ตอนที่ 2 เงินไม่พอใช้

2009 Words
"ข้าหิวจัง มีข้าวให้ข้ากินไหม" นางหิวจริงๆ ก่อนตายนางก็ยังไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นเลยด้วยซ้ำ ชีวิตนางช่างอนาจแท้ "จริงด้วย ท่านหลับไปสองวันคงจะหิวมากแล้ว อี๋นั่วๆ เจ้าอยู่ข้างนอกหรือไม่" ซูลี่เอ่ยตะโกนเรียกสาวใช้ข้างกายของซูเม่ย "เจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูใหญ่ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ!" สาวใช้เดินเข้ามาเห็นซูเม่ยเจ้านายของตนฟื้นขึ้นมาแล้วร้องดีใจ "ใช่แล้ว เจ้ารีบไปเตรียมข้าวมาให้พี่หญิงใหญ่ พี่ข้าหิวมากแล้ว" อี๋นั่วรับคำสั่งและรีบออกไปจัดเตรียมข้าวมาให้คุณหนูของตน หลังจากที่อาหารมาวางตรงหน้า นางก็เกิดคำถามขึ้นมา ทำไมไม่มีเนื้อเลยล่ะ หรือคนสมัยนี้ไม่กินเนื้อกันหรือ ไม่สิ หรือว่าไม่มีเงิน เงินสี่ตำลึงเงินนั่นคงไม่เพียงพอที่จะซื้อเนื้อมาทำกินสินะ แต่นางไม่ชอบกินผักนี่นา ให้ฝืนใจกินก็ยาก ผักที่กินได้ก็มีเพียงแตงกวากับแครอทแต่อาหารบนโต๊ะนั้นกลับไม่มีเลย ฝืนใจกินไม่ได้สักอย่าง คงต้องกินแต่ข้าวต้มเปล่าๆ "ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ ท่านฝืนกินผักสักหน่อยนะเจ้าคะ ท่านจะได้แข็งแรง ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบกินผักเท่าไหร่แต่ฝืนสักหน่อยนะเจ้าคะ" ซูเม่ยก็ไม่ชอบกินผักเช่นเดียวกับนาง "อี๋นั่วไปต้มไข่มาให้พี่หญิงใหญ่" ซูลี่เห็นสีหน้าของซูเม่ยจึงบอกให้สาวใช้ไปต้มไข่มาให้ อย่างน้อยก็กินข้าวต้มกับไข่ต้มก็ได้ "ข้าขอถามอะไรหน่อย เงินเราไม่พอที่จะซื้อเนื้อหรือ" "เงินส่วนที่ซื้อเนื้อกินทุกเดือน เราซื้อมาและกินกันไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้เหลือแค่ไข่กับผักเจ้าค่ะ เงินที่เหลือก่อนหน้านี้ก็จ่ายค่ารักษาท่านไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ท่านอดทนอีกนิดนะเจ้าคะอีกสี่วันท่านพ่อก็จะส่งเงินมาแล้ว" "ที่นี่มีคนอยู่กี่คน รวมสาวรับใช้ไปด้วย" "ในจวนเรามีทั้งหมดสิบเอ็ดคนเจ้าค่ะ มีท่าน ข้า ซูลี่ ป้าจางคนข้างกายท่านแม่ตอนนี้คอยดูแลพวกเราแล้วก็ทำอาหารเจ้าค่ะ สาวรับใช้ข้างกายสามคนอี๋นั่ว ซิงอี ซิงเยียน สาวรับใช้ที่ดูแลความสะอาดในจวนอีกสามคน แล้วก็หวังจิ้งเป็นคนดูแลความปลอดภัยในจวนเจ้าค่ะ" นางอึ้งกับจำนวนคนในจวนแห่งนี้ สิบเอ็ดคนกับเงินสี่ตำลึงเงิน "เงินหนึ่งตำลึงมีค่าเท่าไหร่" "หนึ่งตำลึงทองเท่ากับสิบตำลึงเงิน หนึ่งตำลึงเงินเท่ากับหนึ่งก้วน หนึ่งก้วนเท่ากับหนึ่งพันเหวินเจ้าค่ะ" ซูลี่เป็นคนตอบ "แล้วหนึ่งเหวินซื้ออะไรได้บ้าง" เห็นซูเม่ยยังคงสงสัยในค่าเงิน ซูลี่เลยให้คำตอบอีกครั้ง "หนึ่งเหวินซื้อไข่ไก่ได้หนึ่งฟองเจ้าค่ะ น้ำตาลปั้นสามเหวิน ซาลาเปาสี่เหวิน บะหมี่หนึ่งชามห้าเหวิน ไก่หนึ่งตัวยี่สิบเหวิน หมูหนึ่งตัวหนึ่งร้อยห้าสิบเหวิน ปิ่นปักผมลายธรรมดาหนึ่งตำลึงเงินถึงสองตำลึงเงินเจ้าค่ะ ท่านพอจะเข้าใจหรือไม่" นางพยักหน้าตอบ นางนึกภาพตามออกทันทีที่ซูลี่อธิบายราคาของต่างๆ เริ่มไม่แปลกใจที่เงินสี่ตัวลึงนี่จะไม่พอ เงินแค่นี้จะไปพอกับคนในจวนทั้งสิบเอ็ดคนได้ยังไง แล้วไหนจะยังมีค่าจ้างอีก ว่าแต่สาวใช้มีค่าจ้างรายเดือนให้หรือไม่ "ท่านยังมีอะไรสงสัยอีกหรือเจ้าคะ" "ที่นี่ได้ให้เงินค่าจ้างกับสาวใช้หรือไม่" "ให้เจ้าค่ะ เดือนละห้าสิบเหวิน แต่หวังจิ้งได้หนึ่งร้อยเหวินส่วนป้าจางหนึ่งร้อยห้าสิบเหวินเจ้าค่ะ" เงินเดือนน้อยจัง นี่คือความคิดของซูเม่ยในเมื่อนางต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จะใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบลำบากแบบนี้ไม่ได้ นางต้องมีเนื้อกินทุกวัน มีเงินเยอะๆ อย่างไงนางก็คงกลับไปไม่ได้หรอก เพราะนางได้ตายไปแล้วนี่ ส่วนซูเม่ยเจ้าของร่างเองก็คงตายไปแล้วเหมือนกัน นางเลยมาอยู่แทน อี๋นั่วนำไข่ต้มมาสองฟอง จึงกินเพียงแค่ข้ามต้มกับไข่ต้ม หลังจากกินเสร็จนางก็ให้สองแฝดออกไปก่อนเพราะนางอยากพักผ่อน แต่ก็ยังเหลืออี๋นั่วสาวใช้ข้างกายของซูเม่ยที่รั้งอยู่คอยดูแล นางนั่งคิดบนเตียงนอนว่าจะทำอย่างไรดีให้นางใช้ชีวิตแบบไม่ลำบากรวมไปถึงคนในจวนนี้เองด้วย เงินที่คนเป็นท่านพ่อจะส่งมาให้นางจะไม่ยุ่งเพราะแค่นี้ก็แทบจะไม่พอกินอยู่แล้ว เริ่มมองหาของภายในห้องที่สามารถนำไปขายได้ เริ่มลุกขึ้นและเดินไปหาของที่โต๊ะแต่งหน้าทาปาก ค้นหาของที่สามารถนำไปขายได้เช่นปิ่นปักผม เพราะซูลี่บอกว่าปิ่นปักผมลายธรรมดาราคาหนึ่งตำลึงเงินถึงสองตำลึง หากนำไปขายแม้จะไม่ถึงหนึ่งตำลึงนางก็จะเอาไปขายเพื่อนำเงินมา "คุณหนูท่านกำลังหาอะไรเจ้าคะ" "หาปิ่นปักผม นี่ไงเจอแล้ว เจ้าว่าปิ่นนี่ขายได้ราคาดีหรือไม่" นางหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาสองอัน "คุณหนูจะขายหรือคะ" "ใช่ ว่าไง มันขายได้ราคาเท่าไหร่ บอกข้ามา" "บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่น่าจะขายได้ราคาดีนะเจ้าคะ แต่คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่เสียดายหรือเจ้าคะ ปิ่นนี่ท่านเก็บเงินซื้อตั้งนานนะเจ้าคะ" อี๋นั่วเห็นคุณหนูของนางเก็บเงินอยู่นานกว่าจะซื้อปิ่นปักผมนี่มาได้ แต่มาวันนี้คุณหนูกลับอยากขายเสียอย่างนั้น นางที่ได้ยินว่าเจ้าของร่างเก็บเงินตั้งนานกว่าจะซื้อมาได้ ก็ลังเลว่าจะทำยังไงดี แต่ก็คิดได้ว่าในอนาคตนางจะซื้อปิ่นปักผมอันใหม่ให้แทนอีกเยอะๆเลยก็ได้ แต่ตอนนี้เงินไม่มีก็ต้องหาเงินก่อน เอาปิ่นไปขายและนำเงินไปต่อยอด "ข้าจะเอาไปขายจริงๆ ไว้เดี๋ยวค่อยซื้อใหม่ก็ได้ เราเอาปิ่นนี้ไปขายกันเถอะ ข้าคิดออกแล้วว่าจะทำอะไรดี" "งั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะเจ้าคะ" นางมองดูชุดที่ตัวเองสวมใส่ ก็คิดว่าใส่ออกไปไม่ได้จริงๆ นางเอาปิ่นไปวางบนโต๊ะและพลันมองไปที่กระจกก็พบใบหน้าของซูเม่ยที่หน้าตาเหมือนกับนางไม่ผิดเพี้ยน ทำไมถึงเป็นใบหน้าของนางเองล่ะ ตามหลักแล้วมันควรจะเป็นใบหน้าของเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่หรือ หรือนางและซูเม่ยมีใบหน้าเหมือนกัน "คุณหนูเป็นอะไรหรือเจ้าคะ" "ปะ..เปล่า ข้าอยากอาบน้ำเลย" "จะดีหรือเจ้าคะ ให้บ่าวเช็ดตัวให้ดีกว่านะเจ้าคะ" นางเหนียวตัวจะแย่ อยากอาบน้ำมากกว่า "ไม่เอาๆ ข้าจะอาบน้ำ" เห็นคุณหนูยืนยันจะอาบน้ำให้ได้ อี๋นั่วจึงไปเตรียมน้ำอาบให้คุณหนู หลังจากอาบน้ำเสร็จอี๋นั่วก็แต่งกายให้คุณหนู ส่วนซูเม่ยที่เป็นยืนให้แต่งตัวนั้นอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก โตขนาดนี้ไม่เคยมีใครต้องมาตัวให้เลยแต่จะขัดก็ไม่ได้อี๋นั่วคงทำแบบนี้มานานแล้ว ชุดที่สวมใส่ในวันนี้เป็นเสื้อแขนยาวสีขาวขวาทับซ้าย ถูกกระโปรงยาวหลายกลีบสีชมพูทับมาจนถึงหน้าอก มีผ้าผูกมัดไว้ใต้รักแร้ และปิดท้ายด้วยผ้าคลุมไหล่ ที่หัวของนางนั้นยังมีผ้าพันแผลพันไว้เพราะแผลยังไม่หายดี แผลนี้ได้มาเพราะตกจากต้นไม้ ถามว่าได้ความว่าเพราะจะนำลูกนกขึ้นไปวางบนรังที่อยู่บนต้นไม้ แต่พลัดตกตอนจะลงจากต้นไม้ เมื่อแต่งตัวเสร็จก็เดินไปบอกป้าจางเสียก่อนว่าจะออกไปข้างนอก ในตอนนี้ป้าจางได้รับรู้แล้วว่านางได้ฟื้นแล้วหลังจากนางกินข้าวเสร็จป้าจางได้มาหานางแล้วรอบหนึ่งแต่นางอยากพักผ่อนจึงพูดคุยไม่กี่ประโยค เมื่อถึงห้องโถงก็เอ่ยเรียกป้าจางที่ตอนนี้กำลังตรวจดูความสะอาดในห้องโถง "ป้าจางเจ้าคะ" "คุณหนูออกมาทำไมกันเจ้าคะ เหตุใดไม่พักผ่อน ท่านยังไม่หายดีนะเจ้าคะ" ป้าจางเดินเข้ามาหา "ข้าดีขึ้นแล้ว ป้าจางข้าจะออกไปข้างนอกนะเจ้าคะ" ถึงอย่างไรป้าจางก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ในจวนถึงจะเป็นบ่าวรับใช้ก็ตาม แต่ด้วยเพราะป้าจางเคยดูแลท่านแม่ของซูเม่ยมาก่อน นางก็ต้องมาอนุญาตเป็นพิธี "ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณหนูยังไม่หายดี เกิดเป็นอะไรไปขึ้นมาจะทำอย่างไรเจ้าคะ บ่าวคงไม่มีหน้าไปพบนายหญิงนะเจ้าคะ" "ข้าดีขึ้นแล้วจริงๆ ข้าจะไปเพียงไม่นาน" "คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าคะ" ซูเม่ยอึกอักหากนางบอกว่านำปิ่นไปขาย ป้าจางต้องห้ามนางแน่ หากนำไปขายแล้วป้าจางมารู้ทีหลังก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว นางจำเป็นต้องโกหก "ข้าจะไปเดินเล่นที่ตลาดเจ้าค่ะ อยู่แต่ในห้องข้าเบื่อ มันอุดอู้นะ ให้ข้าไปเพียงแค่ไม่นานข้าก็จะกลับมาแล้ว" ป้าจางจนใจแต่ก็บอกว่าให้หวังจิ้งไปด้วย ให้คอยระวังแทนนางที่ไม่ได้ไปดูแลด้วยเองเพราะต้องดูแลคุณหนูอีกสองคนที่จวนที่ตอนนี้หลับกลางวันกันไปแล้ว เมื่อมาถึงตลาด รดาก็ให้อี๋นั่วพาไปร้านเพื่อที่จะขายปิ่นปักผมสองอันที่นางนำมา เหตุที่นางนำสองอันก็เพราะกลัวว่าจะได้เงินไม่เยอะ ถึงขายไปสองอัน แต่นางยังเหลือหนึ่งอันปักอยู่บนผมนาง "เดี๋ยวบ่าวนำไปขายให้นะเจ้าคะ คุณหนูรออยู่ข้างนอกดีกว่านะเจ้าคะ" "ทำไมล่ะ" รดาสงสัยทำไมนางจะเข้าไปด้วยไม่ได้ "คุณหนูท่านเป็นคุณหนูนะเจ้าคะ ให้บ่าวเองเถอะเจ้าค่ะ" เป็นแค่คุณหนูอับจนคนหนึ่งเองนะ รดาคิด แต่ก็พยักหน้าตกลงกับอี๋นั่วและยืนรออยู่แถวนั้นกับหวังจิ้ง "นี่หวังจิ้ง เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว" ยืนอยู่เฉยๆมันน่าเบื่อนางเลยต้องทำลายความเงียบ "ข้าอายุยี่สิบขอรับ" รดาได้ยินก็คิดว่าอายุเพียงแค่ยี่สิบเอง ห่างจากนางในโลกก่อนเพียงแค่ปีเดียว แต่ในโลกนี้ห่างกับนางถึงสี่ปี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็โตกว่านางอยู่ดี "งั้นข้าควรเรียกว่าพี่หวังจิ้ง" หวังจิ้งได้ยินก็รีบเอ่ยห้าม "ไม่ได้ขอรับ ข้าเป็นเพียงบ่าว คุณหนูไม่ต้องให้ความสำคัญกับข้า" "ได้ยังไงกัน ท่านแก่กว่าข้านะ ถึงจะเป็นบ่าวแต่ถ้าอายุมากกว่าก็ต้องเรียกว่าพี่อยู่ดี ไม่ต้องห้ามข้าแล้ว ยังไงข้าก็จะเรียกว่าพี่หวังจิ้งอยู่ดี" หวังจิ้งจะเอ่ยห้ามก็ไม่ได้อีกแล้วเพราะคุณหนูใหญ่ของจวนเอ่ยมาขนาดนี้แล้ว จึงได้แต่รับคำและอยู่เงียบๆแทน เขาและคนใช้ในจวนรู้ว่าคุณหนูความทรงจำหายไปแต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงขนาดมาเรียกเขาอย่างสนิทสนมแบบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD