ใหม่เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไปรับไปส่งทุกวัน และถือเป็นการเปิดตัวอย่างเงียบๆ ให้ทุกคนที่จับตามองรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นได้พัฒนาไปแล้ว และนั่นยิ่งทำให้หญิงสาววางตัวลำบากเข้าไปอีก คนที่ไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่แล้วก็ยิ่งจะเขม่นหนักข้อขึ้น แต่ด้วยมีทอเลเมียสเป็นกำแพงใหญ่คอยกันให้อยู่จึงยังไม่มีใครกล้าทำอะไรโจ่งแจ้ง
อาจมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้เธอขุ่นใจอยู่บ้าง อย่างเช่น...ถ้าเข้าห้องน้ำหญิงที่ไม่ใช่ห้องน้ำในห้องทำงาน พนักงานคนอื่นๆ ก็จะแสดงท่าทีว่าไม่ชอบเธออย่างเห็นได้ชัด พากันเดินออกไปทั้งกลุ่มบ้าง มองเธอแล้วแอบแบะปากกระซิบกระซาบกันบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
อรุโณรีย์ได้แต่ทำตัวให้เคยชิน และพยายามออกห่างไม่ข้องแวะกับใครมากนัก วันๆ เธอก็ทำแต่งาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง เวลารับประทานอาหารเดี๋ยวนี้ก็จะลงไปทานที่โรงอาหารเช่นคนอื่นๆ โดยมักไปกับเลขาของทอเลเมียสและไม่บ่อยนักที่เธอจะยอมให้เขาตามมาด้วย เพื่อลดกระแสนินทาว่าร้ายนั่นเอง
ทางด้านตัวชายหนุ่มเองเขาแทบไม่รับรู้ปัญหาอะไรเลยเพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรใส่ใจ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือถอนรากถอนโคนจิ้งจอกเฒ่าอย่างวงศ์ศาสตร์ให้เร็วที่สุด
“เอพริล อีกสามวันเราจะไปหัวหินกันแล้วนะโทรถามเพื่อนๆ หรือยังว่าว่างกันหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามขณะนั่งเซ็นเอกสารโดยไม่ได้เงยหน้ามองคู่สนทนาซึ่งนั่งประจำที่ของตัวเองอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
“ค่ะ...”
“แล้วว่ายังไงกันบ้างล่ะ” เขาเหลือบตามองเธอนิดหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ
“ไม่มีใครว่างเลยค่ะ เอมี่กำลังทำโปรเจคชิ้นแรกอยู่ มลก็ต้องออกพื้นที่ต่างจังหวัด ส่วนเฟื่อง...ก็ทำงานตามปกติค่ะแต่ทางบริษัทเขาให้เงินเป็นสามเท่าเนื่องจากเป็นวันหยุด”
“อืม...แล้วจะเอายังไงละทีนี้ คุณวงศ์ศาสตร์ว่ายังไงบ้าง”
“เอพริลยังไม่ได้บอกคุณพ่อเลย เพราะเพิ่งรู้ครบทั้งสามคนเมื่อกี้เหมือนกัน อีกอย่างพรุ่งนี้คุณพ่อก็จะต้องไปต่างประเทศแล้วด้วยค่ะ” เธอบอกกับเขาน้ำเสียงคล้ายหนักใจอยู่ในที
“แล้วเอพริลคิดยังไง หืม...อยากไปหรือเปล่าแค่ไปเช้ากลับเย็นไม่เห็นเป็นไรเลย”
“คือ...”
“ไม่ไว้ใจผมเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ...” จะให้อธิบายอย่างไรล่ะว่ากลัวบิดาเป็นห่วง เพราะตัวเธอก็โตเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้วด้วยซ้ำ ไม่อยากให้เขามองว่ายังเป็นลูกแหง่ไม่เข้าเรื่อง อีกอย่างสถานที่ที่ชายหนุ่มชวนไปก็มีความสำคัญต่อความทรงจำของเขาเสียด้วย
“ไปก็ไปค่ะ เดี๋ยวเอพริลจะบอกกับคุณพ่อเอง” นับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอกล้าตัดสินใจเด็ดขาดโดยไม่รอฟังความเห็นของบิดา แต่ก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เหมือนกัน
“ผมเคี่ยวเข็ญคุณมากไปจนคุณอึดอัดหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ จริงๆ เอพริลก็อยากไปเที่ยวบ้างเหมือนกันแต่กลัวคุณพ่อท่านจะเป็นห่วงเพราะเอพริลไม่เคยไปไหนไกลๆ กับใคร” เธอหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่าคนนอก
“อืม...เรื่องนี้เอง ถ้าคุณไม่สบายใจก็ไม่เป็นไรหรอกนะเอาไว้ให้คุณสะดวกก่อนก็แล้วกัน”
“เอพริลไปได้ค่ะ เดี๋ยวเอพริลจะคุยให้คุณพ่อเข้าใจเอง เราแค่ไปเที่ยวกันเท่านั้นแถมยังไม่ได้ค้างคืนด้วยคงไม่เป็นไรหรอก” อรุโณรีย์รับปากทันควัน เธอค่อนข้างมั่นใจว่า บิดาต้องไม่คัดค้านเพราะเธอไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไปแล้วการได้ออกไปไหนมาไหนเป็นการส่วนตัวถือว่าตอนนี้เธอมีสิทธิ์ทำได้เต็มที่
ทอเลเมียสไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาก้มหน้าจัดการกับงานของตัวเอง รอยยิ้มร้ายผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้า หญิงสาวที่มีความตั้งใจจริงกับเดทแรกหารู้ตัวไม่ว่ากำลังพาตัวเองเข้าสู่คมเขี้ยวของมัจจุราชผู้ที่คอยจ้องจะประหัตประหารเธอและครอบครัวให้ล่มจมอยู่ทุกเมื่อเชื่อยาม
ในที่สุดวันแห่งการรอคอยก็มาถึง อรุโณรีย์จัดการเก็บของที่จำเป็นต้องใช้สองสามอย่างใส่กระเป๋าสะพายใบขนาดย่อม และแต่งตัวรอทอเลเมียสตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะทั้งคู่นัดกันว่าจะเดินทางในช่วงเช้าอากาศไม่ร้อนมาก อีกทั้งรถก็ไม่ติด วงศ์ศาสตร์เดินทางไปกับเรือขนส่งสินค้าของบริษัท ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว โดยอรุโณรีย์ก็ได้บอกกล่าวไปแล้วซึ่งก็ได้รับอนุญาตโดยดี เป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายเล็กน้อย อาจเพราะบิดาคงเห็นว่าเธอโตพอที่จะเปิดหูเปิดตาได้แล้ว
เวลาหกโมงเช้า รถของทอเลเมียสก็ขับมารับหญิงสาวถึงหน้าบ้านและทั้งคู่ก็เดินทางไปยังหัวหินด้วยความรู้สึกที่เรียกได้ว่าต่างกันสุดขั้วหัวใจไปเลยทีเดียว อรุโณรีย์นั้นดีใจเป็นอย่างมาก สำหรับวันพิเศษแบบนี้เพราะเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกมาชื่นชมโลกนอกตัวเมืองกรุงเท่าไหร่ หรือถ้าหากจะไปก็ต้องรอให้บิดาว่าง อีกประการ วันนี้เธอยังได้ไปไหนมาไหนกับคนที่มีความพิเศษต่อหัวใจคนแรกอีกด้วย ช่างเป็นอะไรที่โลกทั้งใบสดใสสวยงามเหลือเกิน
ในขณะที่ทอเลเมียสขับรถไปเรื่อยๆ ท่าทีของเขานิ่งสงบและเงียบขรึมเหมือนยามที่เขาคร่ำเคร่งอยู่กับงาน ความคิดล่องลอยไปไกลเกินกว่าหญิงสาวข้างกายจะคาดเดาหรือแม้แต่ใครก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากกำพวงมาลัยเสียแน่นราวกับมันคือสิ่งที่ทำให้เขาแค้นเคืองเหลือคณา
อีกไม่นาน..เกมกำลังเริ่มต้นจริงๆ เสียทีแล้ว การได้มองดูความเจ็บปวดทรมานของคนอื่นมันคงช่วยลบบาดแผลในใจของเขาให้ทุเลาลงได้บ้าง...ไม่มากก็น้อย
สามชั่วโมงเศษๆ สองหนุ่มสาวก็มาถึงที่หมาย ทอเลเมียสพาหญิงสาวไปรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมซึ่งบิดาและมารดาของเขาเคยพามาพำนัก ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ ในวัยเยาว์ให้อรุโณรีย์ฟัง ความสุขของเขากับสถานที่แห่งนี้มันฝังลึกจนยากจะลืมเลือน แต่มันจะไม่มีวันได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว เขาอ้างว้างเดียวดายขาดอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นมายาวนานจนใจด้านชาและมีแต่ความเคียดแค้นเท่านั้นมาแทนที่จนเต็ม...