซึ่งก็ฟังดูไม่ขัดแย้งเท่ากับตอนที่เจ๊แป๊ดใช้คำว่า ‘ครับ’ ดาวเรียงทำทีว่าไม่ได้ยิน รีบเปลื้องเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่สวมใส่ ด้วยความรวดเร็ว เพียงเสี้ยววินาที เรือนร่างที่เพิ่งเฉิดฉายไฉไลอยู่บนเวทีเมื่อครู่ก็เปิดเปลือยต่อหน้าต่อตาเจ๊แป๊ดและหญิงสาวที่คอยช่วยเหลือนางแบบในเรื่องเสื้อผ้า ทว่าสายตาเหล่านั้นก็ไม่ได้ตกใจกับการเปลื้องผ้าของเหล่านางแบบที่เห็นกันจนชินชา และในสถานที่ลับตาตรงนั้น ล้วนมีแต่ผู้หญิง ยกเว้นเจ๊แป๊ด…หากก็ถูกนับรวมเข้าไปด้วยได้อย่างไม่ขัดแย้ง             “ดะ...ดะ...เดี๋ยว! นั่นหนูดาวจะไปไหน?” เจ๊แป๊ดตะโกนเสียงหลง ทำตาโตเหมือนไข่ห่านจนเห็นตาดำลอยเด่นอยู่กลางตาขาว ริมฝีปากเผยออ้าเป็นรูปตัวโอ เมื่อเห็นดาวเรียงรีบสวมเสื้อผ้า คว้ากระเป๋า ทำทีท่าว่าจะจากไป ทั้งที่คิวงานยังรออยู่อีกบานเบอะ             “เบื่อค่ะ!...ขอให้ดาวได้มีชีวิตเหมือนผู้คนอื่นๆบ้างเถอะนะคะพี่แป๊ด” ดาวเรียงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้กระแทก ไม่ได้สาดน้ำเสียง แต่กดน้ำเสียงที่ท้ายประโยคเชิงวิงวอน ซึ่งคนฟังก็รับรู้ได้ว่าในน้ำเสียงราบเรียบนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์อัดอั้น “หา…อะไรนะ!...เบื่อไม่ได้นะดาว” เจ๊แป๊ดอุทานเสียงแหลม จีบนิ้วขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ ดาวเรียงรีบคว้ากระเป๋า หยิบแว่นตาสีดำกรอบใหญ่และหมวกขึ้นมาสวมลงบนศีรษะ อำพรางตัวตนจากการรับรู้ของผู้คนที่สนใจเธอ             “อร๊าย!!!...พังๆๆๆ อกอีแป๊ดจะแตก” เจ๊แป๊ดกระทืบเท้าปึงปังอยู่กับที่ กรีดร้องลั่นอยู่หลังเวที รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเหนี่ยวรั้ง ยากเหลือเกินที่จะเปลี่ยนใจดาวเรียง ขนาดเจ๊แป๊ดยังยกให้เธอเป็นอาร์ตตัวแม่             ที่ลานจอดรถซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น ดาวเรียงหลบรอดแสงไฟแฟลชและคมเลนส์ที่รอจับภาพของเธอออกมาได้อย่างหวุดหวิด ฉิวเฉียดกับปาปาราสซี่ที่คอยติดตามดูชีวิตเธอทุกฝีก้าว เธอรีบก้าวยาวมาที่รถบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 สีดำอาบมัน ตี๊ดๆๆ!!!... เสียงสัญญาณคลายล็อคดังขึ้นเมื่อกดรีโมท ไฟด้านหน้าและไฟข้างตอบรับสัญญาณด้วยการกระพริบถี่สามครั้ง มือเรียวกระชากประตูรถ ถลันร่างรัดรึงเข้าไปข้างใน ทรุดกายลงนั่งด้วยความรวดเร็ว เสี้ยวอึดใจที่แผ่นหลังได้เอนพิงเบาะหนังอ่อนนุ่ม ความสับสนแล่นรุมเข้ากุมเกาะหัวใจดวงน้อยๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนกน้อยที่กำลังโหยหาอิสรภาพ ครั้นแล้วก็หลับตา ระบายลมหายใจอันหนักอึ้งออกจากทรวงอกเสียบ้าง แม้ความอึดอัดกลัดกลุ้มจะไม่หายไปเสียทีเดียว แต่ก็รู้สึกโปร่งโล่งอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยจากสายตา จึงค่อยๆเสียบกุญแจ สตาร์ทรถอย่างไม่รีบร้อนนัก ปลายเท้าเรียวกดลงเต็มแป้นคันเร่ง ให้กำลังแรงม้าของเครื่องยนต์ช่วยส่งร่างของเธอพร้อมกับพาหนะ ทะยานออกจากโลกมายาที่น่าเบื่อหน่ายใบนี้โดยเร็วทีเถอะ บรื๊นนนนน…..             จากนั้นไม่นานนัก ทั้งคนและรถก็พุ่งทะยานออกจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ตัวเลขจากนาฬิกาที่โชว์อยู่ใกล้ๆหน้าปัทม์มาตรวัดความเร็ว บอกว่าเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม ดาวเรียงไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางที่จะไปคือที่ไหน? ไม่มีแผ่นที่คร่าวๆในใจ ไม่มีการวางแผนใดๆเอาไว้ในสมอง รู้แต่ว่าไม่ใช่คอนโดหรูราคาหลายล้านย่านสีลมที่เธอซื้อเอาไว้อย่างแน่นอน                                              ระหว่างที่เลี้ยวรถออกมาสู่ถนนสายหลัก ร่วมผจญกับรถราคลาคล่ำอยู่พักใหญ่ๆ ครั้นแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีน้ำเงินของป้ายบอกทาง ชี้ว่าโค้งข้างหน้าคือทางด่วน เธอตัดสินใจวาดวงเลี้ยวเพียงเสี้ยวนาที ตรงรี่เข้าไปที่ด่านเก็บเงิน ควักสตางค์แล้วยื่นให้พนักงานชายที่ง่วนงมอยู่กับการรับและทอนเงินมากกว่าจะสนใจมองหน้าคนผ่านทางที่ยื่นใบหน้าผลัดเปลี่ยนมาให้เห็นวันละหลายพันคน เพราะรถราที่ทยอยเข้ามาไม่ได้ขาด การรับและทอนเงินอย่างมีสมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ทว่าในตอนที่พนักงานชายยื่นเงินทอนกลับมาให้ ในจังหวะเงยใบหน้า ก็ถึงกับตะลึง เมื่อหญิงสาวที่เอื้อมมือเรียวออกมารับเงินทอนด้วยสีหน้าเรียบเฉย คือผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ปรากฏอยู่บนแผ่นป้ายโฆษณาเครื่องสำอางขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ห่างจากทางด่วน ดาวเรียงรับเงินทอนแล้วพุ่งผ่านช่องจ่ายเงินเข้าสู่ทางด่วนโดยเร็ว อยู่ๆ…สิ่งดลใจบางอย่าง แท้จริงก็คือจิตใต้สำนึกของหล่อนที่โหยหาความรักอยู่ทุกขณะนั่นเอง ทำให้ดาวเรียงนึกถึง ‘ยายน้อม’ หญิงชราที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กๆ นึกถึง ‘เดือน’ พี่สาวที่เติบโตมาด้วยกัน เคยกินนอนร่วมกันมาตั้งแต่แบเบาะ   ‘เดือนและยายน้อม’ ผู้หญิงสองคนที่ชีวิตของดาวเรียงรักและผูกพันมากที่สุดในโลกใบนี้ ชื่อของผู้หญิงทั้งสองคนสะท้อนกึกก้องอยู่ในกระแสความคิดของหญิงสาวที่กำลังถูกกระตุ้นด้วยแรงคิดถึง ทุกครั้งที่หัวใจดวงน้อยถูกทับถมด้วยความทุกข์เกินจะทน ดาวเรียงมักจะนึกถึง ‘ยายน้อม’ ผู้เป็นยาย ขึ้นมาเป็นคนแรก อีกคนคือ ‘เดือน’ ซึ่งเป็นพี่สาวที่เธอรัก แม้ครั้งสุดท้าย ระหว่าง ‘ดาว’ กับ ‘เดือน’ จะเกิดเรื่องบาดหมางถึงขั้นทำให้ความสัมพันธ์ร้าวฉาน เหมือนถ้อยคำที่ว่า ‘รักมากก็เกลียดมาก…ยิ่งรักยิ่งเกลียด’ ต่างคนต่างก็มีทิฐิแรงกล้า ทำให้เดือนและดาวขาดการติดต่อกันมานาน จากเหตุการณ์ที่ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง…เมื่อสองปีที่ผ่านมา คืนนี้…ไม่มีการวางแผนใดๆเอาไว้ล่วงหน้า ดาวเรียงตัดสินใจบ่ายหน้าขึ้นเหนือ ด้วยหัวใจที่แน่นหนักไปด้วยความรักและคิดถึง แอบหวังว่าการได้กลับไปเจอกันครั้งนี้ อาจทำให้ความสัมพันธ์ของตนกับพี่สาวที่ชื่อเดือนนั้นดีขึ้น   ผ่านมานานเท่าไรไม่รู้ ที่แสงไฟจากดวงโคมหน้ารถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันหรู สาดฝ่าความความมืดมิดบนถนนสายเอเชียที่ทอดตัวอยู่ในความเงียบสงัด เหมือนงูตัวยาวที่สงบอยู่ในอาการหลับใหล นานๆครั้งจึงจะมีแสงไฟจากรถที่อยู่อีกฟากถนน สาดสวนมาให้เห็น 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD