EP.05
ห้าทุ่มเศษ...
หลังเกิดเหตุการณ์ประหลาดกับตนเองและไม้ดอกสีขาวกลิ่นหอมระรื่นจมูก ที่จู่ๆ ก็โผล่มาอย่างไร้ที่มา ภายในความรู้สึกของจันทร์เจ้าก็พลันมีความคิดที่จะต้องการหาความจริงบางอย่างอยู่ตลอดเวลา
เสียงนั้นเป็นเสียงของใคร
แล้วดอกพุดซ้อนดอกนี้มันมาได้อย่างไร
กับเธออีกล่ะ ทั้งสามสิ่งนี้ มันเกี่ยวกันมากแค่ไหน
ทว่าคำตอบในเวลานี้ที่มันเด่นชัดอยู่ในหัวคือไม่ทราบ...
สิ่งที่จะทำได้คือการค้นหา...เธอตั้งคำถามอยู่ในใจ พร้อมกับเริ่มศึกษาหาประวัติของเจ้านางจันทร์งามอย่างละเอียดอีกครั้งเพราะการเกิดความรู้สึกที่หลากหลายนี้ มันเกิดขึ้นนับตั้งแต่เธอได้ฟังลำนำเพลงพื้นเมืองซึ่งเกี่ยวกับแม่หญิงผู้นี้เท่านั้น
เธอเชื่อว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันจะต้องเชื่อมต่อหากันได้อย่างแน่นอน
คำตอบอยู่ที่เธอ ว่าเธอจะค้นหามันอย่างไร...
ร่างบางทรุดลงนั่งบนเตียงของตนอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ ตำแหน่งเดียวที่เกิดเหตุการณ์ประหลาด นั่นก็คือการปรากฏตัวของดอกพุดซ้อนดอกนั้น
ไม้ดอกหอม...ดอกพุด นั้นมีหลายหลากชนิด แต่ที่เธอยอมรับว่าชอบที่สุด เนื่องเพราะกลิ่นหอมของมันช่างระรื่นจมูกเหลือเกิน นั่นก็คือดอกพุดซ้อน
กลีบบางเบาสีขาวสะอาดเรียงซ้อนกันบานออก ยังมีบางส่วนที่คล้ายดั่งจะยังไม่ผลิบาน กลีบบางเหล่านั้นวนซ้อนกันอย่างสวยงาม ตั้งชันขึ้นคล้ายดั่งเกสรสีขาวหรือมือที่พนมไหว้บนฐานของพานอันบางเบา
นี่แหละคือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง มันช่างเป็นภาพสวยยิ่งนัก สำหรับไม้ดอกชนิดนี้ ความน่าอัศจรรย์อยู่ที่ว่า ทำไมกลีบไม้ในส่วนที่ตั้งขึ้นนั้น ถึงไม่ได้บานอย่างกับกลีบอื่นๆ
มันคล้ายดั่งกับเกสร ทว่ากลับไม่ใช่
มันคือกลีบดอกดีๆ นี่แหละ เพียงแต่ว่ามันไม่บานเท่านั้น
และนั่น ก็คือที่มาของชื่อ...ดอกพุดซ้อน
มือบางยกขึ้นมามอง กลางฝ่ามือมีไม้ดอกสีขาวซึ่งบัดนี้กลีบบางส่วนช้ำไปบ้างแล้ว ดวงตาคู่สวยจรดนิ่งยังจุดกึ่งกลางบนฝ่ามืออย่างค้นหาทว่าสุดท้ายแล้วคำตอบที่ได้ก็ยังเหมือนเดิม
เธอจึงวางดอกไม้ดอกนั้นลงบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ดุจเดิม กะว่าพรุ่งนี้จะตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อจะค้นหาประวัติของเจ้านางผู้นี้มาอ่านให้กระจ่างชัดไปเลย
ศีรษะน้อยค่อยๆ วางลงบนหมอน ก่อนดวงตาที่มองอยู่บนเพดานห้องจะหลุบลงปิดอย่างเชื่องช้า
ทันทีที่หัวแตะหมอนและหลับตาลง พลันความรู้สึกภายในหัวก็เหมือนจะหมุนวนจากช้าก็ค่อยๆ กลายเป็นเร็ว
ก่อนจะหมุนคว้างในที่สุด...แล้วสติที่เหลืออยู่ ก็ค่อยๆ ดับลงไป
สายลมพัดพาเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดกว้าง พร้อมกับกลิ่นหอมของไม้ดอกยามราตรีซึ่งพัดโชยเข้ามาตามสายลม บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิท ไร้ซึ่งสรรพสัตว์ที่มักจะออกมาขับขานบรรเลงเสียงเพลงอย่างที่ควรจะเป็น
มันนิ่งคล้ายดั่งจะหลบภัยบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทันใดนั้น...
กลุ่มหมอกควันสีขาวก็พวยพุ่งเข้ามาภายในห้องผ่านทางบานหน้าต่างและผ้าม่านสีหวาน ก่อนจะค่อยๆ มารวมตัวกันข้างๆ เตียงนอนของหญิงสาว
เพียงชั่วพริบตา...กลุ่มควันเหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวเนื้อเป็นมัดกล้ามแน่นขนัดมันวาว กรอบหน้านั้นไม่ถึงกับคม แต่ก็จัดว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่หน้าตาดี ทว่าสิ่งที่ขัดกับรูปร่างหน้าตาเป็นยิ่งนัก นั่นก็คือแววตาของเขา
แววตาในยามที่มองร่างบางซึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง กลับกลายเป็นแววตาอันหม่นเศร้าเป็นยิ่งนัก
เศร้า...ดั่งจะเป็นความรู้สึกที่เกิดจากการพลัดพราก สูญเสีย
ชายผู้นั้นค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งบนเตียง ตาจ้องมองยังกรอบหน้าสวยหวานของจันทร์เจ้าไม่วาง รอยยิ้มบางๆ จุดขึ้นบนเรียวปากหนา ก่อนมือของเขาจะยกขึ้นแล้วลงลูบที่เส้นผมสลวยของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“เจ้างาม ในที่สุดอ้ายก็ได้ปะกับเจ้านาง...”
สรรพเสียงที่ดังขึ้นแหบแผ่ว เหมือนล่องลอยมาจากที่อันแสนไกล โดยที่ผิวปากของชายผู้นั้นมิได้ขยับสักเพียงนิด
ร่างบางของจันทร์เจ้าเริ่มขยับอีกครั้ง หลังรับรู้ได้ถึงมือของใครคนหนึ่งลูบตรงศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน
สัมผัสนั้นช่างคุ้นเคย ดั่งกับว่าสิ่งนี้ เธอเพิ่งได้เคยเจอมาก่อน เสียงทอดถอนใจแผ่วเบา หากดวงตาคู่สวยก็ยังไม่ได้ลืมขึ้น จนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ คลี่ยิ้มบางเบา แล้วหยัดตัวลุกขึ้นอีกครั้ง
ร่างสูงใหญ่นั้นค่อยๆ เดินถอยหลังจนไปติดกับหน้าต่าง โดยสายตายังไม่วางที่จะมองร่างของหญิงสาวตรงหน้า แล้วในเวลานั้น กลุ่มควันสีขาวก็เริ่มก่อเกิดขึ้นอีกครั้ง มันวนเวียนไปทั่วร่างกายของชายผู้นั้น ก่อนจะเริ่มหนาขึ้น ปกปิดจนร่างนั้นเลือนลับไป