"นังหนูทั้งสองหยุดก่อน" เสียงเรียกของหญิงชราที่นั่งอยู่เอ่ยเรียกเด็กสาววัยรุ่นทั้งสองคนที่กำลังจะเดินผ่านไป ทำให้เด็กสาวหยุดชะงักและหันหน้าไปยังหญิงชรา
หญิงชราผู้นี้เป็นหมอดู มาเช่าที่นั่งดูดวงในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
"พวกหนูไม่มีตังค์จะดูดวงหรอกนะคะ" เด็กสาววัยสิบเก้าปี นามว่า รดา เอ่ยบอกกับหมอดูหญิงชราไป
"ใช่ค่ะ ต้องเก็บตังค์ไปซื้อของทำรายงานค่ะ พวกหนูขอตัวก่อนนะคะ" เด็กสาวอีกคน นามว่า ไข่มุก ก็เอ่ยเสริมคำพูดของเพื่อนสนิทไป และกำลังจะจูงมือกันเดินผ่านไป แต่หมอดูหญิงชราก็เอ่ยห้ามเสียก่อน
"ยายไม่คิดเงินหรอก นังหนูทั้งสองนั่งลงก่อนเถอะ ยายจะดูดวงให้" เด็กสาววัยรุ่นทั้งสองคนก็เลยนั่งกันอย่าห้ามไม่ได้
เมื่อนั่งลงแล้วหมอดูหญิงชราก็ตรวจดูวันเกิดและลายมือของเด็กสาวทั้งสองคน เมื่อได้ตรวจดูดวงชะตาของทั้งสองคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใบหน้านั้นก็เต็มไปด้วยรอยคิ้วขมวด สร้างความกังวลให้เด็กสาวทั้งสองที่กำลังจ้องมองอยู่
"ดวงของพวกหนูเป็นยังไงเหรอคะ ทำไมคุณยายถึงทำหน้าแบบนั้น" รดาอดถามไม่ได้ เด็กสาวกลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรหรือเปล่า
"นังหนูทั้งสอง ช่วงนี้ระมัดระวังเรื่องการเกิดอุบัติเหตุด้วยนะ อย่าให้มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีๆด้วยนะ" ประโยคแรกเอ่ยกับรดา ส่วนประโยคหลังเอ่ยกับเด็กสาวอีกคน
หลังจากนั้นเด็กสาวทั้งสองก็พากันกลับหอพัก และจากวันนั้นทั้งรดาและไข่มุกระมัดระวังตัวเป็นพิเศษตามคำที่หมอดูหญิงชราบอก ทั้งสองไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็กันไว้ดีกว่าแก้ จึงระวังไว้ก่อน
"มุก ไปกินก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นกันเถอะ หิวแล้วอ่ะ" รดาหยัดตัวลุกจากเตียงเดินไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งดูซีรี่ย์อยู่ตรงโต๊ะคอม
"ไม่สั่งเอาละ ร้านนั้นมันต้องข้ามถนนนะ ตอนนี้รถก็เยอะด้วย" เวลานี้เป็นช่วงเที่ยง รถจึงวิ่งผ่านไปมามากกว่าปกติ
"อยากกินเส้นเล็ก ถ้าสั่งเอามีหวังเส้นเล็กติดกันหนึบกินก็ไม่อร่อยแล้ว น้าๆไปกันเถอะ ก่อนจะข้ามถนนก็ดูทางดีๆก่อนข้ามก็ได้แล้ว" ไข่มุกพยักหน้าให้กับเพื่อน ถ้าจะกินเส้นเล็กต้องไปกินที่ร้านจริงๆนั่นแหละ
ทั้งสองเดินออกจากหอพักเดินไปยังร้านขายก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นที่ทั้งสองชอบทาน ร้านนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามทำให้ต้องข้ามถนนไป เมื่อมองทั้งซ้ายและขวาพบว่าถนนโล่งสามารถข้ามไปได้ ทั้งสองจึงเดินข้ามไปแต่ยังไม่ทันจะไปถึงก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งพุ่งมา
รดาที่หันไปเห็นก่อนจึงผลักร่างของเพื่อนออกไปทันที และกำลังจะวิ่งตามไปแต่ไม่ทัน รถยนต์คันนั้นวิ่งเข้ามาที่ตัวเธอแล้ว แรงกระแทกของรถยนต์ทำให้ร่างของรดากระเด็นออกไปอีกที่หนึ่งที่ไม่ไกลจากตรงนั้น
เจ็บ นั้นคือสิ่งที่รดารู้สึก เธอไม่สามารถขยับร่างกายได้อีกแล้ว บาดแผลตามร่างกายมีมากเหลือเกิน เลือดเริ่มไหลออกมาจากร่างกายของรดามากขึ้นเรื่อยๆ
"รดา! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยเพื่อนหนูด้วย!" เสียงนั้นคือเสียงของเพื่อนสนิทเธอ ตาเล็กค่อยๆปิดลงไป
"พี่หญิงใหญ่ๆ ท่านฟื้นสิเจ้าคะ" ซูฉีเขย่าร่างของผู้เป็นพี่สาว
"ซูฉี เจ้าอย่าไปเขย่าร่างพี่หญิงใหญ่แบบนั้นสิ เดี๋ยวพี่หญิงเจ็บ" ซูลี่เอ่ยห้ามปราม
"ก็พี่หญิงใหญ่ไม่ยอมฟื้นขึ้นมาสักที หลับไปสองวันเต็มแล้วๆนะ ข้ากลัวว่าพี่หญิงใหญ่จะทิ้งไปเหมือนกับท่านแม่" ซูฉีนางเอ่ยเสียงสั่น นางกลัวจริงๆ ท่านแม่ก็จากนางไปแล้ว หากพี่หญิงใหญ่ของนางมาจากนางไปอีก นางทำใจรับไม่ได้หรอก
"เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ข้าเชื่อว่าพี่หญิงใหญ่จะไม่ทิ้งเจ้ากับข้าไปหรอก พี่หญิงใหญ่รักเราสองมากขนาดนั้นจะทิ้งได้อย่างไร" เอ่ยจบก็ขยับเข้าไปกอดอีกคนไว้
ร่างที่นอนแน่นิ่งในตอนแรก บัดนี้รู้สึกตัวแล้วเพียงแต่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงพูดคุยกันจึงฟังเสียงพูดคุยนั้นก่อน เป็นเสียงที่ไม่คุ้นหู และไม่ใช่ภาษาไทยกลับเป็นภาษาจีน แต่นางกลับเข้าใจภาษาที่พูดคุยกัน ทั้งๆที่ไม่เคยได้เรียนภาษาจีนมาก่อน ด้วยความสงสัยใคร่รู้นางจึงลืมตาขึ้นมา
"พี่หญิงใหญ่ท่านฟื้นแล้ว!" เสียงเด็กทั้งสองส่งเสียงร้องพร้อมกันเมื่อเห็นว่าพี่สาวฟื้นขึ้นมาแล้ว
ทางคนที่ลืมตาขึ้นมานั้นกลับตกใจเป็นอย่างมาก เด็กผู้หญิงแฝดสองคนนี้นางไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย การแต่งตัวอีกเสมือนคนจีนโบราณในซีรี่ย์ที่นางเคยดู สภาพห้องนอนนี้ก็เช่นกัน นางครุ่นคิดว่านางมาที่นี่ได้อย่างไร นางจำได้ว่าตอนนั้นกำลังข้ามถนนกับเพื่อนแต่ก็ถูกรถชนและนางก็ตาย แต่ตอนนี้นางไม่ตายแล้วยังฟื้นมาอยู่ในโลกจีนโบราณนี้อีก
"พี่หญิงใหญ่กินน้ำก่อนนะเจ้าคะ ท่านหลับไปสองวันเลยนะเจ้าคะ" ร่างของนางถูกประคองขึ้นมา นางรับน้ำมาและดื่มลงไป
"ข้าเป็นห่วงท่านมาก พี่หญิงใหญ่ท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่เจ้าคะ" รดานางส่ายหน้าเป็นคำตอบ
"เจ้าสองคนเป็นน้องสาวของข้า?" นางได้ยินว่าทั้งสองแฝดเรียกว่านางพี่หญิงใหญ่ ในชาติก่อนนางไม่มีน้องสาว แต่เมื่อตื่นมากลับมีน้องสาวซะงั้น
"ใช่เจ้าค่ะ ท่านจำข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ" นางพยักหน้า
"ข้าชื่อซูฉีเจ้าค่ะ และนี่ซูลี่เจ้าค่ะ ข้าทั้งสองเป็นน้องของท่าน"
นางตื่นขึ้นมาแต่กลับไม่มีความทรงจำของร่างเดิมเลย ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออกจริงๆ คงได้แต่แสร้งว่าความจำเสื่อมไป แต่เดี๋ยวนะ นางเข้ามาร่างนี้แล้วเจ้าของร่างเดิมเล่า อย่างบอกนะว่าตายไปแล้ว แล้วนางก็เข้ามายึดร่างนี้แทน หากเจ้าของร่างเดิมรู้เข้าจะโกรธแค้นนางไหม
สีหน้าของนางย่ำแย่ ทำให้น้องสาวทั้งสองสงสัยว่าพี่สาวกำลังมีเรื่องกังวลใจหรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ร่างที่ก่อนหน้านี้สีหน้าย่ำแย่ก็เอ่ยโพล่งขึ้นมา
"ข้าชื่ออะไร" ซูฉีและซูลี่หันหน้ามองกัน สื่อกันว่า นี่พี่หญิงใหญ่จำชื่อตัวเองไม่ได้หรือ
"ท่านชื่อซูเม่ยเจ้าค่ะ ท่านจำอะไรได้บ้างหรือไม่เจ้าคะ" รดานางส่ายหน้า
ซูฉีพยักหน้าและคิดถึงคำที่ท่านหมอได้บอกกับนางและซูลี่ไว้ว่าหัวของพี่หญิงใหญ่ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หากฟื้นขึ้นมาคงจะทำให้ลืมบางเรื่องไปบ้าง ท่านหมอบอกอีกว่ามีหลายคนที่ความทรงจำกลับมาและบางคนความทรงจำก็ไม่กลับมาอีกเลย
"ท่านชื่อซูเม่ย ตอนนี้อายุสิบหกหนาวเจ้าค่ะ เป็นพี่หญิงใหญ่ ท่านแม่ชื่อซูเจินตอนนี้ท่านแม่จากไปแล้ว ส่วนท่านพ่อเป็นขุนนางตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายตรวจสอบอยู่ที่เมืองหลวงเจ้าค่ะ แต่เราอาศัยอยู่ที่เมืองฝูโจว เราทั้งสามคนเป็นลูกนอกสมรสเจ้าค่ะ หลังจากท่านแม่เสียไปท่านพ่อก็ไม่มาอีกเลย จะส่งเงินมาให้เดือนละสี่ตึงลึงเงินเพียงอย่างเดียว"
เฮ้อ ได้เกิดใหม่ทั้งที ทำไมไม่ให้เกิดเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์อยู่ในเมืองหลวง แต่ทำไมถึงได้มาเกิดใหม่เป็นลูกนอกสมรสที่ต้องมาอาศัยอยู่อีกเมืองแบบนี้ด้วยล่ะ แถมตอนนี้มารดาก็จากไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวฝาแฝด บิดาก็ไม่ไยดีส่งเพียงเงินเล็กๆ น้อยๆ มาให้เท่านั้น