งานเลี้ยงรุ่นประจำปี เป็นอีกวันที่สร้างความเบื่อหน่ายสุดแสนให้ ‘ป่านฝัน’ เธอเบื่อกับการฉายเดี่ยวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่เพื่อนสาวแต่ละคนต่างควงคู่มากับคนรัก จากนั้นก็ทยอยแต่งงานกันออกไป เหลือเพียงไม่กี่คนในวัยสามสิบอย่างเธอที่ยัง ‘โสด!!’
ทุกงาน... เธอมักตกเป็นหัวข้อสนทนา ต้องทนยืนฟังคำหยามหยันของเพื่อน หลายงานที่เธอต้องทำใจฝืนยิ้มและแกล้งเมา ครั้งนี้ก็คงหนีไม่พ้นอีหรอบเดิม ทั้งที่ประสาทสัมผัสทางหูสามารถรับรู้ทุกอย่างที่เพื่อนพูดได้ดี ในใจปวดปร่าเหมือนเหล็กแหลมทิ่มแทง แต่เธอกลับฝืนยิ้มทำตัวร่าเริงให้จบงานเหมือนเคย
บนถนนกลางกรุง มหานครที่รถติดยาวเหยียดในช่วงเวลารีบเร่ง กว่าป่านฝันจะหลุดออกมาจากลูกค้าจอมเขี้ยวก็กินเวลานัดเพื่อนไปนานโข จากที่ต้องไปแต่งหน้าทำผมที่ร้านตามนัดกับพราวลดา เธอกลับต้องตรงดิ่งมาพร้อมชุดทำงาน งานที่เธอรับผิดชอบก็แสนจะหนักหนาและวุ่นวาย จนเกือบมาไม่ทันเวลา
พราวลดาเองก็โทร. มาเร่งยิกๆ
‘แกอยู่ไหนแล้วป่าน ฉันถึงโรงแรมตั้งนานแล้วนะ นี่มันก็เลยเวลานัดมากแล้ว หรือแกจะเบี้ยวแบบลาสมินิทเหมือนงานก่อน บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าแกไม่มา ฉันโกรธจนลูกบวชแน่ มีอย่างที่ไหน นัดที่ร้านทำผมสี่โมงเย็น ไปไม่ทันยังพอทน แต่ที่บอกว่าจะมารอหน้างาน จะทุ่มครึ่งแล้ว ยังไม่เห็นโผล่หัวมาอีก’ ทันทีที่ป่านฝันกดรับสาย พราวลดาก็บ่นเพื่อนยืดยาว ตามแบบฉบับของเลขา เธออินกับบทบาทนี้มากจนเลยเถิดมาใช้จัดการชีวิตของเพื่อนแต่ละคนด้วย
แม้อยากยกให้เป็นเลขาแม่แบบ ทว่าบางครั้งก็อยากบอกเหมือนกันว่าเธอไม่ได้จัดตารางนักธุรกิจอยู่ ถึงพลาดเรื่องเวลาไม่ได้สักนาที
“อือ! ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า เพิ่งเสร็จประชุมกับลูกค้า นี่ฉันก็ขับรถอยู่ ใกล้จะถึงโรงแรมแล้วแหละ อือ! ฉันจะเหยียบมิดคันเร่งเลยเป็นไง”
ป่านฝันเย้าเพื่อน สลับกับปลายสายที่ยังบ่นไม่หยุด แต่พอเธอบอกจะเหยียบมิดคันเร่ง ปลายสายถึงกลับขนลุกซู่ กลืนน้ำลายฝืดลงคอ เพราะรู้จักวีรกรรมแม่สาวตีนผีอย่างป่านฝันเป็นอย่างดี
‘เอ่อ เธอไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะ เรารอกันได้’ ปลายสายเปลี่ยนสถานะจากเร่ง เป็นไม่รีบทันที
“เออน่า! แกเข้างานไปก่อนก็ได้ รับรองว่าป่านฝันจะค่อยๆ ขับอย่างระมัดระวังตามคำสั่งคุณเลขาทุกอย่างเลย ”
ป่านฝันเย้าคนปลายสาย แต่เท้าข้างขวาไม่วายเพิ่มแรงเหยียบคันเร่ง หักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนไปตามความเคยชินในการขับรถของเธอ จนเพื่อนทุกคนต่างให้ฉายาเจ้าแม่ขาวีน นักซิ่งตีนผี จังหวะที่เธอหักเลี้ยวขึ้นถนนและกดวางสายโทรศัพท์ หญิงสาวไม่ทันสังเกตว่าทางตรงเป็นจังหวะไฟเขียวพอดี เธอปาดหน้ารถคันที่เพิ่งเร่งหลุดจากไฟแดง
เจ้าของชีอาร์วีสีดำเหยียบเบรกตัวโก่ง “เอี๊ยด!!!” ชายหนุ่มเหลือบมองกระจกหลัง ยังดีที่รถคันหลังเบรกตามได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยาวแน่นอน
“บ้าเอ๊ย!! ใบขับขี่ซื้อมาหรือไงวะ” ชายหนุ่มเจ้าของรถสบถออกมาอย่างหัวเสีย มองตามรถนักซิ่งตีนผีไม่วางตา แล้วเขาก็รีบบึ่งรถตามไปทันที
ด้วยความโมโหเดือดพล่าน
ในขณะที่เจ้าของเบนซ์สปอร์ตเลื่อนมือไปกดเพิ่มเสียงเพลง หลังจากวางโทรศัพท์เสร็จ เสียงเพลงในรถกระหึ่มดังลั่น เจ้าของรถเองก็ขยับโยกตัวไปตามท่วงทำนอง พร้อมกับระเบิดเสียงตามอย่างมีความสุข นิ้วมือยาวเรียวเคาะพวงมาลัยตามจังหวะเสียงดนตรี ไม่รับรู้เรื่องราวโลกภายนอกรถโดยสิ้นเชิง
พอถึงโรงแรมที่นัดหมาย ป่านฝันเห็นมีที่ว่างสำหรับจอด เธอยิ้ม อย่างน้อยโชคของเธอก็ยังดี หญิงสาวกะพริบไฟเลี้ยวเตรียมจะถอยเข้าจอด พลันรถอีกคันกลับเลี้ยวปราดเข้าจอดตัดหน้าแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
“เอี๊ยด!” ป่านฝันเหยียบเบรกตัวโก่ง โกรธแทบกลายเป็นมังกรพ่นไฟ อารมณ์สุนทรีเมื่อครู่ดับมอดกลายเป็นเถ้าธุลีในชั่วพริบตา ทว่าถูกแทนที่ด้วยภูเขาไฟที่พร้อมปะทุปล่อยลาวา ยากที่จะหาอะไรมาดับความร้อนให้เย็นลงได้ง่าย เพราะหากสมรรถนะรถเธอไม่ดีพอ เหตุการณ์คงไม่หยุดอยู่เท่านั้นแน่
‘ฮึ่ม! ไม่รู้จักป่านฝันซะแล้ว ฉันเคยยอมใครที่ไหน’
หญิงสาวเปิดประตูลง ก้าวเท้าเดินลงจากรถราวพายุหมุน อารมณ์เดือดปุดเมื่อครู่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อเหลือบเห็นรอยยิ้มของเขาเต็มตา มันเป็นยิ้มหยามหยันที่ย้ำชัดมุมปากหยัก
“นี่นาย! นายเสียมารยาทจอดรถตัดหน้าฉันอย่างนี้ได้ไง นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังจะจอดตรงนี้ รู้กฎจราจรมั้ย! มารยาทในการขับรถมีหรือเปล่า ฮะ!”
“ฮึ!”
‘ทวิช’ ยักไหล่ไม่ใส่ใจหญิงสาวตรงหน้า เขาเองก็เกลียดคนไร้มารยาทในการขับรถอย่างเธอไม่แพ้กัน
“ขับช้าเป็นเต่ากัดล้อ แต่ก็ว่าแหละ ผู้หญิงขับรถก็เป็นอย่างนี้ทุกคน และก็ยังโวยวายน่าเบื่อทุกคนเหมือนกัน” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ใบหน้าคมบ่งบอกได้ดีว่าเขาไม่แยแสอารมณ์เดือดพล่านของสาวเจ้าสักนิด
เห็นอย่างนั้นแม่สาวขาวีนก็ยิ่งเดือด ยกมือชี้หน้า ไม่ได้ใส่ใจต่อคำว่ามารยาทเช่นกัน ก่อนจะฮึดฮัดกำมือแน่น ริมฝีปากสั่นโต้กลับเสียงสะบัด
“ประโยคที่นายใช้มันแปลว่าอะไร นาย! นายกำลังจะบอกว่าผู้หญิง
ไร้ประสิทธิภาพในการขับรถอย่างนั้นใช่มั้ย หนอย... รู้จักฉันน้อยไปแล้ว”
คนโดนต่อว่ากลับยืนยิ้มมองเฉยๆ ไม่ได้ตอบโต้ แต่คนเดือดเพราะโดนแย่งที่จอดรถกลับไม่ยอมลดลาวาศอก
“ใช่! ฉันอาจจะผิดที่จอดช้า แต่นายมันก็... ก็... ไอ้คนไม่มีมารยาท ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ บุพการีไม่สั่งสอน ขาดจรรยาบรรณ สงสารสถาบันที่นายจบมาจริงๆ”
หญิงสาวพ่นคำต่อว่าไฟแลบ แต่แทนที่ชายหนุ่มจะโกรธ เขากลับพยักหน้าหงึกๆ กับคำกล่าวหา ถึงแม้ว่าเขาเพิ่งกลับมาเมืองไทยก็ใช่ว่าจะไม่รู้กฎจราจรและมารยาทในการใช้ถนน
“นี่นาย! นายไม่คิดจะเถียงฉันสักคำเลยหรือไง อ๋อ... ผิดเต็มประตูจนเถียงไม่ออกสินะ”
หญิงสาวคิดเองเข้าใจเองตอบเองเสร็จสรรพ จนชายหนุ่มผ่อนลมหายใจระบายลมออกมา
“เฮ้อ!! พล่ามจบหรือยัง ผมจะได้พูดบ้าง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองคนโกรธหน้าดำหน้าแดง เว้นระยะคำพูดเล็กน้อย ขยับขาเดินเข้าหาหญิงสาวทีละก้าว
“ถ้าคนมีมารยาทในการขับรถคือผู้หญิงอย่างคุณละก็ ทุกคนคงมารยาทดีกันหมด ถ้าจำไม่ผิดรถคันนี้ ทะเบียนนี้ เพิ่งจะถูกคนขับมารยาทแย่ ขับปาดหน้ารถผมบนถนนสายหลัก จนรถคันอื่นเกือบชนกันหลายคัน แล้วก็ขับซิ่งหนีออกมา เพราะฉะนั้นถ้าจะนับคนมารยาทแย่ที่สุด คนคนนั้นต้องเป็นคุณ และคุณต้องเป็นฝ่ายขอโทษผมถึงจะถูก!”