บทที่ 5 ตอนที่ 4

1410 Words
ทอเลเมียสละสายตาจากร่างงามระหงที่กำลังวุ่นอยู่กับงานซึ่งเขาบอกให้ทำ นับว่าแผนการของเขาที่ยืมมือทรงภูมิเข้ามาช่วยเป็นไปตามความคาดหมายทุกอย่าง ในตอนแรกเขาก็แค่เกริ่นๆ กับทรงภูมิว่าอยากได้ตัวลูกสาวของวงศ์ศาสตร์มาช่วยงานเพราะหญิงสาวดูเป็นเด็กเก่ง ฉลาดรอบรู้ อีกทั้งยังมีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งการันตีความสามารถมาด้วย และตัวเขาเองก็ได้ข่าวว่าเธอกำลังมองหางานทำแก้เบื่ออยู่เช่นกัน หากได้ตัวมาคงเป็นประโยชน์ต่อบริษัทไม่น้อย แต่จะน่าเสียดายมาก ถ้าวงศ์ศาสตร์ตัดสินใจให้เธอไปอยู่ในบริษัทอื่น เขาเปรยเพียงแค่นั้นไม่นึกว่าทรงภูมิจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับวงศ์ศาสตร์อีกที และในที่สุดงูเห่าเฒ่าก็ไว้ใจให้ลูกสาวคนเดียวมาอยู่ในความดูแลของทรงภูมิจนได้ แต่...หารู้ไม่ว่า กำลังป้อนเนื้อสมันแสนหวานนี้เข้าปากให้เขาเคี้ยวเล่น และคายทิ้งย้อนกลับไปทำลายตัววงศ์ศาสตร์เอง วันนี้ทั้งวันอรุโณรีย์ต้องง่วนอยู่กับการเรียนรู้ในด้านต่างๆ ที่ทอเลเมียสคอยบอกคอยสอน เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกเพื่อพบลูกค้า แต่กลับนั่งเคลียร์งานของแผนกต่างๆ โดยให้เธอเรียนรู้ไปด้วย อรุโณรีย์ค่อนข้างหัวไวอย่างที่ชายหนุ่มคิด เพียงเขาแนะนำไม่กี่ครั้งเธอก็สามารถจำและนำเอกสารที่ต้องตรวจสอบต่างๆ ไปดูแลได้แล้ว เนื่องจากในห้องมีโต๊ะทำงานของเขาแต่ชุดเดียว หญิงสาวจึงต้องนั่งทำงานบนโซฟา แต่พอเข้าช่วงบ่ายเขาก็ให้คนนำโต๊ะทำงานส่วนตัวมาให้เธอ มันวางอยู่เยื้องกับประตูห้องนิดหน่อยและหันหน้าตรงมาทางโต๊ะของเขา นั่น...กลับทำให้สมาธิในการทำงานของอรุโณรีย์ลดน้อยถอยต่ำจนแทบนึกคิดอะไรไม่ออก ยิ่งทางทอเลเมียสเองก็ชอบมองเธอแบบไม่ละสายตาครั้งละนานๆ และเหมือนจงใจให้เธอรู้ด้วยซ้ำ หญิงสาวทั้งเกร็งทั้งขัดเขิน จนหัวใจทำงานหนักแทบไม่ได้พักเลยตลอดทั้งวัน แม้กระทั่งตอนเลิกงาน ทอเลเมียสก็เป็นคนลงมาส่งเธอยังลานจอดรถด้วยตัวเอง ซึ่งวงศ์ศาสตร์ได้ให้คนขับรถมาจอดรอรับด้วยอยู่แล้ว พนักงานในบริษัทต่างก็พากันแปลกใจ บ้างก็รวมหัวกันซุบซิบนินทาถึงหญิงสาวปริศนาที่ได้รับการดูแลจากรองผู้อำนวยการรูปหล่ออย่างออกหน้าออกตา จนอรุโณรีย์คิดว่าวันต่อๆ ไปเธอคงเป็นที่จับตามองอย่างหมั่นไส้จากคนเหล่านั้นแน่ๆ เพราะดูจากสายตาโดยเฉพาะพนักงานสาวๆ แล้วไม่น่าเป็นมิตรเอาเสียเลย ดึกสงัดแล้ว แทนที่หญิงสาวจะเหนื่อยเพลียจากการทำงานในวันแรก จนผล็อยหลับไป เธอกลับนั่งอยู่ในสวนหลังบ้านที่ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและพรรณไม้นานา มือเรียวขาวลูบไล้ไปตามแขนสองข้างเบาๆ เมื่อลมหนาวโชยพัดมากระทบกับผิวเนื้อจนรู้สึกถึงไอเย็นหวิวๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องมานั่งใจลอยอยู่อย่างนี้ เธอกำลังไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งตัวเอาไว้แต่แรกว่าจะต้องอยู่ใกล้ชิดกับชายหนุ่มที่มักปรากฏตัวแล้วทำให้เธอหวั่นไหวอยู่เสมอ ทำงานร่วมกันยังไม่เท่าไหร่นี่ถึงกับต้องอยู่ในห้องเดียวกันเห็นกันแบบวินาทีต่อวินาที นั่นทำให้หญิงสาวยังปรับตัวปรับใจไม่ได้ มันขัดเขินและรู้สึกประหม่า ยังไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้เธอจะต้องเริ่มต้นอย่างไรกับการต้องเผชิญหน้าเขา... “เอพริล...ทำไมนอนดึกนักล่ะลูก พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอนี่เราไม่ได้อยู่ลอยชายไปวันๆ แล้วนะ หืม...” “อ้าวคุณพ่อ...หนู เอ่อ...ยังไม่ง่วงค่ะ” อรุโณรีย์หันไปมองตามเสียงทุ้มของบิดาบังเกิดเกล้า ซึ่งกำลังเดินมาที่เธอ ซึ่งเขาก็มักทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว หากเห็นว่าเธอยังไม่นอน “อากาศมันเย็นไม่เอาเสื้อคลุมมาสวมสักตัวล่ะ เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก” “แหม...แค่นี้เองหนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ อีกอย่างก็กำลังจะขึ้นไปนอนแล้วด้วย” “ดีแล้ว ว่าแต่วันนี้ไปทำงานเป็นยังไงบ้างลูกได้อยู่แผนกไหนเหรอ” วงศ์ศาสตร์เอ่ยถามสบายๆ พร้อมทั้งยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบ “ก็...ยังไม่ทราบเลยค่ะ ตอนนี้คุณทอเลเมียสเขา...ให้หนูอยู่ช่วยงานไปก่อนค่ะ” “อ้าว ไหงเป็นงั้นล่ะ ไหนลองเล่าให้พ่อฟังหน่อยสิ เสียดายเมื่อวานพ่อกับคุณทรงภูมิรีบไปหน่อยไม่อย่างนั้นคงอยู่ดูแลหนูจนเข้าร่องเข้ารอยนั่นแหละแล้วค่อยกลับ” “คุณพ่อคะ...หนูโตแล้วนะอีกอย่างหนูไปทำงานนะคะไม่ได้ไปเรียนอนุบาลแค่นี้คนเขาก็มองกันจะแย่อยู่แล้ว ว่าหนูน่ะใช้เส้นใช้สายไม่ต้องเหนื่อยต้องรอกว่าจะได้งานทำเหมือนคนอื่นๆ เขา แถมยังไม่ได้ทำจริงจังอะไรอีกแค่มาฆ่าเวลาทิ้งไปวันๆ” “หือ...ใครกันที่ว่าหนูแรงขนาดนั้นน่ะ ไหนบอกพ่อมาซิ” วงศ์ศาสตร์ขมวดคิ้วเครียดทันทีเมื่อได้ยินบุตรสาวเอ่ยถึงการทำงานในวันแรกที่ฟังก็รู้แล้วว่าเธอไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนในบริษัท “ช่างเขาเถอะค่ะ อันที่จริงหนูก็ไม่ได้สนใจหรอกค่ะ แค่บังเอิญได้ยินตอนลงไปกินข้าวที่โรงอาหารเท่านั้นเองไม่คิดด้วยว่าเรื่องที่หนูไปทำงานในบริษัทจะรู้กันเร็วแบบนี้” “ไม่ได้นะ...นี่เรื่องใหญ่หนูรู้ไหมเดี๋ยวพ่อจะบอกให้คุณทรงภูมิจัดการให้เอง” “พอเถอะค่ะคุณพ่อแค่นี้เราก็รบกวนเขามากแล้ว หนูเกรงใจคุณทรงภูมิ อุตส่าห์รับเข้าทำงานแค่วันแรกหนูก็สร้างปัญหาให้ซะแล้ว นี่ถ้าคุณพ่อให้หนูเข้าทำงานในบริษัทของเราก็หมดเรื่อง...จริงไหมคะ” “เฮ้อ! เมื่อไหร่ลูกจะเข้าใจว่าพ่อน่ะหวังดี งานในบริษัทของเรามันไม่เหมาะกับลูก อีกอย่างที่พ่อให้ไปอยู่ที่บริษัทของคุณทรงภูมิเพราะเขาก็อยู่ระดับแนวหน้าของประเทศมีบุคลากรทำงานเก่งๆ หลายคนพ่อก็อยากฝากฝังลูกได้ศึกษาวิธีการทำงานของพวกเขาเอาไว้” วงศ์ศาสตร์ถอนหายใจพลางพูดอย่างเหนื่อยหน่าย แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลมากพอจะเอามาบอกกับบุตรสาวว่า...ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้ “แล้วต่อไปล่ะคะ...ต่อไปหนูก็ต้องเข้าไปดูแลแทนคุณพ่ออยู่ดี” “มันก็ใช่...แต่ตอนนี้บริษัทของเรากำลังมีปัญหาบางอย่างพ่อขอเคลียร์ตรงนี้ให้มันลงตัวก่อนก็แล้วกัน ยังไงเสียทุกๆ อย่างที่พ่อมีมันก็ต้องเป็นของลูกอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้พ่ออยากให้ลูกใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นให้คุ้มก่อนก็เท่านั้น” วงศ์ศาสตร์หันมองหน้าบุตรสาวและยิ้มอย่างอบอุ่น ขณะกล่าวบอกด้วยความรักที่มีให้เต็มเปี่ยม “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ...หนูรักคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ” อรุโณรีย์ลุกจากที่นั่งแล้วโผเข้ากอดบิดาผู้เป็นที่รักหนึ่งเดียวของเธอเช่นกัน รู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเสียเหลือเกินที่มีผู้ให้กำเนิดรักและเอาใจใส่เธอถึงเพียงนี้ “พ่อก็รักลูกที่สุด ไปนอนกันเถอะนี่ก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานสายโดนเจ้านายดุพ่อไม่รู้ด้วยนะ” “ค่ะ...ราตรีสวัสดิ์ หนูไปนอนก่อนคุณพ่อก็ห้ามนอนดึกเหมือนกัน เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” “จ้ะ...งั้นเราไปพร้อมกันเลยก็แล้วกันนะ” “ค่ะ...” สองพ่อลูกโอบกอดประคองกันเดินเข้าบ้านไปอย่างมีความสุข ชีวิตพวกเขาช่างรายล้อมไปด้วยกลิ่นแห่งความราบรื่นสมหวัง โดยไม่ได้ระแวดระวังเลยว่า ภัยร้ายกำลังจะมาเยือน สร้างความวิบัติให้ทุกอย่างสิ้นสูญไม่เหลือซาก เหมือนดังเช่นที่ใครคนหนึ่งเคยประสบมาแล้วในอดีต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD