ตอนที่ 11 หวุดหวิด/1

1615 Words
ยามอิ๋น บริเวณบนกำแพงเมือง รอยฟันกัดอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นบาดแผลฝังลึกบนฝ่ามือของแม่ทัพหนุ่มรูปงามจางเย่วฉินเพื่อเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขา มิหนำซ้ำยังทำร้ายจุดอ่อนอันเป็นจุดตายของบุรุษทุกคนจนเกือบหมดรูปสิ้นชื่อไปเลยทีเดียว ดวงตาสีนิลกาฬคู่สวยเฝ้าจับจ้องอยู่กับผ้าพันแผลรอบฝ่ามือใหญ่ท่ามกลางสายตาของทหารคนสนิท “ท่านแม่ทัพยังเจ็บอยู่อย่างนั้นเหรอขอรับ” กัวเหยียนไฉเอ่ยถามพร้อมเอียงคอมองไปมา ฮึ่มมม!!! เสียงคำรามดังเบาๆ อยู่ในลำคอของแม่ทัพหนุ่มก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองทหารคนสนิทของตนเขม็ง เอือก!!! กัวเหยียนไฉกลืนน้ำลายลงคอทันใดเมื่อแม่ทัพหนุ่มหันกลับมาจ้องตนเช่นนั้น “แผลเล็กน้อยเพียงแค่แมวข่วนจะทำให้ข้ารู้สึกเจ็บเจียนตายได้อย่างไร! ถ้าบอกว่าเจ็บใจสิจึงจะถูกเสียมากกว่า! แล้วนี่อะไรหามาทั้งคืนแล้วยังไม่เจอตัวกันอีก สตรีตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวแต่ทหารของข้านับร้อยชีวิตกลับหาไม่เจอช่างน่าละอายสิ้นดี!” แม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างหัวเสีย “โธ่! ท่านแม่ทัพหาจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว ค้นหาทั่วทุกบ้านและร้านค้าจนชาวเมืองพากันแตกตื่นกันไปทั่ว ถามกันให้วุ่นวายว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น อีกทั้งยังเฝ้าตรวจตราผู้คนและขบวนรถม้าทุกคันแต่ก็ไร้สิ้นวี่แวว ยังแปลกใจอยู่ว่าเหตุใดสตรีผู้นั้นจึงหลบซ่อนตัวตนได้แนบเนียนถึงเพียงนี้” เหยียนไฉบ่นพึมพำ “ค้นหาต่อไป! ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามเลิกรา! นางจะต้องเร้นกายหลบซ่อนตัวตนอยู่ภายในฉางอานนี้เป็นแน่ จะต้องมีผู้ช่วยเหลือหาไม่แล้วมีหรือจะรอดพ้นการตรวจค้นของทหารไปได้! นำคำสั่งจากข้าตรวจค้นรถม้าที่เข้าออกประตูเมืองทุกคันอย่างเข้มงวด” แม่ทัพหนุ่มออกคำสั่งเสียงกร้าว “แม้แต่ขบวนรถม้าของเหล่าขุนนางด้วยอย่างนั้นหรือขอรับ” กัวเหยียนไฉถามกลับไป “ไม่มีข้อยกเว้น! หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นข้าจะรับผิดชอบเอง” แม่ทัพหนุ่มตอบสวนกลับไปทันที “ขอรับท่านแม่ทัพ” กัวเหยียนไฉขานรับทันใดพร้อมหันหลังกลับวิ่งออกจากบริเวณดังกล่าวไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของจางเย่วฉิน ยืนมองทัศนียภาพของเมืองฉางอานอยู่บนกำแพงเมืองซึ่งสามารถเห็นเบื้องล่างได้จนหมดตลอดจนถึงเห็นความเคลื่อนไหวนอกกำแพงทุกอย่าง “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะหาเจ้าไม่พบ!” แม่ทัพหนุ่มพึมพำออกมาเบาๆ สายตายังคงจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเมืองฉางอานตาไม่กะพริบ ในขณะเดียวกัน ขบวนรถม้าของตระกูลเฉียนกำลังเคลื่อนตัวออกจากบริเวณหน้าจวนไปอย่างช้าๆ โดยจินเอ๋อรีบขึ้นรถม้าชิงตัดหน้าคนอื่นๆ ในตระกูลในขณะที่ยังไม่มีใครสักคนออกมาจากจวน ทั้งนี้เพื่อซ่อนเร้นมี่อิงให้รอดพ้นสายตาจากคนในจวนป้องกันคำถามที่จะเกิดขึ้นตามมา “เฮ้อ! ในที่สุดฉันก็จะได้กลับบ้านเสียที” มี่อิงเอ่ยออกมาทันทีเมื่อขบวนรถม้าของตระกูลเฉียนเคลื่อนออกจากหน้าจวนมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองฉางอาน พลางก้มลงมองเสื้อผ้าที่สวมอยู่บนกายเธอในขณะนี้ “แน่ใจเหรอว่าเปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่แล้วจะไม่มีใครจับได้” มี่อิงถามจินเอ๋อกลับไปด้วยความอยากรู้พลางก้มหน้ามองอาภรณ์ม่วงที่วิจิตรและงดงามยิ่งด้วยลวดลายปักและการทอในยุคสมัยโบราณ “แต่ก็ยังดีกว่าเสื้อผ้าชุดเดิมนะอิงอิง อีกทั้งท่านแม่ทัพค้นหาจากการจดจำอาภรณ์ขาวที่เจ้าสวมใส่เมื่อคืนนี้ เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่ข้าจัดหามาให้แทน รูปร่างของเจ้าบอบบางเสียจนสวมชุดหลวมมากเลยทีเดียว” กล่าวพร้อมพยักหน้าให้อี๋นั่วสาวใช้คนสนิทหยิบห่อผ้าที่เตรียมเอาไว้ยื่นส่งให้กับมี่อิง ในขณะที่อีกฝ่ายมองห่อผ้าดังกล่าวด้วยความสงสัย “อะไรเหรอ!” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “เสื้อผ้าชุดเดิมของเจ้าอยู่ภายในห่อผ้านี้และมีเสื้อผ้าของข้าอีกสามชุดให้เจ้าใส่เปลี่ยนระหว่างทาง หลังจากออกจากฉางอานแล้ว และเงินอีกหนึ่งถุงเอาไว้ให้เจ้าได้จ่ายเป็นค่าเดินทางและค่าอาหารจนกว่าจะถึงบ้าน” เฉียนจินเอ๋อตอบกลับไป จ้าวมี่อิงมองห่อผ้าดังกล่าวอยู่เช่นนั้นนิ่งนานครั้นได้ยินอีกฝ่ายบอกกับเธอ ใบหน้าแสนสวยค่อยๆ เงยขึ้นมองหน้าเพื่อนใหม่ในยุคอดีตอย่างซาบซึ้งใจ แต่ครั้นจะไม่รับก็แลดูจะเสียน้ำใจของอีกฝ่ายที่อุตส่าห์จัดหาให้ด้วยความเต็มใจ “ขอบใจเธอมากนะจินเอ๋อ...ขอบใจจริงๆ” มี่อิงพูดพร้อมเอื้อมมือไปรับห่อผ้าดังกล่าวมาจากมือของอี๋นั่วสาวใช้คนสนิทของคุณหนูตระกูลเฉียน “ตอนแรกบ่าวนึกว่าคุณหนูพำนักอยู่ในจวนสกุลจ้าวเสียอีก แต่นี่กลับต้องออกจากเมืองฉางอานเพื่อกลับจวนที่อยู่ต่างเมืองตกลงคุณหนูพำนักอยู่เมืองไหนหรือเจ้าคะหรือว่าอยู่ลั่วหยาง เมืองนี้ก็ไม่ไกลจากฉางอานเท่าไรได้ยินมาว่าพื้นเพของสกุลจ้าวมาจากเมืองนั้น” สาวใช้ช่างถามและช่างคิดถามกลับไปตามความคาดเดา และนั้นเป็นเหตุให้มี่อิงได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปมิรู้ว่าจะอธิบายเช่นไรดี “ก็ตามนั้นแหละนะ” หญิงสาวตอบกลับไปสั้นๆ ในขณะที่คำตอบของหญิงสาวทำให้สองนายบ่าวต่างพากันพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันครั้นได้ยินเช่นนั้น “มิน่าเล่าคุณหนูจึงชอบพูดว่าจะต้องรีบกลับบ้านอยู่ตลอดเวลา ที่แท้เป็นเพราะเช่นนี้เอง” สาวใช้อี๋นั่วเอ่ยพลางมองใบหน้าแสนสวยของมี่อิงอย่างชื่นชม “คุณหนูจ้าวงามจริงๆ เลยเจ้าค่ะ บ่าวไม่เคยเห็นสตรีใดงดงามถึงเพียงนี้มาก่อนเลย แต่แปลกใจจังเลยว่าเพราะเหตุใดท่านแม่ทัพจางจึงพยายามตามล่าค้นหาตัวคุณหนูไม่ยอมเลิกราแต่อย่างใด เหตุใดจึงใจร้ายทำกับหญิงงามเช่นนี้ได้นะ” อี๋นั่วบ่นพึมพำ “คนบ้าไง! แถมประสาทเอามากๆ ด้วย ถ้าไม่บ้าจริงทำไม่ได้หรอก” มี่อิงพูดสวนออกมาทันที อารมณ์เริ่มคุกรุ่นออกมาทันใดครั้นได้ยินชื่อของอีกฝ่าย ในขณะที่สาวใช้คนซื่อได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ออกมาทันทีที่ได้ยินคุณหนูคนงามกล่าวออกมาเช่นนั้น พร้อมถูกสายตาจากคุณหนูของตนส่งสายตาปรามให้สงบปากสงบคำ ก่อนจะพากันเงียบงันเมื่อขบวนรถม้าของสกุลเฉียนหยุดเคลื่อนตัวพร้อมเสียงของพ่อบ้านประจำตระกูลดังแทรกขึ้น “ขบวนของสกุลเฉียนขอผ่านทางด้วยขอรับ นี่คือป้ายผ่านทาง” พ่อบ้านชรากล่าวพร้อมยื่นป้ายขุนนางของสกุลเฉียนมอบให้ทหารตรงหน้าประตูเมือง ครั้นทหารรักษาการณ์เห็นป้ายขุนนางดังกล่าว แม้จะรู้สึกเกรงใจแต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ของตน “คำสั่งของแม่ทัพจางให้ตรวจค้นรถม้าทุกคันทั้งเข้าและออกไม่มีการยกเว้น แม้ว่าจะเป็นขบวนรถม้าของขุนนางก็ตาม” ทหารหน้าประตูเมืองกล่าวอธิบายกลับไป และเสียงถ้อยเจรจาดังกล่าวดังไปจนถึงรถม้าคันสุดท้าย ซึ่งเป็นคันของมี่อิงและคุณหนูตระกูลเฉียนนั่งอยู่ภายในนั้น “ไอ้หมอนี่! ตามล่าเราไม่เลิกราจริงๆ เลย คงจะเจ็บแค้นที่ถูกทำร้ายเอาไว้แน่ๆ ขนาดขบวนรถของขุนนางก็ไม่ละเว้น” หญิงสาวบ่นพึมพำพร้อมหันกลับไปถามเพื่อนใหม่ของเธอ “จินเอ๋ออีตาแม่ทัพคนนั้นออกคำสั่งให้ตรวจค้นขบวนรถม้าของขุนนางโดยไม่ได้รับการยกเว้น แบบนี้ฉันจะทำอย่างไง” หญิงสาวถามกลับไปเพื่อหาเตรียมหาลู่ทางเอาตัวรอด ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่คาดคิดว่าแม่ทัพหนุ่มชื่อก้อง จะมีคำสั่งออกมาเช่นนั้น “ท่านแม่ทัพเป็นขุนนางฝ่ายบู้ ส่วนท่านพ่อของข้าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นอีกทั้งยังเป็นขุนนางระดับ 4 เฉกเช่นเดียวกันแต่ขุนนางฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะระดับแม่ทัพแล้ว ถึงอย่างไรเสียอำนาจนั้นย่อมมีมากกว่า ตัวเจ้าในสายตาของท่านแม่ทัพคือผู้ที่ทางการต้องการตัว ข้าเองก็ยังไม่คิดออกเช่นกันว่าจะหาหนทางอย่างไรต่อไป” จินเอ๋อบอกสหายของนางกลับไปตามตรง ใบหน้าแสนสวยพยักขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น มี่อิงปิดเปลือกตาของเธอลงทันทีเพื่อใช้ความคิดท่ามกลางสายตาของเพื่อนใหม่และบ่าวรับใช้ของนาง “คุณหนูเจ้า...” เสียงของอี๋นั่วที่พยายามจะถามไถ่คุณหนูของตนกลับมีอันต้องเงียบงัน เมื่อเฉียนจินเอ๋อยกมือขึ้นเป็นสัญญาณมิให้สาวใช้ช่างพูดเอื้อนเอ่ยถ้อยเจรจาใดๆ ออกมา “เงียบเดี๋ยวนี้ทหารกำลังมาถึงแล้ว” จินเอ๋อบอกสาวใช้ของนาง พรึ่บ! เปลือกตาของมี่อิงเปิดขึ้นทันทีพร้อมเอ่ยขึ้น “จินเอ๋อฉันคิดออกแล้ว” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันกลับไปมองหน้าเพื่อนใหม่ของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD