“อื๊ย!” ทวิชร้องอย่างตกใจรีบแกะมือของเธอออก แต่มือปลาหมึกของเธอยังเกี่ยวพันต้นคอเขาไว้ได้อยู่ดี ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังถามต่อในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้
“แล้วทำไมฉันถึงยังไม่มีแฟน”
“อ้าว!” ชายหนุ่มเผลอหลุดปากออกมาเบาๆ แต่หญิงสาวคงไม่ได้ยิน ใจเขาอยากบอกจริงๆ ว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่มีแฟน เพราะแค่เขาได้รู้จักเธอไม่กี่ชั่วโมงเขายังเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของเธอมากขนาดนี้
เมื่อเห็นชายหนุ่มยังยืนอึ้งไม่ตอบกลับ หญิงสาวก็พูดต่อ
“คุณรู้อะไรมั้ย ฉันเป็นถึงดาวมหาลัย เรียนก็ดีมีกรีถึงเกียรตินิยม การงานก็ดี แต่ทำไมละ คุณช่วยบอกฉันที”
ป่านฝันยังพล่ามต่อไม่หยุด ตัวเอียงโงนเงนไปมา จะล้มไม่ล้มแหล่หลังจากที่ชายหนุ่มแกะมือเธอออกจากเขาและปล่อยให้เธอยืนเอง
เขาได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา ยกแขนประคองตัวหญิงสาวไว้ไม่ให้ล้มลง
‘เอากะเค้าสิ ตัวเองไม่มีแฟน ยังมีหน้ามาถามคนอื่นอีกว่าทำไม ถ้าบอกตรงๆ จะโดนกรี๊ดใส่หน้าแก้วหูเริงระบำหรือเปล่าก็ไม่รู้’
“ผมว่าคุณกลับบ้านก่อนดีกว่า คุณมากับใคร เพื่อนคุณละ แล้วบ้านคุณอยู่ไหน ให้ผมไปส่งมั้ย”
ชายหนุ่มตัดบทรัวคำถามเป็นชุด พยายามพยุงร่างที่แทบไร้สติเอาไว้ อย่างน้อยก็น่าสมเพชน้อยกว่านั่งที่พื้น แต่ดูเหมือนว่าคนเมาตรงหน้ายังไม่ได้สติ ยังทำปากดี อวดเก่งไม่เลิก
ป่านฝันผลักร่างหนาออกห่าง หลังจากที่เธอไม่ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการ “ฉันกลับเองได้ ไม่มีปัญหา แค่นี้เอง เอิ๊ก!”
แต่พอชายหนุ่มปล่อยมือ เจ้าของร่างอวดเก่งก็เซทำท่าจะล้ม ทวิชจำต้องคว้าตัวเธอไว้เหมือนเดิม ก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้ง
‘หึ! ผู้หญิงเมา จะสวยหยาดฟ้ามาดินจากไหน ก็ทำตัวได้น่าเกลียดได้ทุกคนสิน่า น่าสมเพชสิ้นดี’
“บอกมา! บ้านคุณอยู่ไหน ผมจะไปส่ง” เขาหันมาถามเธออีกครั้ง ยืดคอมองหารถของเธอไปด้วย
“แล้วนี่รถคุณจอดอยู่ที่ไหน” หันมาอีกทีผู้หญิงข้างๆ เหมือนจะแบตเตอรี่หมดกะทันหัน คนเก่งที่บอกจะกลับบ้านเองเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ตอนนี้ตาปรือแทบเปิดไม่ขึ้น เขาต้องรีบเขย่าร่างปลุกแม่สาวที่เมาขึ้นมา
“คุณ! คุณ! บอกผมก่อน อย่าเพิ่งหลับ”
ป่านฝันไม่ตอบคำถาม แต่ใช้มือชี้ไปยังรถของเธอที่จอดอยู่ไกลมากแทนคำตอบ รถคันที่ชายหนุ่มจำได้ดี เขาพยุงหญิงสาวเดินไปยังรถคันที่เธอชี้บอก
“ขอกุญแจด้วย” ชายหนุ่มรีบแบมือขอกุญแจทันที เพราะกลัวว่าเธอจะหลับไปก่อน
ป่านฝันหรี่ตามองเขานิดนึง ก่อนที่เธอยกกระเป๋าขึ้นมา แล้วเทของในกระเป๋าทั้งหมดลงพื้น โดยไม่ได้สนใจเครื่องสำอางราคาแพง และของใช้ส่วนตัวในกระเป๋าที่กระจายเกลื่อนพื้น เธอทรุดร่างลงนั่งกวาดมือบนพื้นสะเปะสะปะ เลือกหาสิ่งที่เขาต้องการแล้วยื่นให้
“อะไรของคุณอีกเนี่ย! ของกระจายหมดแล้ว รั่วได้ใจจริงๆ”
ทวิชรับกุญแจส่ายหน้าระอากับความรั่วของเธอ พยายามหยิบของกระจัดกระจายใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าก่อนที่มันจะเปรอะเปื้อนกับอาเจียนของเธอ แต่เขาก็ไม่ลืมหยิบบัตรประชาชนของเธอที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาดูที่อยู่ เพื่อที่จะพาเธอไปส่งถึงบ้าน ถ้าจะให้ถามทางกับเธอในสภาพนี้คงไม่รอดแน่
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ แม่สาวขี้เมา ตื่นขึ้นมาจะจำเรื่องราวได้หรือเปล่า ถ้าแม่คุณคนสวยหยาดเยิ้มคนนี้ ตื่นขึ้นมารู้ทีหลังว่าตอนเมาเธอทำอะไรลงไปบ้าง เธอจะทำหน้ายังไงกันนะ
เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด ถ้ารอถามทางคงจะไม่รอดแน่ เพราะตอนนี้นางเมรีขี้เมานอนหมดสภาพคอพับหลับสนิทอยู่ด้านข้างของคนขับ ยังดีที่รถหรูของเธอมีจีพีเอส ไม่อย่างนั้นคนที่ไม่ได้อยู่เมืองไทยมานานอย่างเขาคงพาเธอกลับบ้านไม่ถูกแน่ ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าไม่ใช่เขา แต่เป็นผู้ชายคนอื่นที่คิดมิดีมิร้าย เธอจะมีสภาพอย่างไรกัน
ชายหนุ่มเดินลงจากรถเพื่อกดออดเรียกคนในบ้าน ไม่นานก็มีแม่บ้านวิ่งออกมากับสตรีสูงวัยอีกคนหนึ่ง ถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นแม่ของเธอ ทั้งที่ดึกมากแล้ว พวกเขาคงกำลังรอเธออยู่เป็นแน่
“สวัสดีครับ ผมทวิช กุลบริฉัตร ผมพาคุณป่านฝันมาส่งครับ”
ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างสุภาพกับผู้สูงวัย เห็นแววตาตื่นตระหนกของพวกเธอเขาก็พอเดาออก จึงถือวิสาสะเรียกชื่อหญิงสาวจากนามบัตรที่อยู่ในมือของตนเอง
สตรีสูงวัยชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีเวลาใส่ใจอะไรมากนัก
“สวัสดีค่ะ ทำไมยายป่านมีสภาพเป็นแบบนี้ละพ่อหนุ่ม”
สตรีสูงวัยที่วิ่งตามออกมาถามขึ้นอย่างร้อนใจ ชายหนุ่มเดาได้ในทันทีว่าคงจะเป็นแม่ของหญิงสาว เพราะสรรพนามที่ใช้เรียกชื่อทำให้เขารู้จักชื่อเล่นของเธอ
“คุณป่านฝันไปปาร์ตี้กับเพื่อนและดื่มนิดหน่อยครับ ผมกลัวว่าขับรถกลับเองจะเป็นอันตรายก็เลยขับรถมาส่งให้ แล้วที่หลับ ผมคิดว่าเธอน่าจะเหนื่อยจากงานมากกว่า”
เมื่อเห็นแววตาของคนเป็นแม่ ชายหนุ่มก็นึกสงสารและมีน้ำใจแก้ตัวแทนเธอ ไม่อยากให้นางพลอยไม่สบายใจไปด้วย ถ้ารู้ว่าลูกสาวดื่มเมามายจนขาดสติแบบนี้
‘นี่เขาจะห่วงผู้หญิงปากร้ายอย่างเธอทำไมกันนะ’
“ขอบใจมากนะพ่อทวิช”
“ช่วยเปิดประตูให้ผมได้หรือเปล่าครับ ผมจะได้ขับรถคุณป่านฝันเข้าไปเก็บในบ้านให้”
“ขอโทษที ฉันลืมไปเลย มัวแต่ยืนคุยกันอยู่นาน บัวช่วยเปิดประตูให้หน่อยจ้ะ”
หลังจากที่แม่บ้านเปิดประตูให้ และเขาขับรถมาจอดในบ้านเรียบร้อย คุณเดือนประดับก็เดินมาเปิดประตูอีกด้าน นางปลุกเรียกลูกสาวที่ยังนอนหลับเหมือนเดิม
“ป่าน ป่าน ”
“แม่ขา ป่านเหนื่อยมากเลยค่ะ วันนี้งานยุ่งมากเลย คุณแม่มีอะไรเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ” ป่านฝันยกคอขึ้นมาบอกมารดา แล้วก็เอนศีรษะลงหลับต่อทันที เพราะเมาไม่ได้สติและคิดว่าตัวเองนอนอยู่บนที่นอน เพราะปกติเวลานี้ของทุกวันเธอจะหลับไปแล้ว
คุณเดือนประดับยังคงเรียกชื่อลูกสาวไม่หยุด “ป่าน! ป่าน! นี่มันในรถ ป่านต้องขึ้นไปนอนข้างบน”
แต่ถึงแม้ว่ามารดาของเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่เป็นผล เธอยังนอนนิ่งในรถไม่ไหวติง
คุณเดือนประดับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ระอากับความนอนขี้เซาของลูกสาว และบ่นเบาๆ “ป่านนะป่าน นอนหลับทีไรเป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ขบวนการปลุกยากนอนขี้เซาไม่มีใครเกินเลยจริงๆ”
นางหันกลับมาหาชายหนุ่มอีกครั้ง และเอ่ยขอร้องเขา
“คุณทวิช ป้ารบกวนช่วยพายัยป่านขึ้นไปห้องนอนหน่อยได้หรือเปล่า”
“ครับ ขออนุญาตนะครับ” เขาขออนุญาตก่อนที่จะอุ้มป่านฝันไปส่งที่ห้องนอน หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวกลับทันทีเพราะว่าเวลาตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว