เปิดกล้องถ่ายทำละครวันแรก โลเคชันคือคฤหาสน์หลังงามที่เป็นของบริษัทเธอบนที่ดินแสนกว้างขวางชานเมือง ซึ่งที่ดินแปลงนี้มีคฤหาสน์ที่ใช้เป็นโลเคชันถ่ายทำละครหลายหลัง รวมทั้งสวนสวยและสถานที่จำลองที่สมจริงสำหรับการถ่ายทำละครอีกหลายฉาก
ปุณณดามาให้กำลังใจนักแสดงและทีมงานทุกคน รวมถึงมาดูแลความเรียบร้อยตามปกติ เธอหอบหิ้วขนมเจ้าดังมาเต็มสองมือแล้วยื่นให้แม่บ้านเอาไปจัดใส่จานและแจกจ่ายตามฝ่ายต่างๆ
เหลือบสายตามองเห็นพระเอกของเรื่องที่ทำให้เธอนอนไม่หลับมาทั้งคืนกำลังเข้าฉากอยู่ จึงเดินเลี่ยงเข้ามาในห้องแต่งตัวนักแสดง นั่งพักในห้องแอร์เย็นๆ เพื่อสงบจิตใจก่อนออกไปเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นอีกครั้งเมื่อพร้อม
“สวัสดีค่ะพี่แป้ง”
นางเอกของเรื่องที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จ กล่าวทักทายผู้จัดละครที่ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่เล็งเห็นว่าเธอมีความสามารถ ตั้งใจผลักดันเธอให้โลดแล่นในวงการนี้ ทั้งที่เธอไม่มีประสบการณ์ แต่กลับหยิบยื่นบทที่โดดเด่นจัดจ้านให้เธอแจ้งเกิดได้อย่างสบาย
“สวัสดีค่ะ เป็นไงบ้างน้ำตาล ตื่นเต้นไหม”
“ตื่นเต้นค่ะ แต่เวิร์คชอปมาแล้วก็ดีขึ้น นี่น้ำตาลถ่ายไปสองฉากแล้วค่ะ”
“ดีมาก ผู้กำกับชมไม่หยุดปากเลยว่าน้ำตาลเก่ง”
“ขอบคุณมากค่ะพี่แป้งที่ให้โอกาสน้ำตาล เดี๋ยวขอตัวไปเข้าฉากก่อนนะคะ วันนี้ผู้กำกับอัดฉากของน้ำตาลเยอะเลย เพราะพรุ่งนี้น้ำตาลต้องไปที่คณะก่อนค่ะ อาจารย์ที่ปรึกษาเรียกพบนักศึกษาทุกคนเลย”
“ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา มีอะไรก็ปรึกษาพี่ต้อยติ่งได้นะ พี่มอบหมายให้พี่ต้อยติ่งดูแลเรื่องคิวนักแสดง แกเก่งมาก มีประสบการณ์สลับคิวถ่ายทำตั้งแต่สมัยมะลิกับเอ่อ..กวินแล้วจ้ะ”
ชื่อของผู้ชายคนนั้น อยู่ๆ ก็ติดอยู่ที่ลำคอ แทบไม่สามารถเปล่งเสียงออกไปได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนอย่างแป้งหอมต้องมาประหม่า เพียงแค่เอ่ยชื่อเขาเท่านั้น บ้าจริง
“ได้ค่ะพี่แป้ง น้ำตาลฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ มีอะไรพี่สอนน้ำตาลได้เลยค่ะ”
“จ้ะ”
“น้องน้ำตาล เข้าฉากค่ะ”
ทีมงานยื่นหน้าเข้ามาในห้องพักผ่อนที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำเพื่อตามนางเอกสาวไปเข้าฉาก ที่หลังจากนี้คงไม่ได้กลับเข้ามานั่งพักผ่อนในห้องนี้อีกนานเพราะคิวถ่ายทำที่ยาวเหยียด
“ขอตัวก่อนนะคะพี่แป้ง”
“ไปเถอะจ้ะ สู้ๆ นะคะ”
เมื่อนางเอกสาวแสนสวยออกจากห้องแต่งตัวและพักผ่อนของนักแสดงไปแล้ว ปุณณดาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง
เธอกวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้องที่แม่บ้านเพิ่งเข้ามาทำความสะอาดและจัดข้าวของทุกอย่างไว้อย่างเป็นระเบียบตามที่เธอชอบ มุมห้องอีกด้านมีตู้ล็อกเกอร์สำหรับใส่ของส่วนตัวของนักแสดงและทีมงาน เสื้อผ้านักแสดงทุกคนถูกจัดแยกราวใครราวมันและมีชื่อของนักแสดงติดเอาไว้อย่างสวยงาม
ในโซนนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวหลายตัวสำหรับให้ทุกคนเข้ามาพักเหนื่อยเมื่อถึงเวลาพักผ่อนหรือช่วงที่ไม่มีเข้าฉาก ซึ่งในตอนนี้ ทั้งห้องมีเพียงเธอคนเดียวที่เข้ามาใช้บริการ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมาท่องโลกโซเชียลเพื่อเช็กข่าวสารตามปกติ ก็ต้องถอนหายใจยาวอีกครั้งเมื่อหน้าข่าวทุกสำนักเต็มไปด้วยภาพของเธอกับธพัชร์เพื่อนรัก พร้อมเนื้อหากำกวมที่ทำให้คนอ่านเข้าใจผิดว่าเธอกับเขาแอบคบกันอยู่
“เฮ้อ อีกแล้ว”
เธอกดอ่านคอมเมนต์ไปเรื่อยๆ มีแต่คนเชียร์ให้เธอกับธพัชร์คบกันจริงๆ ซึ่งข้อความพวกนี้ทำให้เธอลำบากใจ
ไม่ใช่ว่าสาวมั่นอย่างเธอจะแคร์ความเข้าใจผิดของคนอื่นหรอกนะ แต่คนที่เธอแคร์ คือเพื่อนรักของเธอต่างหาก
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาคิดและรู้สึกอย่างไรกับเธอ ตลอดเกือบสามสิบปีที่คบกันมา เขาดีกับเธอมาก เขารักเธอจริงๆ และยอมรับทุกอย่างที่เธอเป็นได้ แม้จะไม่เคยพูดออกมาว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่สายตาของเขามันไม่สามารถปิดบังความรู้สึกนั้นได้เลย
แต่ที่เธอไม่ทักท้วงและปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเธอไม่อยากเสียเพื่อนที่รักที่สุดอย่างเขาไป เธอไม่สามารถรักเขาได้ในฐานะอื่น และไม่อยากพูดออกมาให้เขาเสียใจและเสียความรู้สึก จึงขีดเส้นความสัมพันธ์เอาไว้เพียงแค่เพื่อนเท่านั้น และเธอก็มั่นใจว่าเขาเองก็รู้ในเรื่องนี้
นี่จึงเป็นเหตุผลให้เธอกับเขาคบกันมาได้อย่างยาวนาน เพราะเราทั้งคู่ต่างเข้าใจความเป็นจริง และพยายามทำทุกอย่างให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่สุด และแคร์กันมากพอที่จะไม่ยอมเสียกันและกันไป
ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่พูดคุยและปรึกษากับเขาทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องความรัก เขาเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน เธอรู้ว่าเขาพยายามจะใช้ชีวิตต่อไป พยายามมูฟออนออกจากเธอ
เขามีคนรักตามปกติของชีวิตวัยรุ่น ผู้หญิงหลายคนผ่านมาก็ผ่านไป ไม่เคยมีใครอยู่กับเขาได้นานเกินหนึ่งปีแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะดีแสนดีแค่ไหนก็ตาม
เธอได้แต่คอยเอาใจช่วยและเป็นที่ปรึกษา ให้เขาได้มีคู่ครองตามปกติ และสามารถลงหลักปักฐานกับผู้หญิงที่คู่ควรสักคน ที่ทำให้เขารักได้มากพอ รักได้มากกว่าที่เขารู้สึกรักเธอ ถ้ามีวันนั้น เธอจะยินดีและมีความสุขมากที่สุด
เธอวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวอย่างอ่อนล้า แต่แล้วโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา หน้าจอโชว์รูปน้องชายรูปหล่อจึงกดรับสายทันที
“ว่าไง ปัณณ์”
ปัณณ์ ปัณณธี น้องชายคนสุดท้องที่ร่วมกันบริหารบริษัทผลิตละครของพ่อ นำของว่างที่แม่และพ่อสั่งให้ซื้อมาเลี้ยงทีมงาน แต่ตามหาพี่สาวเท่าไรก็ไม่เจอ จึงต้องโทรหา
“พี่แป้งอยู่ไหน ผมเอาขนมมาให้ พ่อกับแม่ฝากเอามาให้น่ะ ผมให้พี่ต้อยติ่งเอาไปแจกจ่ายแล้วนะ”
“อืม ขอบใจมาก พี่อยู่ในห้องพักนักแสดง”
“เข้าไปทำอะไรในนั้น นั่งพักเหรอ วันนี้อากาศก็ไม่ร้อนมากเท่าไรนี่นา ป่วยหรือเปล่า”
ปัณณธีอดแปลกใจไม่ได้ แม้พี่สาวของเขาจะสวยแซ่บแต่งตัวแฟชั่นจ๋าไปทั้งตัว แต่เธอไม่เคยทำตัวเป็นลูกคุณหนูไฮโซทนความลำบากไม่ได้ กลับกัน เธอเป็นสาวแซ่บที่บ้างาน ถึกและสายลุยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมวันนี้กลับหนีไปนั่งตากแอร์ ทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดกล้องวันแรก และนักแสดงทุกคนมารวมตัวกันเพื่อถ่ายทำกันกลุ่มใหญ่ขนาดนี้
“เพลียๆ นิดหน่อย แต่อีกสักพักก็ออกไปแล้ว ปัณณ์มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ แต่เดี๋ยวผมเข้าไปหานะ”
“อืม”
ไม่นานเกินรอ น้องชายที่รักและเป็นห่วงพี่สาวมากก็แทบถลาเข้ามาในห้องแต่งตัวนักแสดง เขารีบตรงดิ่งไปหาพี่สาวที่นั่งอยู่บนโซฟามุมห้อง แล้วยื่นหลังมือไปแตะหน้าผากโหนกนูนนั้นเพื่อวัดไข้
“อืม ตัวก็ไม่เห็นร้อน ปวดหัวหรือเปล่า พี่กลับบ้านก็ได้นะ เดี๋ยวผมดูที่นี่ให้”
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย ทำอย่างกับพี่เป็นเด็กๆ ไปได้ ทั้งพ่อทั้งน้องชาย นี่ยังไงกันนะ”
“ก็พี่กับแม่คือผู้หญิงที่พวกเรารักและทะนุถนอมที่สุดนี่ครับ จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง”
“ทำอย่างกับพี่บอบบาง”
“ฮ่าๆๆๆ จริงสิ ร่างกายพี่น่ะอ้อนแอ้นบอบบางน่าทะนุถนอม แต่นิสัยพี่ไม่บอบบางไปด้วยเลย สาวแซ่บจอมถึก”
“ฮ่าๆๆ พอเลย กลับไปเลยเจ้าปัณณ์”
“แน่ใจนะ ว่าไม่ป่วย ผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า”
พูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักพี่สาวหน้าตาเฉย
“อะไรเนี่ย สรุปจะอยู่เป็นเพื่อนหรือง่วงนอนกันแน่ เอาดีๆ เมื่อคืนไปเดตกับสาวจนไม่ได้หลับได้นอนสินะ”
“ฮ่าๆๆ แหม รู้ดี ของีบนิดนึงไม่ได้เหรอครับ นี่แม่จะให้ไปรับที่บ้านน้าทอฝันอีกแล้ว ผมรู้เลยว่าแม่เจ้ากี้เจ้าการให้ผมเจอกับลูกสาวน้าทอฝัน บอกว่าสวยอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าสวยจริงจะโสดได้ยังไง จริงไหม”
“พี่สาวนายก็สวยมาก แถมยังโสดสนิทนะ อย่าลืมสิ เดี๋ยวนี้สาวๆ สวยๆ เขาเลือกมากจะตาย อาจจะไม่ใช่แค่นายหรอกที่เบื่อหน่ายบ่ายเบี่ยงไม่อยากเจอหน้าเธอ เธอเองก็อาจจะพยายามหนีหน้านายก็ได้ ใครจะไปรู้”
“เออ นั่นสิ พี่สาวผมทั้งสวย ทั้งแซ่บ แต่ยังโสด แล้วก็ท่าทางจะโสดตลอดชีวิต เพราะพ่อและน้องชายไม่ยอมให้มีแฟน ฮ่าๆๆๆ”
“โหย ไม่ยุติธรรมเลย คอยดูนะ พี่จะหาแฟนให้ได้เลย”
“อืม ถ้าเป็นพี่พัชร์ พวกผมก็อาจจะโอเคก็ได้นะ แม้จะไม่อยากให้พี่เป็นของผู้ชายคนอื่น แต่ก็จะยอมทำใจ”
“โอ๊ย พูดอย่างกับพี่เป็นเมียพวกนาย ไอ้พวกนี้ท่าจะเพี้ยน”
“ก็มันหวงนี่นา”
เขาหยิบนิตยสารที่อยู่บนโต๊ะมาปิดหน้าเพื่อป้องกันแสงไฟแยงตาอีกต่างหาก เป็นสัญญาณว่า เรื่องแฟนของพี่สาว จบกันแค่นี้ วันนี้เปิดใจอนุญาตได้แค่นี้เท่านั้น