EP.7 : ยีนกลับไปแล้ว

3743 Words
ลินิน Say :: “เอ่อ อะ คือออ เพราะ เอ่อออเพราะ…….” กึกกกกก~* เสียงประตูที่เปิดเข้ามาทำให้การสนทนาของเราต้องหยุดลง แม้จะยังไม่ได้คำตอบใด แม้ฉันจะอยากรู้ว่ามาจูบฉันทำไม แต่ตอนนี้ฉันต้องสนใจหลานก่อน ฉันเดินไปหาชีฟองที่เปิดประตูเข้ามาในบ้าน “ไปไหนมา รู้ไหมว่าอาเป็นห่วงจนจะไปแจ้งตำรวจอยู่แล้ว ทำไมถึงกลับดึกขนาดนี้” ฉันหันไปมองนาฬิกา ที่บอกเวลา ตี 3 แล้ว “ขอตัวนะคะหนูจะไปอาบน้ำนอน” คำตอบของหลานสาวทำให้ฉันรู้ได้ว่าเธอไม่ได้อยากตอบ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมชีฟองถึงเป็นแบบนี้ ฉันเดินตามหลานขึ้นไปชั้นบน ใจหนึ่งก็อยากรู้ อีกใจก็โกรธ ที่หลานกลับบ้านดึกแบบนี้ ไม้แขวนเสื้อในใจสั่นไปหมดแล้ว ทำให้เป็นห่วง แต่ตัวเองกลับเดินหนีงั้นเหรอ “ชีฟอง!!!!” “อา หนูอยากอาบน้ำ!!!!!” ชีฟองหันมาตวาดใส่ฉัน มันทำให้ฟางเส้นสุดท้ายในใจของฉันมันขาดลง ต้องเจอไม้แขวนเสื้อบ้าง นิสัยจะได้ดีขึ้น “ทำไมพูดกับอาแบบนี้ ฟอง แบบนี้มันไม่ใช่แล้วนะ ถ้าฟองเป็นแบบนี้อาจะส่งฟองไปอยู่กับพ่อ!!!!” ฉันตวาดใส่เด็กที่ไม่เห็นความเป็นห่วงของฉันเลย “เลิกขู่กันสักที!!!! จะส่งก็ส่งไปเลย อาจะมาเข้าใจอะไร!!!” “อะไรเล่าที่ไม่เข้าใจ” การปะทะคารมเริ่มหนักขึ้น เมื่อฟองไม่ยอมลงให้ฉันเหมือนทุกที ตอนนี้ฟองทำฉันโกรธ จนฉันเริ่มที่จะหาไม้เรียว “ชีฟอง” ยีนเดินตามขึ้นมาเรียกชีฟอง แต่เธอก็ยังทำนิสัยไม่ดีอีก “พี่ก็ไม่เข้าใจรึไง!!! ว่าหนูไม่อยากให้ใครมายุ่ง” “กินข้าวรึยัง กินอะไรไหม” เพียงแค่สิ้นเสียงของยีน เด็กน้อยก็น้ำตาแตกแล้ววิ่งไปกอดยีนเลย อะไรกัน นี่มันเรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้น อะไรทำให้ฟองร้องไห้ขนาดนี้ “ขอโทษนะคะ หนูไม่ไหวแล้ว หนูไม่ไหวแล้ว หนู หนู ฮื่ออออออ” “ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องเล่าหรอก อยากกินอะไรไหม อาเค้าทอดไข่เอาไว้รอตั้งแต่หัวค่ำ ถ้าไม่อยากกินก็ไม่เป็นอะไร ไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้ว อยากเล่าเมื่อไหร่ ค่อยเล่า” มือใหญ่วางลงบนหัวของชีฟอง แต่เด็กน้อยกลับร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำไม เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันรู้ตอนนี้ไม่ได้ ฉันจะเดินเข้าไปถามหลาน แต่กลับถูกยีนลากเข้าห้อง อะไร ฉันจะคุยกับหลาน จะมาลากฉันทำไม ฉันตีคนที่ลากฉันอย่างแรง ฉันจะออกไปถามหลานให้รู้เรื่อง ว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงร้องไห้แบบนี้ โธ่วววว ไอ้นี่ “นายจะ!!!….” มือใหญ่ปิดปากไม่ให้ฉันพูด แถมยังล็อกฉัน ไม่ให้ฉันขยับได้อีก อะไรกันเล่า!!!!! “ใจเย็นหน่อย ให้พื้นที่ส่วนตัวหลานมันหน่อย ตอนเธอร้องไห้ หลานยังให้พื้นที่ส่วนตัวเธอเลย ตอนนี้ให้ชีฟองได้ใจเย็นลงหน่อย บ้านคือที่พักใจนะ ถ้าเธออยู่ไม่ข้างหลาน ใครจะอยู่” ประโยคของเขาพาฉันสะอึกน้อย ๆ ฉันต้องอยู่ข้างหลานอย่างงั้นเหรอ อยู่ข้างกันอย่างงั้นเหรอ ฉันพยักหน้ารับ ทำให้ยีนปล่อยปากฉันเป็นอิสระ “แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าหลานไปเจออะไรมา” ฉันหันมาคุยกับยีนที่ตอนนี้ยิ้มออกมา “ยิ้มอะไร” “หลานเธอ เธอมาถามฉันได้ไง จะมาเคลมให้เป็นหลานฉันด้วยรึไง” “หลานฉันย่ะ ฉันจัดการเองก็ได้” “นอนได้แล้ว ฉันจะลงไปนอนข้างล่าง รีบนอน พรุ่งนี้จะได้มีแรงมาด่าต่อ” ฉันดันคนที่ไม่จำเป็นแล้วให้ออกจากห้อง เพราะตอนนี้ฉันก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว แต่แปลกที่เขายอมออกไปจากห้องง่าย ๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ให้ฉันได้มีพื้นที่อ่อนแอบ้าง การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ง่ายเลย เพราะฉันเลี้ยงได้แค่ตัว เลี้ยงใจไม่ได้ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ วันหยุดแรกของเดือน ฉันต้องเจออะไรอีกมากมาย ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่เป็นของฉัน นอนเบียดกับหลานมาเป็นเดือน ตอนนี้จะได้นอนเดียวแล้ว พอหายเป็นห่วง มันก็หลับลงอย่างไม่น่าเชื่อ เช้าวันต่อมา 11:02 น. ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ว่างเปล่า ไม่ได้น่าตกใจเหมือนทุกทีที่มีคนนอนด้วย วันนี้นอนคนเดียวแบบคนเดียวจริง ๆ วันนี้มันเป็นวันของงงงง การจ่ายหนี้ ต้นเดือนก็แบบนี้ เงินเดินเหมือนเงินทอนเสมอ ฉันอาบน้ำแต่งตัวแล้วเอาเงินที่เก็บเอาไว้ในตู้มารวบรวมเอาไว้ เพื่อ จะ…จ่าย ทำไม ทำไมไม่มี เงินของฉัน เงินของฉันอยู่ที่ไหน ไม่มี ไม่มีเหลือเลย เกิดอะไร ขะขึ้นนนนนน ฉันรีบวิ่งลงมาข้างล่าง เจอยีนที่ไม่อยู่แล้ว เจอแต่เด็ก ๆ ที่นั่งก้มหน้าก้มตา เพราะคุณป้าเจ้าของบ้านมาทวงค่าเช่าแล้ว “ลินิน ค่าบ้านนนนนนน” “โอนนะคะ ไม่ได้กดเงินสดไว้เลยค่ะ” ฉันโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือให้คุณป้าเจ้าของบ้าน เมื่อเคลียร์หนี้ค่าบ้านเสร็จ ฉันก็ตามหายีนทันที มันหายไปไหน หายหัวไปพร้อมกับเงินฉันเลยเนี่ยนะ นี่ฉันเลี้ยงโจรเอาไว้เป็นเดือนเลยเหรอ “ฟอง ไอ้ยีนไปไหน มันต้องเอาเงินของอาไปแน่ ๆ” “พี่ยีนบอกว่า จะออกไปหาคนรู้จักค่ะ หนูไม่แน่ใจว่าไปไหน” “มันขโมยเงินของอา ไม่ฟันธง แต่เงินอาหายไปหมดเลย ไอ้เลววววว!!!! มันจะรู้ไหมว่าฉันต้องจ่ายหนี้สิน!!!” ประโยคตะคอกของฉันทำให้หลานสาวหดคอด้วยความตกใจ “รอถามพี่ยีนก่อนเถอะค่ะ เงินเดือนอาเพิ่งออก จ่ายไปก่อน เดี๋ยวพี่ยีนก็เอามาคืนละมั้งคะ” “นั่นมันเงินเก็บของอา อาจะเอาเงินนั้นไปซื้อจักรเย็นผ้า อาออกแบบชุดจะตัดให้ฟองเอาไว้หลายชุดเลย” แต่แล้วจู่ ๆ เด็กที่นั่งเงียบมาตลอดอย่างคอตตอนก็ร้องไห้ออกมา แบบไม่มีสาเหตุ “ต้อนไม่อยากให้พี่ยีนไป ต้อนอยากให้พี่ยีนอยู่กับเรา” “ต้อนนั่นมันขโมยนะลูกกก” ฉันเดินมากอดหลานที่ร้องไห้ออกมาไม่ยอมหยุด เพราะอยากให้ไอ้ชั่วที่มันขโมยเงินของเราอยู่ต่อ ฉันก็ไม่อยากเชื่อว่านายจะขโมยเงินฉัน กลับมาเถอะยีน เอาเงินมาคืนฉันเถอะ เงินที่นายเอาไป มันคือเงินที่ฉันเก็บมาทั้งชีวิตเลยนะ ฉันพยายามจะกลั้นน้ำตาของตัวเองไม่ให้มันไหลออกมา อุตส่าห์คิดว่า ถ้าเงินมันเหลือจากการซื้อจักร ฉันจะซื้อโทรศัพท์ให้นาย นายอยากได้มันขนาดต้องขโมยเงินฉันเลยเหรอ ไอ้คนเลวววว “อา หนูขอออกไปข้างนอกก่อนนะคะ” จู่ ๆ คนที่กับบ้านผิดเวลาอย่างฟอง ก็จะมาขอออกไปข้างนอกอีกแล้ว ฉันควรจะระแวงกลัวเธอจะกลับดึกอีก หรืออยู่ข้างหลานเหมือนที่นายบอก “อืม อย่ากลับดึกนะ” “ต้อนไปด้วยพี่ฟอง” “อืม เอาสิ” เด็ก ๆ ทำไมดูเศร้ากันแบบนี้นะ ฉันมองหลานที่เดินจูงมือกันออกจากบ้านทิ้งไว้แต่ฉัน เป็นยัยแก่อยู่บ้านคนเดียว เอาเถอะ อย่างน้อยก็เอาเงินเดือนไปจ่ายค่าน้ำไฟก่อน อันนี้สำคัญสำหรับฉันมากกว่า หลาน ๆ ฉันจะได้ไม่กลับไปอยู่ยุคหิน ฉันเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อหยิบกระเป๋า กลับเจอเข็มขัด D&G ยัดอยู่ในกระเป๋าฉัน คืออะไร มาขโมยเงินฉัน แล้วมาให้ฉันเอาของนายไปขาย มันได้เหรอวะ!!!!! ไอ้เลวเอ้ย ฉันเช็คราคาในอินเตอร์เน็ต ถึงได้รู้ว่ามันค่อนข้างมีราคาสูงมาก ๆ ฉันไม่คิดว่าจะมีคนใส่เข็มขัดเส้นละ สองหมื่น เสื้อตัวเป็นแสน พอควานในกระเป๋าถึงได้เห็นโน๊ตเล็ก ๆ ที่ลายมือห่วยมาก [ ลินิน เอาไปขาย ฉันรู้ว่าเธอจะต้องใช้เงิน ใช้ให้ดี แต่ฉันคิดว่าเธอใช้ดีอยู่แล้ว ] มันคืออะไร??? แล้วตัวแกหายไปไหนเล่า!!!! หายไปไหน มาจูบฉันแล้วหายไป มันได้เหรอ หรือเพราะนายไม่ชอบให้ฉันด่า เลยหนีไป ตอนนี้ฉันเป็นอะไรไป นายเป็นคนที่ขโมยเงินฉันนะ ฉันเดินข้างล่างพบบ้านที่โคตรจะเงียบ แต่ทำไมในใจอยากหวังให้มีคนเดินเข้ามา แล้วบอกว่าจะไปไหน ฉันไปด้วย ช่างเถอะ มีเรื่องอะไรอีกหลายอย่างที่จะต้องทำ จะเอาแต่มาคิดเรื่องไร้สาระไม่ได้ เพราะวันนี้ฉันจะต้องงงงง จ่ายหนี้ให้หมด แล้วก็…ขายไอ้เข็มขัดบ้าบอนี่ด้วย สู้!!!! Let Go อีนิน “อีนินนนนนนน” ยังไม่ทันไปไหน อีติ๋มตรงข้ามบ้านก็ตะโกนเรียกจนฉันเบรครถแทบหัวทิ่ม “อะไร?? คนจะไปจ่ายค่าไฟ” คำถามของฉันทำให้ อีติ๋มมองซ้ายมองขวา เหมือนไม่อยากให้พวกป้าข้างบ้านมาสอดรู้สอดเห็น “หลานมึงมันคบกับไอ้บอลอะ ระวังด้วยนะ พวกกุ๊ยในชุมชนมันน่ากลัว” “มึงเห็นเหรอ” “ก็เห็นทุกเย็นนั่นแหละ มันไปพรอดรักที่ลานดิน หลังซอยอะ” ประโยคที่เหมือนมีดกรีดแทงลงกลางใจ หรือเมื่อคืนที่หายไป เพราะไปอยู่กับแก๊งของไอ้บอลเหรอ พวกนั้นมันรุ่นฉันเลยนะ ไม่ใช่รักใส ๆ ไร้เดียงสาแล้ว ฉันรีบบิดรถไปลานดิน หลังซอยชุมชน ก็เจอหลานสาวตัวดี นั่งให้ผู้ชายกอด แถมยังนั่งกันเป็นคู่ ๆ นี่ไม่อายเลยรึไง แถมเอาน้องมาเห็นเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย มันไม่ใช่เรื่อง คนที่ผ่านไป ผ่านมา มาเห็นจะคิดยังไง “อาาาาาา ต้อนอยากไปเที่ยวด้วย” คอตตอนเห็นฉันขับรถมาก็เลยรีบวิ่งมาหา ยัยตัวดีก็ตกใจจนหน้าถอดสี แต่ก็เดินมาหาฉันแต่โดยดี “ฟอง ไปซื้อของกับอา ไม่ต้องมาอยู่กับกุ๊ยพวกนี้แล้ว” ดูสายตาพวกมันแต่ละคนดิ ดี ๆ ทั้งนั้น ผอมแห้ง ตาดำ ได้นอนกันบ้างปะเนี่ย โดนกันไปกี่ตัวแล้ว ขี้ยาทั้งนั้น นี่หลานฉันกำลังคบกับคนพวกนี้เหรอเนี่ยะ “อาอย่าไปมองพวกเขาแบบนี้ดิ” “ก็มีแต่พวกขี้ยา จะให้มองยังไง” ฉันรอให้ฟองขึ้นรถ แล้วบิดรถออกไปเลย นี่มันค่านิยมอะไรไม่เข้าใจเลย นี่สินะที่พวกคนรวย ๆ ชอบซื้อสังคมให้ลูกหลาน อีกด้าน ชายผู้จำได้บ้างไม่ได้บ้าง Say :: ผมนั่งแท็กซี่มาลงหน้าโรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่งย่านครปฐม ตามชื่อในหนังสือนิตยสาร ที่ผมจดชื่อมาจากร้านสะดวกซื้อ แล้วขอให้เขารออยู่ด้านล่างเพื่อไปเอาเงินจากญาติมาจ่าย แต่ญาติผมมีรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมเดินเข้าไปที่ประชาสัมพันธ์ เพื่อมาติดต่อหาหมอนที ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขาน่าจะรู้ว่าผมเป็นใคร “นัดมาไหมคะ” “ไม่ได้นัดครับ แต่ผมอยากพบเขามาก” “คุณคะ ไม่นัดมาก็พบท่าน ผอ. ไม่ได้หรอกนะคะ ต้องนัดล่วงหน้าค่ะ หนวดเครารุงรังเชียว ผอ. ไม่พบคนแต่งตัวไม่สุภาพหรอกค่ะ” อะไรของผู้หญิงคนนี้เนี่ย แค่รูปลักษณ์ภายนอกก็ตีค่าคนแล้ว ผมจะพลาดไม่ได้ ยังไงวันนี้ผมก็ต้องพบให้ได้ “ไปบอกว่า คนชื่อ เอ่อ ชื่อ พู อยากพบ ถ้าเขาไม่ยอมพบ ค่อยมาพูด ถ้าผมเป็นคนสำคัญ ผมจะให้หมอไล่คุณออก” ขู่ไปแบบนั้นแหละ ให้เธอต่อสายให้ผมได้พบไอ้คนที่ชื่อหมอนทีสักที “คนบ้าปะเนี่ย คนบ้าจะได้จับรักษา” ปากน่าตีเนอะ เคยมีผัวเป็นคนบ้าไหมคะ หน้าก็สวย นิสัยไม่น่ารักเลย “ไม่ได้บ้า แต่ผมต้องการจะพบหมอนที เดี๋ยวนี้” อย่างน้อยก็ต้องไปจ่ายค่ารถให้ผมก่อน แท็กซี่รออยู่ นั่งมา ตั้ง 30 กิโล “คุณเมย์ มีอะไร เสียงโวยวาย” เสียงของผู้ชายที่ดังจากข้างหลังผม ทำให้พนักงานหน้าสวยเดินออกมาเล่าถึงเหตุการณ์การมาของผม เพียงแค่ผมหันไปมองเท่านั้นแหละ “กรี๊ดดดดด พี่พู” หญิงสาวร่างเล็กในความทรงจำที่น้อยนิด ก็วิ่งมากระโดดกอดผมเลย หรือเธอเป็นคนรักของผมจริง ๆ ตัวหอมจังเลย สงสัยเธอก็อยากจะผสมพันธุ์กับผมเหมือนกัน ทันทีที่ผมจะกอดตอบ ผู้ชายที่ผมจำไม่ได้ รู้ว่าแค่เป็นหมอ ชื่อนที ก็มาดึงแม่พันธุ์ของผมออกไปทันทีเลย “คุณหายไปไหน บ้านคุณตามหาตัวกันให้ขวัก” “ก่อนจะพูดเรื่องใดใด ได้โปรดช่วยจ่ายค่าแท็กซี่ให้ผมก่อน” “พี่ที งั้นหนูจ่ายเอง” ผมเดินนำแม่พันธุ์ของผมไปจ่ายค่าแท็กซี่ ผมไม่รู้จะเรียกเธอว่าอะไร ในนิตยสารมันเป็นคอลัมน์สังคม มีแต่เรื่องของคนชื่อนที วิศวหทัยรัตน์ ผมถูกพาขึ้นลิฟต์ ในระหว่างที่เดินผ่านประชาสัมพันธ์ ผมเลยหันไปยักคิ้วให้หญิงสาวที่มองผมแค่ภายนอก ผมอาจะผ้าขี้ริ้วห่อทองก็ได้ เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนคำถามมากมาย ก็ถูกสาดใส่ผมด้วยผู้หญิงตัวเล็ก ที่ผมมองว่าน่ารักเหลือเกิน “ได้โปรดเลิกมองเมียชาวบ้านตาเยิ้มได้ไหม คุณหายไปไหนมาตั้ง 1 เดือน” หมอนทีถามผม “ชุมชนแออัดด้านชานเมือง ผมมีอาการจำอะไรไม่ได้เลย” “แล้วทำไมคุณถึงมาหาผมที่นี่ได้” “ผมไม่ได้จำคุณได้ แต่ผมจำเธอได้จากนิตยสาร ที่ผมจะมาหาไม่ใช้มาหาคุณ แต่จะมาหาเธอ แต่ในนิตยสารมันดันมีแค่เรื่องของคุณ ผมเลยจะมาให้คุณพามาหาเธอ ก็แค่นั้น” ฟังดูงงไหม คุณ ๆ เธอ ๆ แต่เอาเถอะ ตอนนี้ผมมั่นใจได้แล้ว ว่าผมมีคนรู้จัก “ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้มอย่างแรง แต่ต้นเหตุของความทรงจำที่หายไป ผมจะส่งคุณเข้าไปสแกนสมองก่อน” “รีบ ๆ เลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาพี่ไปช้อปปิ้ง พี่ใส่ชุดแบบนี้เอาตรง ๆ รับไม่ได้เลยค่ะ ตอนแรกเห็นนึกว่าลุงที่มาของซื้อกล่องกระดาษ” ปากนี่ขอเอามือตีได้ไหม ทำไมรอบตัวผมมีแต่ผู้หญิงปากจัด “ปกติ ผมเป็นคนแต่งตัวเหรอ” “ขั้นเทพเลยค่ะ” “ขอถามอีกนิด คือผมเป็นใคร” “คุณคือ ภูวดล เจนกิจโสภณ ลูกชายคนเดียวของคุณทีปกรณ์ เจนกิจโสภณ เจ้าของห้างสรรพสินค้า The M มาริยะ หนูอย่าเพิ่งรบกวน พี่จะให้พยาบาลมาจัดการเอาลุงซื้อกล่องไปทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนชุด จะให้ผมโทรบอกที่บ้านคุณเลยไหม” หมอนทีหันมาถามผม “เอ่อ ยังก่อน ผมไม่แน่ใจ ว่าผมประสบอุบัติเหตุยังไง ผมขอมั่นใจก่อน ว่าไม่ใช่คนที่บ้านผมเอง ที่อยากจะฆ่าผม” “จะเป็นไปได้ยังไง เอาเถอะ ถือว่าผมเข้าใจ แต่อย่ามาเข้าใกล้มาริยะของผมมาก ๆ ผมหวง” นิ้วของหมอนทีชี้มาที่คนตัวเล็ก ที่แลบลิ้นปลิ้นตาให้คนรัก เธอไม่ได้รักผม มันแปลว่าผมน่าจะรักเธอข้างเดียว อ๊าาาา เจ็บปวดหัวใจ ผมใช้มือดึงคนตัวเล็กมาโอบเอาไว้ คนขี้หวงก็เกิดอาการหัวร้อน ดึงคืน แล้วอุ้มหนีผมไปเลย แค่นี้แหละ ผมพอใจละ . . หัวค่ำของคืนนั้นเอง ผมถูกพามาที่ห้างสรรพสินค้าที่สองคนนี้กล่าวอ้างว่าเป็นของครอบครัวผม โดยใส่หมวก ใส่แว่น อย่างกับต้องหลบซ่อนแอบจากอะไรก็ไม่รู้ แต่จะผมมาห้างก็ไม่ควรให้ผมแต่งตัวแบบนี้สิหมออออ [ ผู้ป่วยใน โรงพยาบาลจิตเวช ] หมอกำลังเอาคืนที่ผมกอดเมียเขาใช่ไหม!!! “ถ้าเราจะแอบคนร้ายก็ต้องปลอมตัว” “จ้าาาา เป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช ไม่เด่นเลย” สีชมพูซะด้วยนะ ชุดผมอ่า “ก็จะซื้อเสื้อผ้าใหม่อยู่แล้ว ชุดไหนก็เหมือนกัน” ผมถูกลากในร้านขายเสื้อผ้าสีชมพูแหวว แต่ในร้านกลับไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าผู้หญิง กลับมีเสื้อผ้าผู้ชายด้วย เสียดายร้านเล็กไปหน่อย แต่พนักงานขายน่ารักเนอะ “ร้านนี้เสื้อผ้าดูดีจังเลย มีรสนิยมซะไม่มี ของผู้หญิงก็น่ารัก ของผู้ชายก็ดูดีมีสไตล์” “นี่คืออาณาจักรของคุณ เสื้อผ้าในร้านนี้ มีคุณเป็นประธานบริษัท คุณหายไป พี่สาวคุณต้องทำงานคนเดียว จะทำอะไรคิดดี ๆ นะครับ ผมติดค้างคุณหลายเรื่อง ครั้งนี้ ผมชดใช้คืนให้ เราจะได้หายกัน” “ขอถามอีกข้อนะ ผมมีเมียไหม” “โสดดดดดดดดค่ะ ฉันเป็นพยานให้ได้ เพราะพี่ฟันไปเรื่อย ตั้งแต่นางแบบยันนางเอก” หญิงสาวตัวเล็ก ถือเสื้อมาทาบตัวให้หมอนที แต่ผมก็อยากให้เธอทำแบบนี้กับผมบ้างอะ “พูดซะผมเป็นคนชั่วร้ายเลย ผมเนี่ยสุภาพบุรุษมากเลยนะ เจอผู้หญิงแก้ผ้าใจยังนิ่ง” “เพราะพี่แคร์เขาต่างหาก รู้เอาไว้ด้วย ฉันเคยนอนเตียงเดียวกันกับพี่ด้วย พี่ก็ไม่ทำอะไร” ประโยคจากคนตัวเล็กมันชวนตกใจมาก ๆ “อะไร!!!! เคยเหรอ” ผมกับหมอพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ว้า เสียดายจัง” “นี่เมียผม!!!!!!!” สิ่งที่ผมเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน ผมชอบแกล้งหมอนที แบบชอบจับใจเลย อีกด้าน “อา ให้ปิดประตูบ้านเลยไหม พี่ยีนจะไม่กลับมาจริง ๆ หรือครับ แล้วแบบนี้ใครจะวาดรูปเล่นกับต้อน” “เขามีเงินแล้ว เขาคงกลับบ้านเขาไปแล้ว” ลินินปลอบหลานชาย ที่ยังเฝ้ารอให้คนแปลกหน้าที่เคยอยู่ในบ้านของพวกเขากลับมา “พี่ยีนจะต้องกลับมา เขาจะต้องกลับมาแน่ ๆ” ชีฟองบอกกับน้องชายให้มีความหวัง เธอเองก็ไม่ต่างจากน้องชาย ที่ใจอยากจะให้พี่ยีนของพวกเขากลับมา ประตูไม้ของบ้านที่ปิดลงพร้อมกับความหวังในใจ ว่าคืนนี้พี่ยีนของพวกเขาจะกลับมา คงจะมีแต่ลินินที่ยังโกรธ ผู้ชายที่เธอไว้ใจ ดันมาเปิดตู้เก็บเงินที่ล็อกเอาไว้อย่างดี แล้วเอาเงินของเธอไปแบบไร้ร่องรอย เธอไม่เข้าใจทำไมหลาน ๆ เธอถึงยังได้อยากให้กลับมานัก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!! เสียงเคาะประตูบ้าน ทำให้ชีฟองที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดวิ่งไปเปิดประตูทันที ด้วยความดีใจ “พี่ยีนกลับมาแล้วเหรอคะ” รอยยิ้มที่ทีหายไป เพราะคนที่มา ไม่ใช่ยีนของพวกเธอ แต่เป็นแก๊งนักเลง ที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีน่ากลัว แล้วเอาแต่ถามหาป่าน พ่อของพวกเธอ “พ่อไม่อยู่ที่นี่ พวกลุงมาผิดบ้านแล้วค่ะ” “ออกไปด้วยค่ะ พี่ชายฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ อย่าเข้ามานะ!!!! ฉันบอกให้ออกไป!!!!” “พวกมึงไปค้นให้ทั่ว กูเบื่อฉิบหาย ไอ้พวกติดหนี้แล้วเสือกไม่มีปัญญาจ่าย เจอตัวแล้วลากมาให้กู กูจะสั่งสอนมัน เสือกนัดจะคืนเงิน แล้วเบี้ยวหนี้ต้องเจออะไร” “พ่อไม่ได้เอาเงินไปใช้พวกคุณเหรอ” ชีฟองพูดขึ้นมาทำให้ลินินตกใจไม่น้อย “อะไรฟอง พ่อแกมาเหรอ มาตอนไหน เงินอะไร เงินจากไหน” ลินินถามสิ่งที่เธอเพิ่งจะรู้ “ฮึก ฮึก อา หนูขอโทษ หนูขอโทษ” เด็กน้อยที่เก็บความผิดกับตัวเองมาทั้งวัน ทรุดตัวลงกับพื้น นั่งร้องไห้ ทำให้ลินินรู้ได้ทันทีว่า คนที่เอาเงินไป ไม่ใช่ยีนแล้ว น่าจะเป็นหลานสาวของเธอเอง “จิ๊ พี่ชายฉันเป็นหนี้พวกแกเท่าไหร่ ฉันจะใช้ให้ 2 หมื่นใช่ไหม” “2 ล้าน รอบที่แล้วจ่ายดอกมา เป็นเสื้อ รอบนี้เสือกหนีอีกแล้ว ถ้าหนูจะมาทำงานรับแขกใช้หนี้ พี่ก็โอเคนะ เสือกไม่บอกว่ามีน้องสาวสวยแบบนี่ ถ้ารู้ให้กู้อีกดีกว่า” “พี่โจ ไอ้ป่านไม่อยู่ที่นี่ครับ มันน่าจะหนีไปแล้ว” ลูกน้องบอกถึงการไม่มีอยู่ของคนที่พวกมันตามหา “เอาลูกสาวมันไปเป็นตัวประกัน” “ฉันมี อยู่ 2 หมื่น เอาดอกไปก่อน ฉันจะหามาจ่ายให้อีก แต่อย่าเอาหลานฉันไป” ลินินรีบวิ่งไปชั้นบนของบ้าน เอาเงินที่เพิ่งจะขายเข็มขัดบวกกันเศษที่เหลือของเงินเดือน ให้พวกนักเลงไปจนหมด เพื่อแลกกับตัวของหลานสาวอย่างชีฟองไว้ ทำให้พวกนักเลงพอใจที่ได้เงิน เลยยอมจากไป โดยกำชับ ว่าอีก 15 วัน จะมาเก็บดอกอีก ให้หาเงินเอาไว้รอ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ลินินทรุดตัวลงกับพื้นกระดานของบ้าน หนี้สินที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ เงินล้าน ไม่ใช่เงินที่คนแบบเธอจะเอื้อมถึงเลย ความอับจนหนทางมันแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตา ที่จุกอยู่ในอก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD