Prologue

1202 Words
ความรัก มักจะทำให้เรากลายเป็นคนโง่ แต่จริง ๆ แล้ว เราไม่ได้โง่หรอก เราก็แค่...รักคนอื่นมากกว่าตัวเราเอง เหอะ! แต่ถ้าเอาเข้าจริง ๆ มันก็แค่คำปลอบใจคนอ่อนแอก็แค่นั้นแหละ เพราะความจริงแล้วเราก็คนโง่ดี ๆ นี่เอง... (ฮัลโหล) น้ำเสียงของผู้หญิงที่ผมคุ้นเคยเอ่ยขึ้น เมื่อเธอกดรับสายที่ผมโทรเข้าไปหา “อยู่ไหนแล้ว ใกล้ถึงยัง” ผมถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพราะเธอคือหัวใจของผม (วันนี้เอคงไปหาไม่ได้นะยิม พอดีมีงานใหม่เข้ามา แล้วพี่ที่ทำงานเขาบอกว่าต้องส่งด่วน ยิมไม่โกรธเอใช่ไหม) เธอที่พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่ผิดนัดกับผม น้ำเสียงของเธอทำให้ผมโกรธไม่ลง “เอทำงานเถอะ ยิมไม่โกรธหรอก ยิมเข้าใจ” ผมบอกเธอไป แม้จริง ๆ แล้วผมก็รู้สึกน้อยใจ แต่เพราะเธอต้องทำงาน ผมจึงพยายามเข้าใจเธอ (ยิมเป็นแฟนที่น่ารักที่สุดเลย ขอบคุณที่เข้าใจเอนะ เสร็จงานแล้วจะรีบไปหาทันทีเลย) “ครับ รักเอมากนะครับ” ผมชื่อ ‘ยิม’ อายุ24ปี เป็นลูกชายคนเดียว บ้านของผมเปิดร้านทอง วัน ๆ ผมก็เลยมีหน้าที่นั่งขายทองอยู่หน้าร้าน ทั้ง ๆ ที่เรียนจบมาอีกสาย แต่เพราะพ่อแม่ต้องการให้ผมสบาย เลยยกร้านทองให้ผมดูแล แต่ตอนนี้ผมยังไม่ใช่เจ้าของ พ่อบอกรอให้ผมมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อน แล้วทุกอย่างจะเป็นของผม รูปหล่อ พ่อรวย บ้านเปิดร้านทอง แต่ผมไม่โสดนะครับ แฟนผมน่ะสวยมาก เธอเป็นคนน่ารักที่สุด เธอชื่อ ‘เอ’ เรารู้จักเมื่อสามปีก่อน เธอคือผู้หญิงในสเปคที่ผมชื่นชอบ ผมจึงเข้าไปจีบเธอ แล้วเราก็ตกลงเป็นแฟนกัน คบกันมาจนถึงปัจจุบัน และเพราะเธอเป็นคนน่ารัก ครอบครัวของผมจึงเอ็นดูเธอมาก แม่ของผมชวนให้เธอมาทำงานที่ร้านด้วยกัน แต่เธอบอกว่าเธออยากทำงานที่เธอรัก และไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเธอเกาะผมกิน เธอจึงเลือกทำงานบริษัท อยู่ในตำแหน่งสายงานที่ร่ำเรียนมา ถามว่าผมหวงเธอไหม ตอบเลยว่าหวงมาก แต่เธอบอกให้ผมเชื่อใจเธอ เพราะมันคือทางที่เธอเลือก เธอบอกมันคือความสุขของเธอ ผมจึงพยายามไม่คิดอะไรมาก ความสุขของเธอคือความสุขของผม ส่วนเรื่องแต่งงาน ผมเคยเกริ่นกับเธอไว้แล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่เธอบอกว่าเธออยากหาประสบการณ์ชีวิตอีกสักนิด เธอขอเวลาผม เธอบอกว่าถ้าเธอพร้อม เธอจะตอบตกลงทันที ซึ่งผมก็ยินดีรอเธอ เพราะว่าผมรักเธอ รักเธอมาก “ยิม!” เสียงของผู้หญิงเอ่ยเรียกชื่อผมดังขึ้น “ว่าไง ไม่ช่วยแม่ทำงานเหรอ” ผมมองคนตรงหน้าที่ยืนยิ้มหน้าแป้นให้ผม “วันนี้งานเสร็จแล้ว คืนนี้นัดรวมแก๊งค์ ขอติดรถไปด้วยนะ” เธอกดรหัสประตูลูกกรงแล้วเดินเข้ามานั่งข้างผม “ใครบอกกูจะไป” ผมเลิกคิ้วสูง “เอ้า เพื่อนนัดดื่มกัน มึงก็ต้องไปสิ ไม่รู้ล่ะ ยังไงมึงก็ต้องไป ไม่กินก็เรื่องของมึง แต่มึงต้องไปนั่งรอแบกกูกลับ” “เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน แบบนี้ไงมึงเลยไม่มีแฟน” ผมพูดแทงใจดำ “ไอ้ยิม มึงรู้ได้ไงกูไม่มี สวยระดับกูคนคุยเพียบจ้ะ ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็แวะรับกูด้วย ทุ่มครึ่งคืนนี้นะ เพราะแก๊งค์เรามันจะไปร้านเปิดใหม่” พูดจบเธอก็กดรหัสประตูลูกกรง แล้วก็เดินออกไป “มึงมาแค่นี้ไม่จำเป็นต้องกดรหัสเข้ามานั่งก็ได้มั้ง” ผมท้วงขณะที่เธอกำลังจะออกจากประตูร้าน “ความสุขของกู อย่าเสือกดิ” ว่าจบเธอก็เปิดประตูร้านเดินออกไป เธอคนนี้มันชื่อ ‘แจง’ เป็นเพื่อนข้างบ้านของผม เราสนิทกันตั้งแต่เด็ก บ้านมันเปิดร้านพรีเวดดิ้ง มันเรียนที่เดียวกับผมตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัย เรียนคณะเดียวกับผม และกลับมาสืบทอดกิจการร้านของที่บ้านแบบผม เพราะโดนคำสั่งพ่อแม่เหมือนผมอีกเช่นเคย แจงเป็นคนสวย มันมีแฟนตั้งแต่ตอนเรียนอนุบาล ยันมหาวิทยาลัย หน้าไม่เคยซ้ำ นับไม่ถ้วนด้วย ผู้หญิงอะไรโคตรเจ้าชู้ และที่สำคัญมันโคตรเอาแต่ใจ ส่วนใหญ่เลยไม่มีผู้ชายหน้าไหนทนมันได้นาน ที่คบกับมันได้ก็มีแต่บรรดาเพื่อน ๆ กันทั้งนั้น เพราะมันชอบแสดงนิสัยแย่เฉพาะกับแฟนเป็นส่วนใหญ่ กับเพื่อนแทบน้อยครั้งที่มันจะแสดงด้านไม่ดีออกมา “อ่ะ” ไอ้ภามยื่นมือถือมาให้ผม “ไม่ดู” ผมยื่นคืนกลับไป “ควรดูจะได้เลิกเป็นควาย” ไอ้ภามยัดใส่มือผม “กูยังไม่อยากดู” ผมวางไว้ที่โต๊ะ “อย่าไปยัดเยียดมันเลยภาม มันไม่อยากดูก็เรื่องของมันเถอะ มันรักของมันมึงก็รู้” ไอ้แจงที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะกระดกเหล้าลงคอหลังจากที่บอกไอ้ภามไป “รักน่ะกูรู้ แต่ควรดูด้วยว่าอะไรคือความจริง ไม่ใช่พยายามหลอกตัวเองอยู่แบบนี้ รูปหล่อ บ้านรวย โตเป็นควายแต่ปล่อยให้ผู้หญิงหลอก” ไอ้ภามมันขัดขึ้นทันใด “แต่มึงก็ควายจริง ๆ นะยิม มึงควรจะตาสว่างสักที” ไอ้พีคเพื่อนอีกคนของผมเสริมแทรก “เลิกว่ามันเถอะ พูดไปมันก็ไม่รับรู้หรอก” ไอ้นายท้วง “โอ๊ย พวกมึงเลิกยุ่งเรื่องมันเถอะ มันอยากลองเป็นควาย เดี๋ยวมันเบื่อมันก็เลิก อย่าไปเสือกเรื่องมันเลย วันนี้มาแดกค่ะ ไม่ใช่มาเกลี้ยกล่อมให้ควายกลับมาเป็นคน มาชน ๆ มึงอย่าคิดมากยิม เดี๋ยวก็ดีเอง เบื่อการเป็นควายค่อยกลับมาเป็นคน ไม่มีอะไรยากหรอก” ไอ้แจงมันว่าดักเพื่อนในกลุ่มที่กำลังกล่อมให้ผมเปิดดูความจริงในมือถือของพวกมัน ว่าเพื่อนในกลุ่ม แต่ด่าผมเต็ม ๆ ความจริงที่พวกมันพยายามหาข้อมูลมาให้ผมตาสว่าง ความจริงที่ผมรู้อยู่แล้ว แต่ผมพยายามหลบซ่อนมันไว้ จากนั้นผมก็นิ่งเงียบและนั่งดื่มแบบไม่คิดชีวิต ผมเจ็บปวด ทั้งที่ผมรู้ทุกอย่าง แต่ก็พูดออกไปไม่ได้ เพราะผมไม่อยากเสียเธอไป ผมคงรักเธอมากเกินไป ผมหวังว่าเธอจะรู้สึกตัวว่าสิ่งที่กำลังทำมันผิด ผมรักเธอมาก มากจนยอมให้อภัยเธอ ไม่ว่าความผิดที่เธอทำจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม สำหรับคนที่ผมรัก ผมยอมได้เสมอ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD