แต่ทว่าเหมือนมีอะไรบางอย่าง มันดลใจให้เธอไปถ่ายรูปตรงนั้น ซึ่งเป็นลานน้ำพุกลางห้างฯ บริเวณชั้นหนึ่งที่มีเก้าอี้แบบพนักพิงวางให้นั่งรอบ ๆ ลานน้ำพุได้ พร้อมกับตกแต่งลานน้ำพุให้น่ามอง และสามารถนั่งถ่ายรูปและเซลฟี่ได้
“อุ๊ย! ขอโทษนะคะ” หญิงสาวดันเดินถอยหลังไปสะดุดกับขาใครบางคนเข้า
“ไม่เป็นไรครับ” คนที่โดนชน หันมาตอบเธอ
แต่แล้วเมื่อทั้งสองหันมาสบตากัน ใบหน้าคนคนนั้นที่ขวัญจิรา เพิ่งนึกถึงไปเมื่อคืน แต่วันนี้ทำให้เธอเจอเขา
“เอ่อ...ใช่พี่คิว คิรากร ไหมคะ ที่เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลสมัย ม.ปลาย” เจ้าตัวใช้ปลายนิ้วชี้ไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายสมส่วนกำยำ เนื่องจากว่าเขาเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย ผมสีน้ำตาลอ่อน ๆ ผ่านการย้อมสีผม ใบหน้ารูปไข่ ผมยาวสไตล์เกาหลี หน้าม้าปัดข้างเซ็ตผมให้ดูมีวอลลุ่ม ทำให้ชายหนุ่มดูอ่อนเยาว์เสมอ
“ใช่ เราเคยเจอกันมาก่อนอย่างนั้นเหรอ” คนตัวสูงเอ่ยถามอย่างงง ๆ พร้อมกับเอามือลูบคางและครุ่นคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
“จะ จำไม่ได้ก็ดีแล้วค่ะ ว่าแต่พี่คิวมาทำอะไรที่นี่คะ” ขวัญจิราถามต่อ พร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิงแถวนั้น
“ว่าแต่เราชื่ออะไรล่ะ พี่จะได้เรียกเราถูก” เขาถามพลางพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เธอ
“ขวัญค่ะ ขวัญจิรา เคยเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่คิวสมัยมัธยม” เธอบอกชื่อและบอกว่าเคยเจอกันที่ไหน
“พี่ขอดูเราใกล้ ๆ หน่อยนะ ว่าพี่เคยเห็นหน้าเราไหม”
ว่าแล้วเขาก็ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ขวัญจิรา ลมหายใจของเขาเป่ารดจมูกของเธอ นัยน์ตาสีดำสนิทกลอกสายตาไปมาพร้อมกับหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม ปลายนิ้วเรียวหนาเชิดคางหญิงสาวให้อยู่ในระดับสายตาของเขา ส่วนเจ้าตัวในตอนนี้ได้แต่นั่งหลับตาปี๋ ริมฝีปากขบเม้มจนแน่น ลมหายใจติดขัด พร้อมกับเลือดฝาดที่กำลังปรากฏอยู่ที่พวงแก้มทั้งสองข้างของเธอ
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก
เป็นเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ในอกของซ้ายของขวัญจิรา มันเต้นโครมครามเหมือนกลองชุดไม่มีผิด ที่มีผู้ชายมาใกล้ชิดกับเธอ แถมยังเป็นผู้ชายที่เธอแอบชอบและแอบปลื้มเขามานาน
“พะ พี่คิวคะ เอ่อ เอ่อคือ มันใกล้เกินไปรึเปล่าคะ” และแล้วเธอก็ต้องกลั้นใจเอ่ยออกมา
เมื่อสิ้นเสียงของขวัญจิรา คิรากรเหมือนนึกขึ้นได้ เขาก็รีบกระเด้งตัวเองออกห่างแทบจะทันที
“โทษ ๆ พี่ลืมตัว ว่าแต่เราเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
“เอ๊ะ!!! พี่คิวจำขวัญได้หรือคะ” ขวัญจิรามีสีหน้าที่ประหลาดใจ อยู่ไม่น้อย แต่ใบหน้ากลับยิ้มจนแก้มแทบปริ ที่จู่ ๆ คนที่เธอเคยแอบชอบแอบปลื้มจะจำเธอได้
“เหมือนจะจำได้นะ พี่คลับคล้ายคลับคลาว่าอาจจะใช่เรา แต่ ตอนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงผมสั้น ๆ หน้าม้าเต่อ ผิวคล้ำ ๆ ตัวเล็ก ๆ ที่พยายามจะเข้ามาหาพี่ แต่ด้วยความที่ว่าแฟนคลับของพี่มากเกิน เลยทำให้ไปชนเราที่กำลังแทรกตัวเข้ามาหา จนล้มไปกองกับพื้น ดีนะพี่เห็นทัน พี่ถึงได้รู้ว่ายังมีน้อง ๆ อีกหลายคนที่อยากจะให้ของขวัญในวันปัจฉิมนิเทศ แต่เด็กผู้หญิงคนนั้น กลายเป็นหญิงสาวคนนี้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่” ว่าแล้วเขาก็เอื้อมมือมาขยี้ผมสีน้ำตาลบนศีรษะของเธออย่างเอ็นดู
เจ้าตัวที่โดนเขากระทำเช่นนี้ มีท่าทีบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย แก้มที่กำลังอมยิ้มจนแก้มป่อง ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยปากพูดคุยกับเขา อีกครั้ง หลังจากที่คิรากรได้เอามือออกจากศีรษะของเธอไปแล้ว
“แล้วพี่ฟ้าล่ะคะ ไม่เห็นมาด้วยกันเลย”
“พี่เลิกกับพี่ฟ้าตั้งแต่เข้ามหา’ลัยแล้ว ยัยเด็กน้อย” คิรากรถึงกับหัวเราะคิกคักในความไร้เดียงสาของคนที่นั่งข้าง ๆ เขา
“พี่คิว” เจ้าตัวที่เสียงอ่อย ก็เขาดันหัวเราะใส่เธอจนออกนอกหน้า “หัวเราะขวัญทำไมคะ ก็ขวัญไม่รู้ว่าพวกพี่ทั้งสองจะเลิกกัน แล้วขวัญก็ไม่ได้ไปตามติดชีวิตพี่คิวที่จะได้รู้ทุกเรื่อง ถึงจะเป็นแค่คนที่ขวัญแอบปลื้ม ก็เถอะค่ะ” ขวัญจิราเถียงกลับด้วยเสียงหวานเจื้อยแจ้วพร้อมกับเลือดฝาดบนแก้มที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละน้อยด้วยความเขินอาย ที่จู่ ๆ ก็มีผู้ชายมาหัวเราะเยาะเธอต่อหน้าต่อตา
“หึ ๆ พี่ไม่หัวเราะแล้วก็ได้ ฮา ๆ”
“แน่ะ ไหนว่าไม่หัวเราะแล้วไงคะ ยังเอามือปิดปากตัวเองอยู่เลย” เจ้าตัวทำหน้างอใส่เขาทันที
“โอ๋ ๆ ไม่หัวเราะแล้วค่ะ” เขาพยายามที่จะกลั้นขำ แต่ก็อดที่จะ อมยิ้มไม่ได้
“แล้วตอนนี้พี่คิวทำงานอะไรอยู่เหรอคะ หรือว่ารวยแล้วไม่ทำงาน”
“นี่เราสนิทกันเหรอ ถึงมาพูดหยอกเล่นแบบนี้ได้” เขาพูดทีเล่น ทีจริง แต่แอบอมยิ้มอยู่เล็กน้อย
“เอ่อ ขอโทษค่ะพี่คิว ที่ขวัญทำตัวไม่น่ารัก” เจ้าตัวพูดด้วยความสำนึกผิดจริง ๆ แต่หารู้ไม่ว่าอีกคนกำลังนั่งหัวเราะเธอ
“หึ ๆ พี่ล้อเล่น เราก็จริงจังไปได้”
“พี่คิว” เจ้าตัวทำเสียงเขียวใส่เขา เพราะตอนนี้เปลี่ยนจากสำนึกผิดมาคาดโทษเขาแทน