หยุนไถ่ซาน
ร่างแน่งน้อยนอนขดตัวอยู่ภายในโพรงต้นไม้ยักษ์ ไออุ่นจากกองไฟที่นำท่อนไม้ขนาดเท่าลำแขนมากมายกองสุมจุดเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดความอบอุ่นแผ่ไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนจวบจนกระทั่งรุ่งเช้า ฟ้าที่มืดครึ้มอยู่ตลอดเวลาเริ่มมีแสงแดดอ่อนๆ รำไรสาดแสงไปทั่วทิวเขาอยู่ในขณะนั้น
บริเวณพื้นเต็มไปด้วยของว่างและขนมขบเคี้ยวที่มี่อิงกินประทังชีวิตของเธอตลอดคืนที่ผ่านมา ของกินหมดไปแล้วเหลือเพียงน้ำเปล่าเพียงสองขวดเท่านั้นซึ่งเธอต้องประหยัดกินค่อยๆ จิบ ในขณะที่ร่างระหงของหญิงสาวใช้ห่อผ้าหนุนศีรษะ นอนหลับใหลหลังจากต้องต่อสู้กับความหนาวเหน็บมาตลอดทั้งคืนภายในโพรงของต้นไม้ยักษ์เพียงลำพัง
เปลือกตาเริ่มกลอกกลิ้งไปมาด้วยสาวเจ้ากำลังรู้สึกตัว ขนตางอนยาวกำลังกระเพื่อมขึ้นลง ด้วยรู้สึกว่ามีแสงลอดผ่านมาจากทางด้านบนแยงตาเธอจนทำให้รู้สึกตัว
พรึ่บ!! เปลือกตาเปิดขึ้นทันใดพร้อมดวงตาสีชากลอกกลิ้งไปมา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าครั้นเห็นแสงแดดรำไรส่องลงมาจากลำต้นของต้นไม้ยักษ์
“ฉันกลับมาแล้ว!” มี่อิงเอ่ยด้วยความดีใจอย่างที่สุด
หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมคลานเข่าตรงไปปากทางเข้ารีบนำแผ่นไม้ที่ใช้ปิดอยู่ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ แต่แล้วใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ที่ผ่านมาแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน ครั้นเห็นภายนอกเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนไปหมด มองไปทางไหนล้วนปกคลุมด้วยหิมะทั้งสิ้น
ตุบ! หญิงสาวทรุดฮวบลงนั่งพับเพียบกับพื้นทันทีครั้นเห็นเช่นนั้น
“ทำไมฉันยังอยู่ที่นี่อีก! ทำไมไม่กลับไปเหมือนคราวที่แล้วละ..ฉันจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไงในเมื่อไม่ใช่คนในยุคนี้และไม่รู้ว่าถูกนำมาในสมัยไหนก็ไม่รู้” มี่อิงรำพึงรำพันด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
ทันใดนั้นเอง
“หยุดพักแถวนี้ก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ ดีนะที่เป็นหิมะแรกจึงลงแค่ประปราย แต่ถ้าตกครั้งต่อไปทั่วทั้งเทือกเขาคงขาวโพลนไปหมด ยากต่อการเดินทางมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นจะเดินทางชักช้าไม่ได้ หาไม่แล้วสินค้าพวกนี้ทั้งหมดจะนำไปขายไม่ทันเวลา” เสียงห้าวของชายฉกรรจ์คล้ายเป็นหัวหน้าดังก้อง
“ขอรับ!!!” เสียงตอบรับของบุรุษมีจำนวนหลายคนตอบกลับมา
ในขณะที่มี่อิงซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ในโพรงต้นไม้ยักษ์ได้ยินทุกอย่างชัดเจน และคิ้วเรียวสวยต้องขมวดมุ่นเข้าหากันครั้นได้ยินเสียงสตรีร่ำไห้ออกมาและไม่ใช่เพียงคนเดียวแต่มีจำนวนหลายคนเลยทีเดียว
“นายท่านเจ้าขาได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ! มาจับเอาไว้แบบนี้ทำไมที่บ้านข้ายังมีพ่อแม่ที่แก่ชรารอคอยให้กลับไปบ้านเพื่อคอยดูแล จู่ๆ มาจับกันแบบนี้ทำไม” เสียงของสตรีวัยแรกรุ่นร้องคร่ำครวญ
“ข้าก็ด้วยเช่นกัน ต้องกลับไปหาน้องๆ ที่กำลังรออยู่ที่กระท่อมป่านนี้หิวโหยแย่แล้ว น้องๆ ของข้าทั้งสามคนยังเล็กนักขาดข้าไปจะทำเช่นไร พ่อและแม่ของข้าก็ตายจากไปหมดแล้ว จู่ๆ พวกท่านก็มาไล่จับคนมาขังเอาไว้แบบนี้เหตุใดทางการจึงไม่จับกุมตัวไปลงโทษ!” สิ้นเสียงของสตรีคนดังกล่าว
ฉาด!!!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับใบหน้าได้ยินอย่างชัดเจน
“จับพวกเจ้าไปขาย! เป็นงานของข้า อายุของพวกเจ้าถ้าหน้าตาแค่พื้นๆ ก็เอาไปขายเป็นทาสใช้แรงงานได้ไปอยู่ในจวนขุนนางและพวกคหบดี หน้าตาดีหน่อยก็เอาไปขายที่หอนางโลมได้ราคามากขึ้นเป็นอีกเท่าตัว พวกเจ้าทุกคนควรจะขอบใจข้าที่นำชีวิตดีๆ มาให้ไม่ต้องทนลำบากอดมื้อกินมื้ออีกต่อไปอย่างไรเล่าเจ้าพวกโง่!!!”
“แต่พวกข้ายอมอยู่อย่างลำบากดีกว่าจะต้องถูกนำไปขายเช่นนี้! พวกข้ามิได้ปลงใจอยากเป็นทาสแต่อย่างใด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะถูกพวกเจ้าจับมา”
เสียงโต้ตอบกันเอ็ดอึงดังอยู่ด้านนอกทำให้มี่อิงยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวทุกอย่างชัดเจน
“ขบวนพ่อค้าทาสอย่างนั้นเหรอ!” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ และต้องเงียบงันทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมฝ่ามือหรือหมัดทุบลงบนต้นไม้ยักษ์ดังขึ้นติดต่อกัน
“ดูต้นไม้ยักษ์นี้สิใหญ่โตเสียจริงๆ น่าแปลกยิ่งนักที่ข้ารู้สึกว่าเหตุใดลำต้นของมันจึงมีไออุ่นหรือเจ้าว่าไงและได้กลิ่นไหม้ของไม้โชยออกมาแถวนี้ด้วย” เสียงของชายฉกรรจ์บอกเพื่อนของตนที่เดินมาด้วยกัน
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจครั้นได้ยินเช่นนั้น มี่อิงรีบหันกลับไปใช้เท้าเขี่ยกองไฟที่เพิ่งมอดดับลงไปไม่นานนักให้กลุ่มควันจางหายพร้อมคว้าแผ่นไม้ใช้ปิดทางเข้าออกนำมาทาบทับรอยต่อเอาไว้ดังกล่าวเอาไว้เหมือนเดิมเร้นกายซุกซ่อนตัวอยู่ใกล้ทางเข้า พร้อมเอื้อมหยิบห่อผ้าที่เธอนำของใช้ส่วนตัวทุกอย่างนำมารวมไว้ด้วยกัน หยิบสเปรย์พริกไทยและเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมาจากห่อผ้าทันที
“พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยมี่อิงด้วย ขอให้หนูรอดพ้นจากคนเลวพวกนี้ด้วยเถอะ” หญิงสาวภาวนาถึงพ่อและแม่ให้ช่วย
ภายในมือกำเครื่องมือล้ำยุคที่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากอันตรายในสถานการณ์อันฉุกเฉินเอาไว้จนแน่น และพวกมันก็ช่วยเธอมาแล้วหลายครั้งหลายครา
ฉับพลันเสียงของคนเป็นหัวหน้าค้าทาสดังแทรกขึ้นมาทันที
“พวกเจ้าเดินวนรอบต้นไม้ทำไม! เหตุใดจึงไม่มาแจกจ่ายข้าวและน้ำเดี๋ยวก็ขายไม่ได้ราคากว่าจะถึงฉางอาน!” เสียงพ่อค้าทาสตวาดลูกน้องของตน
และเสียงตวาดดังกล่าวทำให้มี่อิงได้ยินอย่างชัดเจน
“จะเอาคนไปขายเป็นทาสที่เมืองฉางอานอย่างนั้นเหรอ เมืองฉางอานยังอยู่แต่ว่าเมืองนี้เป็นเมืองหลวงมาหลายราชวงศ์จะรู้ได้อย่างไงนะว่าเป็นยุคไหน จะใช่ยุคของถังไท่จงหรือเปล่านะ อีกอย่างเราควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อรอประตูเวลาเปิดแต่ถ้าไม่เปิดอีกเลยละจะทำอย่างไงดี!” หญิงสาวนั่งพึมพำอยู่ตรงปากทางเข้าด้วยความสับสน
ทันใดนั้นเอง
ตุบ! ตุบ! แผ่นไม้ที่ใช้ปิดทางเข้าโพรงถูกทุบติดต่อกันท่ามกลางความตกใจของมี่อิง
“แย่แล้ว! พวกนั้นรู้แล้วว่ามีทางเข้าอยู่ทางนี้” หญิงสาวพูดพร้อมรีบคล้องห่อผ้าเอาไว้ด้านหน้าอกของเธอ กระชับอาวุธที่อยู่ในมือเอาไว้แน่นเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
ผลัวะ!!!! แผ่นไม้หักออกเป็นสองท่อนจนชิ้นส่วนปลิวกระเด็นท่ามกลางความตกใจอย่างสุดขีดของมี่อิงแต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังสามารถประคองสติของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม
“นึกเอาไว้แล้วว่าทำไมจึงมีรอยแปลกๆ ที่แท้ก็มีโพรงนี่เอง ลำต้นใหญ่ขนาดนี้ท่าทางข้างในคงจะมีพื้นที่พอจะเข้าไปหลบได้สามสี่คนเลยทีเดียว” เสียงของพ่อค้าทาสเอ่ยพร้อมล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบท่อนไม้ไผ่เล็กๆ เปิดจุกออกเป่าลมลงไปเพียงไม่กี่ครั้งเกิดประกายไฟขึ้นมาทันใด
“หัวหน้าท่านระวังด้วยนะภายในโพรงมีอะไรบ้างก็ไม่รู้” เสียงลูกน้องร้องเตือนตามหลัง
“ข้ารู้แล้วนะไม่งั้นจะเป็นเจ้านายพวกเจ้าได้อย่างไงในเมื่อข้าเฉลียวฉลาดกว่าอยู่แล้ว” พ่อค้าทาสตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะมุดศีรษะเข้าไปในโพรงไม้ตรงหน้า
ฟู้วววว!!! ทันทีที่ยื่นหน้าเข้าไปในโพรงมีบางอย่างพวยพุ่งเข้าใส่เต็มแรง
อ๊าคคคค!!! เสียงโหยหวนดังกึกก้องด้วยบริเวณใบหน้าและดวงตาถูกสเปรย์พริกไทยของมี่อิงฉีดเข้าให้อย่างจัง เกิดอาการแสบร้อนไปทั่วผิวหน้า โดยเฉพาะดวงตา ร่างของพ่อค้าทาสนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น