เมื่อรถคันที่เขาใช้ในตอนแรกขับออกไป พวกมันก็ตามติดอย่างไม่ลดละเพราะจำทะเบียนและลักษณะของรถได้ แต่กว่าจะรู้ว่าถูกหลอกเข้าให้ก็ปาเข้าไปค่อนคืนเสียแล้ว ทุกอย่างที่ถูกวางแผนไว้ตั้งแต่แรก จึงยังคงดำเนินไปตามนั้นอย่างไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น สมันเนื้อหวานตัวน้อยถูกเขากลืนกินเสียทั้งตัว และไม่แน่หรอกว่า...เขาจะอิ่มเพียงเท่านั้นในเมื่อเวลาแห่งความบันเทิงมันยังไม่จบเลยนี่
เวลามาถึงแล้ว...ดวงวิญญาณของทุกคนกำลังชี้ช่องทางในการแก้แค้นให้กับเขาแล้ว ต้องรีบตักตวงเอาไว้นะทอเลเมียสเอ๋ย
“อ้าว...ไม่เรียกผมล่ะเดินออกมาเองทำไม”
เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมๆ กับหญิงสาวที่ยังใช้ผ้าห่มคลุมตัวค่อยๆ ย่างเท้าออกมา ดูเหมือนเธอไม่ค่อยถนัดนักเขาจึงรีบวางเท้าลงที่พื้นและเดินไปหาทันที ก่อนจะตวัดอุ้มร่างบางขึ้นมาแนบอกและพากลับไปที่เตียงนอน
“ผมให้คนไปซื้อยากับเสื้อผ้ามาให้คุณแล้วนะ คุณอยากทานอาหารในห้องนี้หรือจะออกไปทานที่ห้องอาหารดีล่ะจะได้กินยาแล้วพักผ่อน”
“เอ่อ...ในนี้ดีกว่าค่ะ...”
“ผมก็คิดว่างั้น...” คนได้เปรียบยังยิ้มเย้าส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ ก่อนจะวางเธอลงบนที่นอนเบาๆ ใจอยากจะดึงไอ้ผ้าที่ห่อหุ้มนั้นออกให้รู้แล้วรู้รอด แต่ช่างเถอะ...ไม่อยากกวนใจอะไรหญิงสาวมากนักดูท่าเธอคงยังเครียดเรื่องบิดาอยู่ อยากรู้นักถ้าได้รู้ความจริงทุกอย่างว่าบุพการีที่ตัวเองเทิดทูนไว้เหนือเกล้า แท้จริงแล้วหาใช่คนดีประเสริฐล้ำอย่างที่ภูมิอกภูมิใจเอานักหนา มันจะเกิดอะไรขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสื้อผ้ากับยาคงมาแล้วล่ะ”
หญิงสาวรีบพลิกตัวหลบด้วยความอายทันทีที่ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตู เธอจึงไม่รู้ว่าคนที่นำของทั้งหมดมาให้หาใช่พนักงานโรงแรมแต่เป็นชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันในชุดสูทสีดำสนิทต่างหาก
“เอพริล...มาเปลี่ยนผ้าก่อนนะ ผมสั่งอาหารไปกับพนักงานแล้วเดี๋ยวเขาจะเอามาให้เราในห้อง คุณจะได้กินยาเสียที” อันที่จริงสั่งลูกน้องไปบอกพนักงานอีกที
“ค่ะ...คุณ...ออกไปก่อนได้ไหมคะ”
ทอเลเมียสเม้มปากจ้องมองคนขอ นี่แม่คุณจะอายอะไรกันนักหนาเนี่ย เมื่อคืนก็เห็นก็จับไปถึงไหนต่อไหนหมดแล้วนี่
“ผมจะเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ...” เขาบอกกลับค่อนข้างฉุนเฉียว ตอนนี้ทั้งหิวทั้งเจ็บไหนยังต้องมาคอยเอาอกเอาใจคุณหนูเพิ่งเสียสาวอีก เป็นอะไรที่คนอย่างเขาไม่เคยคิดทำเลยจริงๆ
วันนั้นทั้งวันอรุโณรีย์ได้แต่นอนซมจับไข้อยู่แต่ในห้องโดยมีชายหนุ่มต้นเหตุคอยดูแลไม่ห่าง อาหารการกินก็รับประทานเข้าไปได้เพียงน้อยนิดเนื่องจากความเจ็บป่วยทางด้านร่างกายเล่นงานอย่างหนัก หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกรุมทุบตีเนื้อตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังหนาวจัดในบางครั้งและร้อนจนเหงื่อแตกซิกในบางครา ลำคอก็แห้งผากปวดแสบปวดร้อนไปเสียหมด
โดยเฉพาะตรงจุดพึงสงวนนั้นเจ็บจนแทบขยับขาไม่ได้เลย ช่างเป็นอะไรที่ทรมานเหลือเกินขนาดรับประทานยาเข้าไปแล้วแต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก สิ่งเดียวที่พอจะทำให้หัวใจไม่เหี่ยวแห้งนักก็คงเป็นชายหนุ่มที่เอาใจใส่ดูแลกันอยู่ข้างๆ ตลอดเวลานี่แหละ เขาให้ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างแสนประหลาดในขณะที่ร่างกายกำลังอ่อนล้าโรยแรงเต็มที
แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นจากการกระทำของเขาก็เถอะ แต่นี่ใช่ไหม...ที่เขาเรียกว่าความรักที่สมบูรณ์แบบ เธอได้สิ่งที่รอคอยนั้นมาไว้อยู่ในอ้อมกอดนี้แล้วใช่หรือไม่
พลบค่ำเข้าไปแล้วอาการของอรุโณรีย์ก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ทอเลเมียสพยายามพูดปลอบประโลมให้เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลแต่หญิงสาวก็คัดค้านไม่ยอมท่าเดียว แถมยังมีขู่ว่าจะโกรธเขาไปชั่วชีวิตอีกถ้ายังขืนบังคับเธออยู่แบบนี้ ดูเอาเถอะแม่สมันน้อย...คิดว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้นเชียว
“อืม...แม่ขา...” เสียงแผ่วเบาแว่วดังมาจากคนตัวเล็กในอ้อมแขน ทอเลเมียสที่ยังนอนดูทีวีอยู่จึงละสายตาจากรายการโปรดมามอง เธอขยับตัวเข้ามาเบียดเขาทั้งๆ ที่อยู่ประชิดกันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียว
“หนูคิดถึงแม่...” อีกครั้งที่เสียงหวานๆ ละเมอหามารดาผู้ล่วงลับ ไม่น่าเชื่อว่าอายุปูนนี้เข้าไปแล้วยังจะนอนละเมอหาแม่เป็นเด็กๆ ได้อีก...แล้วเขาล่ะเคยหรือเปล่า
“เอพริลนอนเถอะ...” เขากระซิบบอกตรงริมกกหูขาวสะอาดแล้วรวบร่างมากอดให้แน่นขึ้นอีก ก้มลงจูบซับตรงขมับและหน้าผากมนเบาๆ รู้สึกใจหายลึกๆ ในสิ่งที่อรุโณรีย์กำลังเป็น เขาพอจะรู้ว่าเธอสูญเสียมารดาตั้งแต่แบเบาะนั่นหมายความว่าหญิงสาวคงยังจำหน้าผู้ให้กำเนิดไม่ได้ด้วยซ้ำ จะเห็นหรือรู้จักก็คงเป็นแค่ในรูปภาพเท่านั้น
ถ้าเทียบกับเขา...ที่เคยมีชีวิตอย่างผาสุก ทุกอย่างห้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่นที่บุพการีทั้งสองมอบให้ความรู้สึกมันคงต่างกันลิบลับ เพราะอรุโณรีย์นั้นถึงจะถูกเลี้ยงดูแบบทะนุถนอมเป็นอย่างมากก็จริง แต่วงศ์ศาสตร์นั้นก็ไม่ได้เอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเท่าไหร่ คงใช้แต่เงินและคนมาคอยปรนเปรอให้เธอ ซึ่งเขารู้ว่าความรักตรงนั้นต่อให้เอาสิ่งใดมาชดเชยมันก็ไม่มีวันสมบูรณ์แบบไปได้หรอก แต่ก็ช่างน่านับถือหัวใจดวงน้อยของหญิงสาวนัก ที่เข้มแข็งและเข้าใจในความจำเป็นของผู้ให้กำเนิด ทำตัวเป็นเด็กดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ได้ใจแตกสำมะเลเทเมาแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้ครอบครัวว่าไม่อบอุ่นเหมือนคนอื่น
“อย่าสับสนนาซี...ผู้หญิงคนนี้คือลูกไอ้ฆาตกร เธอสมควรได้รับผลกระทบจากการกระทำของพ่อชั่วๆ มันไม่ใช่ความผิดของนาย...นาซี” ชายหนุ่มผลักความคิดที่แปลกแยกจากความตั้งใจเดิมออกไปพร้อมๆ กับร่างงามระหงก็ถูกผลักให้ห่างตัวอย่างไม่ไยดีก่อนจะยกสองมือประสานกันไว้บนหมอนและดูทีวีต่อ ภายในใจของเขานั้นไม่เคยหยุดคิดถึงขั้นตอนต่อไปที่ต้องดำเนินการ ยิ่งช้าเวลาก็ยิ่งเสียเปล่า
ตอนนี้หนทางเดียวที่เขาจะล่วงรู้ความเป็นไปของวงศ์ศาสตร์และจัดการถอนรากถอนโคนเสียมีทางเดียวคือต้องใช้อรุโณรีย์ให้เป็นประโยชน์ ตอนที่บิดาของเธอฮุบเอาทุกอย่างไปจากชีวิตเขาแม้แต่ลมหายใจของผู้ให้กำเนิดยังใช้วิธีการชั่วช้าสารพัดโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย แล้วเขาจะสนใจทำไมว่าการเอาทุกอย่างคืนมาจำเป็นต้องใช้วิธีไหน
“อืม...”
“นอนให้สงบซะเอพริล...ไม่อย่างนั้นเธอได้เดือดร้อนกลางดึกทั้งที่เป็นไข้แบบนี้แน่ๆ” ชายหนุ่มบอกคนหลับใหลที่กำลังขยับเบียดหาความอบอุ่นจากเขา พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกลึกๆ ที่อยากจะรวบร่างนั้นมากอดไว้แนบอกแล้วปลอบประโลมให้เธอหลับไปภายใต้กรงแขนของเขา
แต่ก็นั่นแหละ...มีความจำเป็นอะไรต้องทำให้ถึงขนาดนั้นด้วย ไม่จับหักคอเสียตั้งแต่แรกเห็นก็เป็นอะไรที่น่าจะดีใจแล้วนะ