ตอนที่ 4

928 Words
“เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง” ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค “เหี้ยอะไรมึง” ไอ้พีคหันไปถาม “ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ” ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง “ด่าที่ไหนวะ” ไอ้พีคทำท่างง ๆ “ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน” “หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา” ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป “ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ” ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย “วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง” ไอ้พีคไหวไหล่ “สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ” ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค “น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม” ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย “กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก” ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือ ทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง “ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไปแดกแก้เ****น” ไอ้แจงมันพูด “แรด!” ผมอุทานเบา ๆ “แรดอะไรมึงวะ” ไอ้พีคเอ่ยท้วงพร้อมยกยิ้มมุมปาก “กูว่าจะซื้อแรดมาเลี้ยงไว้ดูเล่น” “แรดเป็นสัตว์สงวน ซื้อได้ด้วยเหรอวะ” ไอ้นายที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเมียเอ่ยถาม “ได้ดิ ตัวนี้ลิมิเต็ด อิดิชั่น ตัวเล็ก ๆ น่ารัก สิทธิพิเศษทำได้หลายอย่าง ว่าจะลองเลี้ยงดู เผื่อมันจะเชื่อง” ผมพูดขณะที่นั่งก้มหน้ากดมือถือ “อ้อ จัดการสั่งซื้อเรียบร้อยแล้วว่างั้น” ไอ้นายถามต่อ “ค่อนข้างเรียบร้อยมั้ง” ผมไหวไหล่ใส่ไอ้นาย “ก็ดีนะ จดทะเบียนเป็นทรัพย์สินของมึงด้วยล่ะ เผื่อหายจะได้ตามถูก” ไอ้ภามเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ หลังจากที่ลูกค้าบางตา “ทั้งจดทั้งล่ามด้วยเชือกชนิดพิเศษเลยล่ะ รับรองว่ามันหนีไม่พ้นหรอก” ผมเงยหน้าขึ้นมายกยิ้มมุมปาก “ได้มาก็เอ็นดูมันหน่อยล่ะ เผื่อมันจะเชื่อง” ไอ้พีคพูดแล้วส่ายหัว “ไม่เชื่องก็เฆี่ยนจนกว่าจะเชื่องสิวะ” “ไอ้โรคจิต” ผมไม่ได้สนใจในคำที่เพื่อนอย่างไอ้พีคพูด “แม่แจงขาาาา จัสมาแล้ว” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้หญิงดังขึ้น ก่อนที่ตัวจะมาถึงซะอีก “คิดถึงจังเลยค่ะ” ไอ้แจงมันอ้าแขนรอรับลูกสาวของมัน จากนั้นมันก็หอมซ้ายหอมขวาที่แก้มเด็กน้อย “สวัสดีค่ะคุณลุงทั้งหลายทุกคน” แล้วลูกสาวไอ้แจงก็ยกมือไหว้พวกผมรวดเดียวพร้อมกัน แล้วสายตาเด็กน้อยก็มาหยุดที่ผม ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม “วันนี้คุณลุงอารมณ์คงที่หรือยังคะ” ลูกสาวไอ้แจงถามผมขึ้น แล้วคำถามบ้าอะไรวะ “ทำไม” ผมทำหน้าขรึมใส่เด็ก “ก็แม่แจงบอกว่าคุณลุงใจดี แต่แค่หน้าดุ คุณลุงแค่ปรับตัวกับอากาศเมืองไทยไม่ทัน แม่แจงบอกว่าคุณลุงสติไม่ดี อย่าถือสาคุณลุง สรุปวันนี้อารมณ์คงที่ใช่ไหมคะ” ผมเบนสายตามองไอ้แจงทันที ในขณะที่เพื่อนผมพากันหัวเราะชอบใจ ส่วนไอ้แจงมันก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะปั้นหน้านิ่ง “ยัง ตอนนี้กำลังหงุดหงิดเลยล่ะ” ผมทำเสียงขรึมพร้อมทำหน้าดุ ๆ ใส่เด็กตรงหน้า “อมยิ้มไหมคะ แม่แจงบอกว่าอมยิ้มจะทำให้ยิ้ม ถ้ายิ้มแสดงว่าอารมณ์ดี กินอมยิ้มนะคะจะได้ยิ้มบ่อย ๆ” แต่แทนที่เด็กน้อยตรงหน้าจะกลัวผม เธอกลับยื่นอมยิ้มมาให้ผม พร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา “หลานให้ก็รับไปสิ อย่าใจร้ายมากนัก คุณลุงสติไม่ดี” ไอ้นายสะกิดผม ผมจึงยื่นมือออกไปรับ นี่สรุปผมยอมรับว่าตัวเองสติไม่ดีเหรอวะ หลังจากที่ผมกลับจากเรียนต่อ พอกลับมาบ้านผมก็เจอเด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนไอ้แจงอยู่ที่ร้าน ถามแม่ก็บอกว่าลูกไอ้แจง ผมก็เลยโทรไปถามเพื่อน เพื่อนก็เล่าให้ฟังว่าไอ้แจงมันท้อง แต่มันไม่รู้ว่าใครคือพ่อเด็ก มันบอกเพื่อนว่ามันเมาจำไม่ได้ และพวกเพื่อนก็บอกว่ามันไม่คิดตามหาพ่อให้ลูก มันเลี้ยงลูกมาด้วยตัวมันเอง ตลอดเวลาที่ผมไปเรียนต่อ ผมได้คิด ได้ทำหลาย ๆ อย่างที่ผมบอกกับตัวเองว่าไม่ชอบ ผมได้ลองในสิ่งที่ผมเคยบอกตัวเองว่าจะไม่ทำ ซึ่งพอผมทำแล้ว มันก็ไม่ได้แย่อะไร บางครั้งการลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่อยู่นอกกรอบ ก็สามารถทำให้เราคิดอะไรใหม่ ๆ ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD