เย็นวันนั้นพันศักดิ์นอนค้างที่บ้านของเด็กสาว เธอยกสำรับอาหารมาจัดวางอย่างเรียบร้อยเพื่อเอาใจแขกคนสำคัญ
เด็กสาวสวมเสื้อคอกระเช้าสีกลีบบัวกับผ้าถุงทอมือลายสวยที่มารดาเคยทอให้เมื่อวันเกิดครบรอบสิบเจ็ดปี ผมดำขลับนุ่มสลวยประดุจดั่งแพรไหมของเธอถูกเกล้าเอาไว้กลางกระหม่อม ส่งผลให้ใบหน้ากลมหวานโดดเด่น ดวงตาของมังคุดกลมโตสดใสเปล่งปลั่ง ปากนิดจมูกหน่อย ปากสีสดอิ่มเต็มน่าบดจูบ โหนกแก้มเนียนน่าดอมดม คิ้วโก่งเรียวสวยแบบไม่ต้องแต่งแต้ม ผิวของเธอขาวเนียนละเอียด น่าลูบไล้สัมผัส พันศักดิ์กัดปาก เขาอยากซุกไซ้เข้าไปที่ลำคอระหงของเธอนัก มันขาวเนียนน่าไล้เลียขบเม้มเสียนี่กระไร
“กินข้าวกันจ้ะลุงศักดิ์” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเอาใจ พันศักดิ์อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในเสื้อม่อฮ่อมกับกางเกงผ้าฝ้ายผูกเอวขาสั้นแค่เข่า
เขาไม่ติดกระดุมเสื้อทำให้มองเห็นแผงอกกว้างกำยำและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกแพ็ก แขนขาของเขากำยำแข็งแรง มังคุดกัดปากก่อนจะเบือนหน้าหนีใบหน้าเรียวคมสัน ดวงตามีแววดุวาบน่าเกรงขามอยู่เสมอ
พันศักดิ์เป็นคนปากกว้างหยักหนา โหนกแก้มสูงรับกับใบหน้าเรียว คิ้วเข้ม ผมดำสนิทยาวประบ่า แต่สิ่งที่ทำให้สาวๆ ชอบคนหน้าเถื่อนดุดันคือลักยิ้ม
คนยิ้มยากเวลายิ้มออกมาทำให้ใบหน้าดุดันดูหล่อเหลาขึ้นมาในทันทีเพราะลักยิ้มบุ๋มข้างแก้มของเขา ฟันเรียงตัวกันสวยงามสีขาวสะอาดตาทำให้พันศักดิ์ดูแตกต่างจากหนุ่มบ้านป่าละแวกนี้ เขาตัวสูงใหญ่แข็งแรงน่าเกรงขาม ทำให้ไม่มีใครกล้ามีเรื่องด้วย
“เรื่องไอ้พวกนั้นเดี๋ยวจะจัดการให้” เขาบอกเสียงดุเข้ม เธอสะดุ้งเล็กน้อย
“ลุงศักดิ์จะจัดการอย่างไรคะ”
“จะให้ทำไง ยิงทิ้งดีไหม” เขาหยั่งเชิงถาม
“บาปกรรม” ถึงจะโกรธที่พวกมันทำป่าเถื่อนกับเธอ แต่ถึงกับยิงทิ้งก็บาปเสียเปล่าๆ มันเป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เขาอาจจะมีความผิดติดตัวอีก ถึงบ้านป่าแห่งนี้จะห่างไกลความเจริญ แต่กฎหมายก็สามารถทำอะไรคนที่นี่ได้อยู่ดี พวกมันตาย พ่อแม่มันได้วิ่งโร่ไปแจ้งความในเมืองกันเป็นโขยง พันศักดิ์นั่นแหละจะเดือดร้อน เธอก็ห่วงเขาเหมือนกัน ไม่อยากให้ต้องมาเดือดร้อน
“จะยอมง่ายๆ รึ” เขาถามเสียงดุ เธอส่ายหน้าไปมาก่อนตอบเสียงเบา
“แล้วแต่ลุงศักดิ์จะจัดการ แต่อย่าให้ถึงกับฆ่าแกงกันเลยนะ”
“อ้อ... ขอคิดก่อน” เขาลูบคางไปมาอย่างเจ้าเล่ห์
“กินข้าวกันเถอะจ้ะ” เธอเอ่ยบอก ก่อนจะนั่งกินข้าวเงียบๆ อยู่ตรงข้ามกับเขา
“อยากกินไข่” เขาเอ่ยลอยๆ มองไข่เป็ดสีขาวที่ต้มร้อนๆ จากเตาวางอยู่ในจานสังกะสีเก่าๆ แต่สะอาดสะอ้านของเด็กสาว
มังคุดเป็นเด็กที่สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยจนเขานึกชมเธออยู่ในใจทุกครั้งที่ได้แวะเวียนมาหาที่บ้าน ทั้งตอนที่บิดามารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่และตอนที่เธออยู่ตัวคนเดียวแบบนี้
“ลุงศักดิ์จะกินไข่เป็ดต้มเหรอ”
“ใช่”
“ก็กินสิคะ”
“มันมีเปลือกไม่เห็นหรือไง” คนแก่วัยกว่าตอบหน้ามึน
เธอค้อนเขาก่อนจะจัดการแกะเปลือกไข่ให้ อยากกินก็แค่บอกว่าแกะให้หน่อย พูดเสียอ้อมโลก เขาตักน้ำพริกมะเขือสูตรเด็ดของเธอมาราดก่อนจะตักเข้าปาก แค่ได้กลิ่นอาหาร ต่อมน้ำลายของเขาก็แตกพร่าเพราะรู้ดีว่ารสมือของเด็กสาวแซ่บถึงใจ
มังคุดตักแกงเนื้อแดงกับหยวกกล้วยป่าให้เขา พันศักดิ์กินแล้วพึงใจไม่น้อยกับความเข้มข้นของรสแกงแสนอร่อย รสชาติกระแทกปากถึงใจ เขายอมรับว่าเจริญอาหารยามเมื่อมาฝากท้องที่บ้านหลังนี้ และวันนี้เขาก็ขี้เกียจทำกับข้าวกับปลากินเองด้วย
“อร่อยไหมคะ”
“พอกินได้” ไม่เคยชมให้เธอเหลิง แค่บอกว่าพอกินได้แต่ตักกินไม่หยุดมือ นั่นทำให้มังคุดแอบค้อนเล็กน้อย
“ที่จะมานอนบ้านมังคุดเพราะไม่ต้องทำกับข้าวกินเองล่ะสิ” เธอดักคอทำเป็นรู้ทันเขา
“เปล่า มื้อเย็นเป็นผลพลอยได้ แต่ไม่อยากให้เด็กโดนรุมข่มขืนต่างหากล่ะ” เขาตอบหน้าเคร่งก่อนเคี้ยวข้าวต่อ เธอเลยเงียบเสีย รู้สึกผิดนิดๆ ที่เข้าใจเขาผิด
พอรับประทานอาหารมื้อค่ำกันเสร็จแล้ว เธอก็เก็บจานชามไปล้างก่อนจะมาจัดที่หลับที่นอนให้เขา สายฝนด้านนอกโปรยปรายลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา อุณหภูมิจึงลดลงอย่างฮวบฮาบ มันทำให้รู้สึกหนาวจนต้องกอดตัวเอง
“ผ้าห่มผืนเล็กแบบนี้จะไปอุ่นอะไร” ขณะพูดเขาก็ได้กลิ่นหอมของเด็กสาวลอยมาปะทะจมูก
พอเธอจัดที่นอนให้เขาเสร็จ เขาก็วิจารณ์ผ้าห่มของเธอ มังคุดหน้างอเล็กน้อยกับความเรื่องมากของเขา
พันศักดิ์รู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มและแข็งคึกในเรือนกายที่กำลังตื่นตัวอย่างเต็ม เลือดลมในกายของเขาพลุกพล่านอย่างไม่น่าให้อภัย แถมอากาศยังเป็นใจ ฟ้าฝนตกลงมาคล้ายจะให้เขาหาหมอนข้างหอมกรุ่นมาแนบเนื้อห่มกายเพื่อคลายหนาวมากกว่าผ้าห่มผืนบางเล็กของสาวน้อย
เธอไม่พูดอะไร ปูที่นอนเสร็จก็ทำท่าจะสะบัดก้นหนีเข้ามุ้งตัวเอง เขากระชากแขนเล็กทีเดียวร่างอวบก็ปลิวมานั่งแหมะอยู่บนตักแบบไม่ทันตั้งตัว
“ลุงศักดิ์ ปล่อยเลยนะ” เธอดิ้นเร่าๆ เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังจะเสียท่าก็ตอนที่แก้มก้นขาวเนียนภายใต้ผ้าถุงทอมือลายสวยบดเบียดกับความกำยำสมชายที่กำลังดีดเด้งอยู่ตรงหว่างขาของเขา และตอนนี้เธอก็กำลังทาบทับมันอยู่นั่นเอง
“ตกลงแล้วใช่ไหมว่าจะแต่งงาน”
“แต่งงานแล้วเกี่ยวอะไรกัน” สาวน้อยเอ่ยถามก่อนจะตาโต รีบดันแผ่นอกกว้างของเขาออก เธอรับรู้ได้ถึงผิวเรียบตึงของเขา หัวใจหนุ่มเต้นแรงจนหัวใจของเธอต้องเต้นแรงตามไปด้วย
“ก่อนแต่งงานเจ็ดวันต้องเข้าหอกันก่อน” เป็นธรรมเนียมที่บ้านป่าแห่งนี้ ก่อนแต่งงานเจ็ดวันต้องเข้าห้องหอกันก่อน อยู่กินกันฉันผัวเมียเพื่อสร้างความคุ้นเคยและเคยชินกับการเสพสมร่วมรัก พอแต่งงานกันจริงๆ จะเกิดความเหนื่อยล้าเพราะต้องวิ่งวุ่นทั้งวันต้อนรับแขกเหรื่อ หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย
“มังคุดบอกว่าแต่งกันเฉยๆ ไม่นอนด้วยกัน”
“บอกแล้วไงว่าถ้าไม่ยอมก็จะไม่บังคับ”
“แต่ตอนนี้ลุงศักดิ์กำลังบังคับมังคุดอยู่นะ”
“เปล่า แค่ลองหยั่งเชิงดูถ้าไม่ชอบจะถอยให้”
“งั้นถอยไปค่ะ”
“ยังไม่ลองจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ชอบ” เขากอดรัดแนบแน่นล้วงมือเข้าไปในเสื้อคอกระเช้าของเธอเพื่อเคล้นคลึงปทุมถันอวบอิ่ม
พันศักดิ์ครางเสียงแหบพร่าเมื่อได้สัมผัสแตะต้องนวลเนื้อสาว กลิ่นกายของเธอหอมจรุงจนเขาต้องซุกจมูกลงไปหาที่ผิวเนียนละเอียด มังคุดดิ้นหนีจนตัวอ่อนระทวย มือหนาที่นวดเฟ้นไปทั่วร่างสอดลึกเข้ามาฟอนเฟ้นทำให้เธอร้อนวูบวาบไปหมด ไหนจะปากร้อนของเขาอีกที่ทำเอาเธอครางไม่เป็นส่ำ ลิ้นร้อนลามเลียบดจูบไปมาอย่างถ้วนทั่ว ทั้งดวงหน้า ลำคอและลามลงมาถึงเรียวแขนเนียนละเอียดจนถึงอกอวบอิ่ม
“อ๊ะ! ลุงศักดิ์ พอก่อนค่ะ” เธอปฏิเสธเขาเสียงหอบ แรงหนีแทบไม่มี น่าแปลกที่กับชายอื่นเธอสู้จนแทบขาดใจ แต่กับพันศักดิ์เธอกลับตัวอ่อนระทวยยามโดนเคล้นคลึงจนหอบสะท้าน
“ไม่ชอบเหรอ” เขาดันเธอไปชิดกับฝาบ้านซึ่งเป็นไม้ไผ่สานลายนกแก้ว บิดาของเธอเก่งเรื่องเครื่องจักรสานทุกชนิด
พันศักดิ์ถลกเสื้อคอกระเช้าของเธอขึ้นเหนือราวนมแล้วขบเม้มยอดถันสีสดของเด็กสาว
“มังคุดไม่ชอบ อื้อ...” เธอปฏิเสธเสียงสั่นยามเขามุดเข้ามาทางชายเสื้อกัดยอดถันสีหวานของเธอเบาๆ เขางับและดูดคายจนชื้นหมาด ด้านในเธอสวมแค่เสื้อบางๆ อีกตัวไม่ได้สวมชั้นในเลยทำให้เขาจู่โจมโนมเนื้ออวบอิ่มของเธอได้โดยง่าย