“น้องคะมาเยี่ยมคุณวิษรุจหรือคะ” นางพยาบาลที่เข็นรถผ่านมาถาม
“คะ คือ... ใช่ค่ะหนูเป็นน้องสาวของพี่รุจ แต่หนู...”
“ตอนนี้เข้าไปเยี่ยมได้ค่ะ คนไข้หลับอยู่ แต่อย่าส่งเสียงดังนะคะ คุณหมอยังไม่มาตรวจ คงจะเข้ามาตอนสาย ๆ”
“อาการของพี่รุจ...”
“อ๋อ... ดีขึ้นแล้วค่ะ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
นางพยาบาลเข็นรถผ่านไป
ทอรุ้งเปิดประตูห้องของวิษรุจเข้าไปอย่างเบามือ เธอมองร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง บนตัวของวิษรุจมีสายน้ำเกลือแทงอยู่ที่หลังมือ มีท่อออกซิเจนเล็ก ๆ เสียบอยู่ที่ปลายจมูก ใบหน้าของเขามีเครารกรัง สาวน้อยยืนน้ำตาไหล
สมน้ำหน้าคนใจร้าย เธอยืนต่อว่าเขาอยู่ในใจ ขยับตัวเข้าไปใกล้เขาจนชิดเตียง มือน้อย ๆ ของทอรุ้งตีไปที่แขนของเขาสองสามที
อยากจะซัดให้แรง ๆ นัก
ทอรุ้งร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ็บปวดที่เขาไม่ไยดี ถึงตอนนี้เขาร้ายกับเธอแค่ไหน สภาพของวิษรุจก็ทำให้เด็กสาวสงสาร เธอจึงจับมือของเขาขึ้นมา
“หายไว ๆ นะคะ ต่อไปรุ้งจะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีก แล้วเราสองคนขาดกัน นับตั้งแต่วันนี้ จะไม่ยุ่งไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว รุ้งอโหสิกรรมให้” เธอเอ่ยปากบอกเขาเบา ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก มีเสียงเคาะประตู ทอรุ้งรีบปล่อยมือจากเขา แล้วเช็ดน้ำตาของตัวเอง
นางพยาบาลคนเดิมเปิดประตูเดินเข้ามา
“ขอตรวจวัดความดันคนไข้นะคะ”
ทอรุ้งหันไปมองใบหน้าที่หลับสนิทของวิษรุจอีกครั้ง ทำท่าจะเดินออกไป
“น้องจะกลับแล้วหรือคะ”
“ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ
วิษรุจที่ได้ยินเสียงสนทนา ตื่นจากการหลับใหล เขาหรี่ตาขึ้น เห็นหลังของเด็กสาวไว ๆ
ใครมา... เขาขยับปากจะเอ่ย แต่ในลำคอแห้งผากไปหมด
ประตูห้องถูกปิดลง
วิษรุจเริ่มมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ในห้อง ทั้งแปลกตา เห็นสายน้ำเกลือ เริ่มขยับตัว แต่ในหัวก็หนักอึ้งไปหมด
“ผมอยู่ที่ไหน” เขาขยับปากถามพยาบาล
“คุณไม่สบายตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ขอดิฉันวัดไข้ กับความดันหน่อยนะคะ” นางพยาบาลเริ่มปฏิบัติงาน
วิษรุจเปิดตามองไปบนเพดาน ก่อนจะนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ทอรุ้ง เขานึกไปถึงเด็กสาว
แล้วที่เห็นหลังไว ๆ เมื่อกี้…
“ใครเพิ่งออกไปครับ”
“น้องสาวของคุณไงคะ”
“น้องสาว”
“ต่อจากวันนี้ไป รุ้งจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะถือว่าเราสองคนไม่รู้จักกัน ลาก่อนค่ะพี่รุจ”
รีสอร์ตดุจดารา
ทอรุ้งเดินเข้าไปในบ้าน
“แม่จ๋า พ่อจ๋า” เธอตะโกนเรียกบุพการี
คุณดาราทิ้งงานในมือรีบวิ่งออกมารับลูกสาวด้วยความคิดถึง
“พ่อ พ่อ ยายรุ้งมาแล้ว” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ร้องเรียกคุณปวิชผู้เป็นสามี
“แม่...” ทอรุ้งเรียกท่าน โผเข้าไปกอดแม่ ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา หัวใจที่แห้งแล้งเหี่ยวเฉาเหมือนได้รับสายพิรุณจากฟากฟ้าทำให้ชุ่มเย็น เธอเสียใจกับเรื่องวิษรุจ และยังหาคำตอบที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาไม่ได้ และน้ำตาที่ไหลอาบเพราะเธอรู้ตัวว่าตัวเองทำผิด ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัว
“แม่คิดถึงลูกมากนะ” น้ำตาของแม่ก็พานไหล
ทอรุ้งเป็นลูกสาวคนโตของคุณดาราและคุณปวิชที่คุณแจ่มจันทร์ขอไปเลี้ยงดูแลเอง เพราะดารามีลูกสาวฝาแฝดห่างกับทอรุ้งหกปี มาอีกสองคน ปลายฟ้า(ปั่น) กับเหมือนดาว(ป้อน) แล้วยังมีน้องตัวเล็กเพิ่งจะห้าขวบหลงมาอีกหนึ่งคน ชื่อว่า เด็กชายปุณณ์
“รุ้งมาแล้วหรือลูก” คุณพ่อเดินเข้ามาในบ้านตัวเปื้อนเปรอะไปด้วยโคลน
ทอรุ้งไม่สนใจรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดท่าน
“คิดถึงพ่อที่สุดเลยค่ะ” เธออ้อน
“โถ... ยายรุ้ง พ่อเลอะไปทั้งตัว”
เธอไม่สนเขย่งปลายเท้าหอมแก้มคุณพ่อฟอดใหญ่
“เดี๋ยวต้องไปอาบน้ำใหม่ทั้งพ่อทั้งลูก” คุณดาราได้แต่ยืนหัวเราะ
“แม่จ๋า ปั่น ป้อน ปุณณ์ล่ะคะ” เธอเอ่ยถามถึงน้อง
“กำลังกลับมาละ วันนี้สอบวันสุดท้าย แต่ตาปุณณ์แม่ให้เรียนพิเศษ กลับช้ากว่าเพื่อนหน่อย”
“โห... แม่ น้องยังเล็กมากเลยนะ”
“เรียนวาดรูป ปุณณ์มันชอบ รุ้งคอยดูสิ กลับมาจากเรียนพิเศษ ตัวนี่เลอะพอ ๆ กับพ่อของเราเลยแหละ”
ดาราหันไปมองหน้าสามี ที่ยังกอดกับลูกสาวตัวกลม
“อ้าว... ไปอาบน้ำสิคะ จะได้มาช่วยเตรียมของย่าง”
“แม่จะทำอะไรกินคะ” ทอรุ้งเดินตามแม่เข้าไปในครัว
“แม่ก็เตรียมอาหารพิเศษสำหรับรุ้งน่ะสิ ฉลองการกลับมาที่บ้าน แล้วครั้งนี้ ทำไมคุณป้าถึงยอมให้เรามาอยู่กับแม่ได้นะ”
“กำลังเห่อหลานในท้องของพี่นิ้งเมียของพี่ต๊ะไงคะ มีเรื่องวุ่น ๆ ให้ทำทั้งวัน”
“ป้าเราก็ยังเหมือนเดิมใช่ไหม”
“คุณป้าสบายดี ยังฝากความคิดถึงมาให้คุณแม่ด้วยค่ะ แล้วคุณป้าเหมือนเดิมเรื่องอะไรคะ เรื่องที่อยู่ไม่นิ่งเหมือนแม่ดาของหนูนี่หรือคะ”
“จ้า อยู่เฉย ๆ เป็นซะที่ไหน ปวดหัวปวดตัวตาย” คุณแม่ทำเสียงสูง
“ให้รุ้งช่วยทำอะไรดีคะ” เธอกุลีกุจอ รู้สึกดีขึ้นที่ได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่และน้อง ๆ พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
“แกะเปลือกกระเทียม แล้วก็เด็ดก้านพริก แม่จะทำน้ำจิ้มอร่อย ๆ ให้”
“ได้เลยค่ะ งานถนัดของรุ้งอยู่แล้ว” สองแม่ลูกคุยกันกะหนุงกะหนิงสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข
เสียงวิ่งตึงตังดังขึ้น
“มาแล้วมั้ง ปั่นกับป้อน” แม่เอ่ยถึงสองสาวฝาแฝด
“พี่รุ้ง” ทั้งคู่แย่งกันเรียกชื่อของพี่สาว กระโดดเข้ากอดทอรุ้งทั้งคู่ สีหน้าดีใจสุด
“คิดถึงที่สุดเลย”
“ใช่ ไหนของฝากน้อง มีมาหรือเปล่า”
ทอรุ้งยิ้มกว้าง สองสาวหอมแก้มพี่ไม่หยุด ส่งเสียงพูดคุยกันโฉงเฉงดังไปหมด ทอรุ้งก็ไม่รู้จะตอบคำถามไหนดี ปกติอยู่ที่บ้านคุณป้า เธอเป็นคนที่พูดมากที่สุดแล้ว แต่มาเจอปั่นกับป้อน ต้องยอมยกธง
“ไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนเลย” ทอรุ้งได้แต่ยิ้มหัวเราะกับสิ่งที่ทั้งสองสาวแย่งกันพูด
“หยุดนะ ยายเด็กสองคนนี้ ไปอาบน้ำก่อนเร็ว แล้วลงมาช่วยกัน” คุณแม่ออกปากไล่
“แม่คะ กระเป๋าที่รุ้งส่งมาก่อนล่วงหน้าล่ะคะ”
“ก็วางอยู่ในห้องนอนของหนูนั่นแหละ”
“ไปกับพี่ดีกว่า พี่มีของฝากอยู่ในกระเป๋า”
“เย้ ๆ” สองสาวกระโดดโลดเต้น
“โอ๊ย... มีลูกหรือมีลิง ปวดหัว” คุณดาราว่าให้ตามหลัง
ในห้องนอนของทอรุ้ง เธอเปิดกระเป๋าใบใหญ่ออกกว้าง หยิบหมวกที่ถักจากไหมพรมเองออกมาให้ทั้งสองสาวคนละใบ
“ทำไมต้องสีเหมือนกันด้วย” ป้อนรับมันมาถือ
“ก็พี่รู้ไงว่าถ้าทำมาใบละสี เราสองคนก็ตีกันตาย ชอบไหม”
“ชอบค่ะ” ตอบแทบพร้อมกันทั้งคู่
“งั้นเรามาถ่ายรูปเซลฟีกันดีกว่า”
ปั่นกับป้อนจัดการวางท่า นั่งประกบตัวลงข้างกายของพี่สาว แล้วยกมือถือขึ้นมากดชัตเตอร์
“ปั่นจะลงรูปในอินสตาแกรม คนติดตามปั่นเยอะมาก”
“หนูจะลงในเฟซฯ เพื่อนป้อนในเฟซฯก็เยอะเหมือนกัน”
“งั้นเรามาแข่งกันนะ ว่าใครได้ไลก์มากกว่ากัน” สองสาวฝาแฝดเริ่มคุยกัน โดยที่ไม่สนใจพี่สาวอีกแล้ว
มีเสียงแม่ตะโกนดังเข้ามาให้ไปอาบน้ำแล้วมาช่วยกันทำงาน
ทอรุ้งถอนหายใจเสียงดัง กลับบ้านมาหัวใจมีความสุข แต่เรื่องราวของเธอกับวิษรุจก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวจนเอาไม่ออก
สาวน้อยหยิบเอาแผงยาคุมฉุกเฉินที่ซื้อในร้านขายยาหน้าโรงพยาบาลตอนเดินผ่านขากลับออกมาดู เธอยังไม่ได้กินมันสักเม็ด เสียงเภสัชกรดังขึ้น
“อย่ากินติดกันในเดือนนี้สองแผงนะคะ กินภายในสามวันหลังมีเพศสัมพันธ์ ยาคุมฉุกเฉินเอาไว้กินตอนฉุกเฉินจริง ๆ อาจจะได้ผลถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์แต่ก็มีผลข้างเคียง บางคนกินอาจจะท้องนอกมดลูกได้ ยังไงถ้าน้องมีอะไรกับแฟนบ่อย ๆ พี่แนะนำให้กินยาคุมแบบแผง ซึ่งมันจะควบคุมฮอร์โมนในร่างกายเราได้ดีกว่า ไม่ท้องแน่นอนค่ะ”
ตอนนั้นทอรุ้งอายจนหน้าแดง รีบจ่ายเงินและเดินตัวปลิวออกมาจากร้านขายยา