ตอนที่ 1 สหัสวัต

1909 Words
“ริวลูก” เสียงอ่อนโยนที่เรียกอยู่ด้านหลังทำให้ชายหนุ่มร่างสูงชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับไปตอบรับการเรียกขานพร้อมรอยยิ้มจืดชืด “ครับแม่” “จะออกไปข้างนอกอีกแล้วเหรอลูก” มีความกังวลในน้ำเสียงของคนถาม “ครับ” และก็มีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในน้ำเสียงของคนตอบเช่นกัน “ช่วงนี้ริวออกไปเที่ยวกลางคืนทุกวันเลย ขับรถดึกๆ ดื่นๆ มันอันตรายนะลูก แม่เป็นห่วง” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างอ่อนล้า ในใจก็ได้แต่ขอโทษมารดาที่เขาทำตัวเหลวไหลไม่ได้เรื่องในช่วงนี้ หนึ่งเดือนมาแล้ว ที่ชีวิตของเขาไม่มีอะไรนอกจากทำงาน กินเหล้า เที่ยวเตร่ เฮฮา เว้นก็แต่เรื่องขึ้นเตียงกับผู้หญิงที่เขาไม่เอาโดยเด็ดขาด ในใจรู้สึกเบื่อหน่ายและขยาดที่จะใช้เซ็กซ์บำบัด เอาเป็นว่าช่วงนี้เขาประพฤติพรหมจรรย์ ไม่มีราคีมาพักใหญ่ๆ แล้ว “ทำใจเถอะนะลูก คนเราถ้าไม่ใช่คู่กันแล้ว ยังไงก็คงฝืนโชคชะตาไม่ได้ ริวก็ใช่จะขี้เหร่ ลูกสาวของเพื่อนๆ แม่จ้องริวตาเป็นมัน ลองเปิดใจดูสิลูก ดีกว่าทำร้ายตัวเองแบบนี้” “แม่เลือกมาให้ผมได้เลยครับ” ถ้อยคำจากปากของลูกชายทำให้คนเป็นแม่ชะงักคำพูดที่กำลังจะเอ่ยต่อ “ริวว่าไงนะ” “ผมจะแต่งงานกับคนที่คุณแม่เห็นว่าเหมาะสมครับ คุณแม่จัดการได้เลย” “แต่ว่า...” “ผมรู้ครับว่าทำให้แม่เป็นห่วงมามากแล้ว ผมจะตามใจคุณแม่ครับ” “แต่แม่ไม่คิดจะบังคับจิตใจลูกนะ ริวจะเอาความผิดหวังมาประชดตัวเองไม่ได้นะลูก” “ผมอยากแต่งงานแล้วจริงๆ ครับ” เขาย้ำสั้นๆ แค่นั้น ก่อนจะขยับเข้ามาหอมแก้มมารดา แล้วเดินไปขึ้นรถและขับบึ่งออกไปทันที ปล่อยให้มารดายืนอึ้งอ้าปากค้างอยู่กับที่ เพราะแทบไม่เชื่อหูตัวเองกับเรื่องที่ได้ยินจากปากบุตรชาย ก็จะอะไรซะอีก กี่ครั้งกี่หนที่นางรบเร้าอยากให้ลูกชายแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา พยายามจะจับคู่กับลูกสาวของพรรคพวกที่พึงใจกัน แต่พ่อตัวดีก็พลิ้วหนีไปได้เสียทุกครั้ง แล้วนี่อะไร กลับออกปากเอง แถมนางยังจะได้เลือกลูกสะใภ้ให้ลูกชายด้วยตัวเองอีกด้วย ว่าก็ว่าเถอะ คนที่เป็นแฟนลูกชายนั้นนางก็ไม่ได้รังเกียจหรอก ออกจะชื่นชมด้วยซ้ำจากที่เคยได้พบเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ติดอย่างเดียวที่มาดของเจ้าหล่อนดูเชิดๆ และแต่งตัวเปรี้ยวจนเข็ดฟันเท่านั้น กระนั้นคนเป็นแม่อย่างนางก็พร้อมจะเปิดใจยอมรับ ลูกรักใครก็พร้อมจะรักด้วย แต่ก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันจนได้ เมื่อวันหนึ่งลูกชายเมาแอ๋กลับมาบ้านตอนดึก นางลงมาหาน้ำดื่มในครัวจึงทันได้เห็นสภาพของเขาที่เอาแต่คร่ำครวญเหมือนคนไร้สติว่ามันจบแล้วๆ เธอมีคนอื่น ซ้ำไปซ้ำมา ประกอบกับสภาพทรุดโทรมของลูกชายที่ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ จึงทำให้นางเข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังเผชิญปัญหาหนักเรื่องความรัก มันอาจไม่ถูกต้องนัก หากนางใช้จังหวะนี้ทำให้เขาตกลงปลงใจกับผู้หญิงดีๆ สักคนที่นางจะนำเสนอ แต่ก็เลยตามเลยไปเถอะ ในเมื่อเจ้าตัวออกปากเองนี่นาว่าอยากแต่งงานแล้ว นางไม่ได้บังคับเสียหน่อย เอาเป็นว่าเดินหน้าเลยก็แล้วกัน... สหัสวัตเดินลงบันไดมาจนเข้ามาถึงห้องรับประทานอาหาร ก็พบว่ามารดากินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะลุกออกไปแล้ว แต่เมื่อนางเห็นเขาก็ทรุดกายลงนั่งเหมือนเดิมพร้อมกับยิ้มอย่างยินดี “มากินข้าวก่อนลูก เมื่อคืนกลับกี่โมง แม่ว่าจะรอก็ง่วงซะก่อน” “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับแม่” “ไม่เป็นไร แม่แค่มีเรื่องจะคุยกับริวนิดหน่อย” “ถ้าเป็นเรื่องแต่งงาน ผมตามใจแม่เลยครับ” “ริวจะไม่ลองคิดทบทวนใหม่เหรอลูก ลองติดต่อหนูเกรซก่อนดีไหม บอกน้องเขาซะหน่อย” “ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมตัดสินใจแล้วครับแม่” “แต่ถ้าแต่งกันไปแล้วริวทิ้งขว้างเจ้าสาว มันก็ไม่ดีอยู่ดี ชีวิตแต่งงานของลูกก็จะไม่มีความสุข ถ้าจะเป็นแบบนั้น แม่ยอมให้ริวกลับไปปรับความเข้าใจกับหนูเกรซยังจะดีซะกว่า” แม่เขายังคงย้ำเตือน แต่สหัสวัตไม่คิดถอยหลังกลับไปทบทวนอะไรอีกแล้ว ตอนนี้เขามีแต่จะเดินหน้าต่อไปเท่านั้น “ผมจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ครับแม่ ถึงผมจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีมากมาย แต่ก็มีความรับผิดชอบพอ ผมจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังแน่ครับ” ชายหนุ่มยืนยันเสียงหนักแน่น “จริงนะลูก” นางสาวิตรีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบระงับท่าทางเมื่อเห็นสายตาเคลือบแคลงสงสัยของลูกชายมองมาอย่างจับสังเกต “งั้น...” ผู้เป็นแม่หยุดชะงักไว้เพียงแค่นั้นแล้วก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารก็หันมาเอ่ยกับเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน “กินข้าวเสร็จแล้วออกมาคุยกับแม่ที่ห้องรับแขกก่อนนะ” “ครับ” เขารับคำก่อนจะก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเช้าให้มันเสร็จๆ ไป ครั้นออกมาที่ห้องรับแขกก็ทรุดกายลงนั่งบนโซฟา ตรงข้ามมารดาที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขณะที่นิ้วเรียวงามแต่ติดจะมีริ้วรอยน้อยๆ เลื่อนดูรูปภาพในแท็บเล็ตอย่างกระตือรือร้น แค่นั้นสหัสวัตก็เดาเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที จากนี้ชีวิตของเขาคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วสินะ “ลูกสาวของเพื่อนแม่น่ะ มีแต่คนน่ารักๆ ทั้งนั้นเลย ริวลองดูสิลูก ถ้ามีใครถูกใจบอกแม่ เรื่องสู่ขอแม่ถนัด รับรองไม่มีพลาด” สาวิตรีบอกลูกชายอย่างอารมณ์ดี ตรงกันข้ามกับคนที่กำลังจะมีเมีย ที่ยิ้มรับคำของมารดาอย่างแกนๆ กระนั้นก็จำต้องรับแท็บเล็ตมาเปิดดูรูปบรรดาสาวๆ ที่แม่ของเขาคัดไว้มาดูผ่านๆ เลื่อนๆ ไปไม่นานก็ชี้มั่วๆ ไปที่รูปของผู้หญิงหน้าตาซีดๆ คนหนึ่ง โดยที่ไม่ได้พินิจพิเคราะห์หรอกว่าหน้าตาจริงๆ ของเธอคนนั้นเป็นอย่างไร รู้แต่ว่าเชยบรมจากชุดที่มองเห็นเผินๆ “คนนี้เนี่ยนะ” แม่เขาตกใจตาโตถามเสียงแหลมเล็ก โดยที่เขาก็ได้แต่ครับๆ ก่อนจะลุกเดินจากไป และไม่สนใจจะรับรู้รับฟังอะไรอีกเลย... เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้นางสาวิตรีได้สติ จากที่นั่งคิดไปคิดมาอยู่ในภวังค์คนเดียวมาตลอดตั้งแต่เช้ายันบ่าย และเมื่อได้เห็นว่าเป็นหมายเลขของใครก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี “คุณพี่ขา” เสียงเรียกหวานจ๋อยไม่ต่างจากสมัยที่แต่งงานกันใหม่ๆ ทำให้ชายสูงวัยที่ยังคงความหล่อเหลาและดูดีอมยิ้มเต็มแก้ม แม้ต่างฝ่ายต่างไม่ได้เห็นหน้ากัน แต่ก็รับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของกันและกันได้เป็นอย่างดี “เรียกแบบนี้มีเลศนัยนะนี่” นายเศรษฐศักดิ์ ผู้เป็นสามีและพ่อของลูกกระเซ้ามาตามสาย นั่นทำให้คนที่นั่งคิดไม่ตกมาตั้งแต่เช้าหัวเราะแหะๆ เหมือนเด็กแอบทำความผิดไว้ “คุณพี่จะกลับมาวันไหนคะ ทำไมรอบนี้ไปนานจัง” “ทำไมล่ะ ลูกชายก็อยู่ยังเหงาอีกเหรอ” “สาไม่ได้เหงาสักหน่อย” นางค้อนลมค้อนแล้งแทนสามีที่ไปดูงานที่ต่างแดนได้ราวๆ สองสัปดาห์แล้ว “คิดถึงงั้นสิ” นายใหญ่ของบ้านยังคงอารมณ์ดีที่ได้แกล้งเมีย “ค่ะ สาคิดถึงคุณพี่มากๆ ๆ ๆ” นางเน้นคำไม่เกรงใจวัย นั่นก็เพราะตั้งแต่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาก็เสมอต้นเสมอปลายต่อกันแบบนี้มาโดยตลอด ต่อให้แก่กว่านี้ก็คงจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละ “น่าจะอีกเดือนนึงนะ งานยังไม่เสร็จเลย” เสียงทุ้มละมุนของคู่ชีวิตจริงจังจนนางสาวิตรีหน้าหงอย ไม่คิดว่าเขาพูดเล่นแน่ “โธ่ นานจัง ทีตอนพาสาไปด้วยไปแค่แป๊บเดียว พอฉายเดี่ยวคุณพี่ก็ไปนาน” “ฮ่าๆ” ผู้เป็นสามีหัวเราะลั่น รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้ทำให้ภรรยากระเง้ากระงอด “เอาๆ ไม่แกล้งแล้ว แค่นี้นะ” ว่าแค่นั้นสายก็ตัดไป ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของสาวิตรี แต่ก่อนที่จะได้โทรกลับไปใหม่ ก็แว่วได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดเสียก่อน และครั้นเห็นคนก้าวขาลงมาจากประตูรถด้านหลัง นางก็วิ่งหน้าตั้งไม่แคร์สังขารเข้าไปหาทันที “อย่าวิ่งคุณสา เดี๋ยวก็ได้ล้มขาหักหรอก” ผู้เป็นสามีท้วงเสียงดุ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อภรรยาหาได้ฟังไม่ “คุณพี่กลับมาแล้ว เข้าบ้านกันค่ะ สามีเรื่องจะเล่า” ว่าจบนางก็คล้องแขนสามีพาเดินเข้าบ้านทันที โดยลืมเรื่องที่เขาแกล้งอำว่าจะยังไม่กลับมาเสียสนิท... “หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว เดี๋ยวเจ้าริวมันก็อาละวาดบ้านแตก” ทันทีที่ฟังเรื่องราวของลูกชายจากปากภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากจบ คุณเศรษฐศักดิ์ก็เปรยขึ้นทันทีอย่างคนที่รู้จักนิสัยของบุตรชายดี ว่าเรื่องบางเรื่องที่สหัสวัตมองว่าเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ เขาก็จะไม่ยอมอ่อนข้อหรือยอมรับเด็ดขาด “ไม่นะคะ สาไม่ได้บังคับลูก ริวบอกเองว่าอยากแต่งงานแล้วค่ะคุณพี่” “มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เจ้าริวจะอยากแต่งงาน แต่งกับหนูเกรซก็ว่าไปอย่าง นี่ใครก็ไม่รู้ ผมไม่อยากจะเชื่อ” “จริงๆ ค่ะ ริวเขาเลือกเจ้าสาวของเขาเองเลย” “แล้วถูกใจคุณแม่ไหมล่ะ” หันมาถามพลางจ้องหน้าภรรยาอย่างจับผิด “แหะๆ ถูกใจสิคะ แหม ก็เลือกจากที่สาคัดไว้ทั้งนั้น” “คุณนี่จริงๆ เลย ปากก็บอกไม่เหงา แต่ก็หาเรื่องอุ้มหลานอยู่นั่น” นางสาวิตรีขยับเข้าไปซบหน้าลงที่ต้นแขนของสามีอย่างประจบ ก่อนจะเอ่ยออดอ้อน “จะกี่ปีคุณพี่ก็รู้ใจสาไม่เคยเปลี่ยนเลยค่ะ สารักคุณพี่” การบอกรักแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ เกิดขึ้นเป็นประจำระหว่างคู่ชีวิตรุ่นใหญ่คู่นี้ “เอาๆ ว่าไงว่าตามกัน ดูซิจะได้ลูกสาวเขามาผลิตหลานให้ไหม ผมต้องเตรียมตัวเป็นปู่แล้วสิ ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะมาถึง นี่ผมแก่แล้วจริงๆ สินะ” ว่าแค่นั้นก็ถอนหายใจเบาๆ โดยที่นางสาวิตรีก็ได้แต่บีบนวดแขนให้อย่างประจบพร้อมรอยยิ้มยินดี โดยไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก สิ่งที่หวังจะเป็นไปอย่างที่คาดคิดหรือไม่ คงต้องลุ้นกันต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD