Chapter 1 ชะนีหนีคาน

1303 Words
งานเลี้ยงรุ่นประจำปี เป็นอีกวันที่สร้างความเบื่อหน่ายสุดแสนให้ ‘ป่านฝัน’ เธอเบื่อกับการฉายเดี่ยวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่เพื่อนสาวแต่ละคนต่างควงคู่มากับคนรัก จากนั้นก็ทยอยแต่งงานกันออกไป เหลือเพียงไม่กี่คนในวัยสามสิบอย่างเธอที่ยัง ‘โสด!!’            ทุกงาน... เธอมักตกเป็นหัวข้อสนทนา ต้องทนยืนฟังคำหยามหยันของเพื่อน หลายงานที่เธอต้องทำใจฝืนยิ้มและแกล้งเมา ครั้งนี้ก็คงหนีไม่พ้นอีหรอบเดิม ทั้งที่ประสาทสัมผัสทางหูสามารถรับรู้ทุกอย่างที่เพื่อนพูดได้ดี ในใจปวดปร่าเหมือนเหล็กแหลมทิ่มแทง แต่เธอกลับฝืนยิ้มทำตัวร่าเริงให้จบงานเหมือนเคย            บนถนนกลางกรุง มหานครที่รถติดยาวเหยียดในช่วงเวลารีบเร่ง กว่าป่านฝันจะหลุดออกมาจากลูกค้าจอมเขี้ยวก็กินเวลานัดเพื่อนไปนานโข จากที่ต้องไปแต่งหน้าทำผมที่ร้านตามนัดกับพราวลดา เธอกลับต้องตรงดิ่งมาพร้อมชุดทำงาน งานที่เธอรับผิดชอบก็แสนจะหนักหนาและวุ่นวาย จนเกือบมาไม่ทันเวลา            พราวลดาเองก็โทร. มาเร่งยิกๆ            ‘แกอยู่ไหนแล้วป่าน ฉันถึงโรงแรมตั้งนานแล้วนะ นี่มันก็เลยเวลานัดมากแล้ว หรือแกจะเบี้ยวแบบลาสมินิทเหมือนงานก่อน บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าแกไม่มา ฉันโกรธจนลูกบวชแน่ มีอย่างที่ไหน นัดที่ร้านทำผมสี่โมงเย็น ไปไม่ทันยังพอทน แต่ที่บอกว่าจะมารอหน้างาน จะทุ่มครึ่งแล้ว ยังไม่เห็นโผล่หัวมาอีก’ ทันทีที่ป่านฝันกดรับสาย พราวลดาก็บ่นเพื่อนยืดยาว ตามแบบฉบับของเลขา เธออินกับบทบาทนี้มากจนเลยเถิดมาใช้จัดการชีวิตของเพื่อนแต่ละคนด้วย            แม้อยากยกให้เป็นเลขาแม่แบบ ทว่าบางครั้งก็อยากบอกเหมือนกันว่าเธอไม่ได้จัดตารางนักธุรกิจอยู่ ถึงพลาดเรื่องเวลาไม่ได้สักนาที            “อือ! ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า เพิ่งเสร็จประชุมกับลูกค้า นี่ฉันก็ขับรถอยู่ ใกล้จะถึงโรงแรมแล้วแหละ อือ! ฉันจะเหยียบมิดคันเร่งเลยเป็นไง”            ป่านฝันเย้าเพื่อน สลับกับปลายสายที่ยังบ่นไม่หยุด แต่พอเธอบอกจะเหยียบมิดคันเร่ง ปลายสายถึงกลับขนลุกซู่ กลืนน้ำลายฝืดลงคอ เพราะรู้จักวีรกรรมแม่สาวตีนผีอย่างป่านฝันเป็นอย่างดี            ‘เอ่อ เธอไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะ เรารอกันได้’ ปลายสายเปลี่ยนสถานะจากเร่ง เป็นไม่รีบทันที            “เออน่า! แกเข้างานไปก่อนก็ได้ รับรองว่าป่านฝันจะค่อยๆ ขับอย่างระมัดระวังตามคำสั่งคุณเลขาทุกอย่างเลย ”            ป่านฝันเย้าคนปลายสาย แต่เท้าข้างขวาไม่วายเพิ่มแรงเหยียบคันเร่ง หักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนไปตามความเคยชินในการขับรถของเธอ จนเพื่อนทุกคนต่างให้ฉายาเจ้าแม่ขาวีน นักซิ่งตีนผี จังหวะที่เธอหักเลี้ยวขึ้นถนนและกดวางสายโทรศัพท์ หญิงสาวไม่ทันสังเกตว่าทางตรงเป็นจังหวะไฟเขียวพอดี เธอปาดหน้ารถคันที่เพิ่งเร่งหลุดจากไฟแดง            เจ้าของชีอาร์วีสีดำเหยียบเบรกตัวโก่ง “เอี๊ยด!!!” ชายหนุ่มเหลือบมองกระจกหลัง ยังดีที่รถคันหลังเบรกตามได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยาวแน่นอน            “บ้าเอ๊ย!! ใบขับขี่ซื้อมาหรือไงวะ” ชายหนุ่มเจ้าของรถสบถออกมาอย่างหัวเสีย มองตามรถนักซิ่งตีนผีไม่วางตา แล้วเขาก็รีบบึ่งรถตามไปทันที ด้วยความโมโหเดือดพล่าน            ในขณะที่เจ้าของเบนซ์สปอร์ตเลื่อนมือไปกดเพิ่มเสียงเพลง หลังจากวางโทรศัพท์เสร็จ เสียงเพลงในรถกระหึ่มดังลั่น เจ้าของรถเองก็ขยับโยกตัวไปตามท่วงทำนอง พร้อมกับระเบิดเสียงตามอย่างมีความสุข นิ้วมือยาวเรียวเคาะพวงมาลัยตามจังหวะเสียงดนตรี ไม่รับรู้เรื่องราวโลกภายนอกรถโดยสิ้นเชิง            พอถึงโรงแรมที่นัดหมาย ป่านฝันเห็นมีที่ว่างสำหรับจอด เธอยิ้ม อย่างน้อยโชคของเธอก็ยังดี หญิงสาวกะพริบไฟเลี้ยวเตรียมจะถอยเข้าจอด พลันรถอีกคันกลับเลี้ยวปราดเข้าจอดตัดหน้าแบบเส้นยาแดงผ่าแปด            “เอี๊ยด!” ป่านฝันเหยียบเบรกตัวโก่ง โกรธแทบกลายเป็นมังกรพ่นไฟ อารมณ์สุนทรีเมื่อครู่ดับมอดกลายเป็นเถ้าธุลีในชั่วพริบตา ทว่าถูกแทนที่ด้วยภูเขาไฟที่พร้อมปะทุปล่อยลาวา ยากที่จะหาอะไรมาดับความร้อนให้เย็นลงได้ง่าย เพราะหากสมรรถนะรถเธอไม่ดีพอ เหตุการณ์คงไม่หยุดอยู่เท่านั้นแน่            ‘ฮึ่ม! ไม่รู้จักป่านฝันซะแล้ว ฉันเคยยอมใครที่ไหน’            หญิงสาวเปิดประตูลง ก้าวเท้าเดินลงจากรถราวพายุหมุน อารมณ์เดือดปุดเมื่อครู่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อเหลือบเห็นรอยยิ้มของเขาเต็มตา มันเป็นยิ้มหยามหยันที่ย้ำชัดมุมปากหยัก            “นี่นาย! นายเสียมารยาทจอดรถตัดหน้าฉันอย่างนี้ได้ไง นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังจะจอดตรงนี้ รู้กฎจราจรมั้ย! มารยาทในการขับรถมีหรือเปล่า ฮะ!”            “ฮึ!”            ‘ทวิช’ ยักไหล่ไม่ใส่ใจหญิงสาวตรงหน้า เขาเองก็เกลียดคนไร้มารยาทในการขับรถอย่างเธอไม่แพ้กัน            “ขับช้าเป็นเต่ากัดล้อ แต่ก็ว่าแหละ ผู้หญิงขับรถก็เป็นอย่างนี้ทุกคน และก็ยังโวยวายน่าเบื่อทุกคนเหมือนกัน” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ใบหน้าคมบ่งบอกได้ดีว่าเขาไม่แยแสอารมณ์เดือดพล่านของสาวเจ้าสักนิด            เห็นอย่างนั้นแม่สาวขาวีนก็ยิ่งเดือด ยกมือชี้หน้า ไม่ได้ใส่ใจต่อคำว่ามารยาทเช่นกัน ก่อนจะฮึดฮัดกำมือแน่น ริมฝีปากสั่นโต้กลับเสียงสะบัด            “ประโยคที่นายใช้มันแปลว่าอะไร นาย! นายกำลังจะบอกว่าผู้หญิง ไร้ประสิทธิภาพในการขับรถอย่างนั้นใช่มั้ย หนอย... รู้จักฉันน้อยไปแล้ว”            คนโดนต่อว่ากลับยืนยิ้มมองเฉยๆ ไม่ได้ตอบโต้ แต่คนเดือดเพราะโดนแย่งที่จอดรถกลับไม่ยอมลดลาวาศอก            “ใช่! ฉันอาจจะผิดที่จอดช้า แต่นายมันก็... ก็... ไอ้คนไม่มีมารยาท ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ บุพการีไม่สั่งสอน ขาดจรรยาบรรณ สงสารสถาบันที่นายจบมาจริงๆ”            หญิงสาวพ่นคำต่อว่าไฟแลบ แต่แทนที่ชายหนุ่มจะโกรธ เขากลับพยักหน้าหงึกๆ กับคำกล่าวหา ถึงแม้ว่าเขาเพิ่งกลับมาเมืองไทยก็ใช่ว่าจะไม่รู้กฎจราจรและมารยาทในการใช้ถนน            “นี่นาย! นายไม่คิดจะเถียงฉันสักคำเลยหรือไง อ๋อ... ผิดเต็มประตูจนเถียงไม่ออกสินะ”            หญิงสาวคิดเองเข้าใจเองตอบเองเสร็จสรรพ จนชายหนุ่มผ่อนลมหายใจระบายลมออกมา            “เฮ้อ!! พล่ามจบหรือยัง ผมจะได้พูดบ้าง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองคนโกรธหน้าดำหน้าแดง เว้นระยะคำพูดเล็กน้อย ขยับขาเดินเข้าหาหญิงสาวทีละก้าว             “ถ้าคนมีมารยาทในการขับรถคือผู้หญิงอย่างคุณละก็ ทุกคนคงมารยาทดีกันหมด ถ้าจำไม่ผิดรถคันนี้ ทะเบียนนี้ เพิ่งจะถูกคนขับมารยาทแย่ ขับปาดหน้ารถผมบนถนนสายหลัก จนรถคันอื่นเกือบชนกันหลายคัน แล้วก็ขับซิ่งหนีออกมา เพราะฉะนั้นถ้าจะนับคนมารยาทแย่ที่สุด คนคนนั้นต้องเป็นคุณ และคุณต้องเป็นฝ่ายขอโทษผมถึงจะถูก!” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD