9

4313 Words
สามปีผ่านไป                   ‘หวานสม่ำเสมอจริงๆสำหรับทายาท PKR groups และน้องลูกศร บุตรสาวคนเดียวของท่านผู้หญิงกอปรสุข’                         ‘เมื่อไรจะลงเอยกันสักทีหนอ ฝ่ายชายก็ทำหวานบอกว่าน้องลูกศรยังไม่พร้อมค่ะคุณ อูย...สาวๆทั่วประเทศพักสายตาแพ้บ ไม่ใช่อะไรนะคะเพราะอิจฉาแค่นั้นเองค่ะคุณ’                   นี่แหละเธอถึงไม่อยากดูข่าว เพราะมักมีแต่ข่าวของเขากับแฟนสาวเข้ามาในได้รู้อยู่เรื่อยๆ พิชชาอรยกรีโมตปิดเครื่องรับโทรทัศน์ที่ร้านขายส่งปุ๋ยและอาหารสัตว์ขนาดกลางในฝั่งตรงข้ามกับบ้านพัก แล้วหอบตระกล้าใส่ผักที่ซื้อเอากับยายคนรู้จักกันที่หอบมาให้ที่หน้าร้าน ตั้งท่าจะข้ามถนนด้านหน้าที่น้อยนักจะมีรถผ่านมาสักคัน เพื่อนำไปไว้ยังอีกบ้าน ในใจก็ยังอดคิดถึงข่าวได้รับมาไม่ได้   เอี้ยด! โครม! จักรยานเสือภูเขาพร้อมกับคนขี่ก็โผลงไปอยู่ในพงหญ้าข้างทางถัดไปไม่ไกลนัก ทำให้พิชชาอรตกใจ เธอรีบวางของแล้วรีบตามไปดู หน้าเสียเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่เธอมัวแต่เหม่อคิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ทันมองรถ ชะล่าใจด้วยว่าถนนหน้าบ้านไม่ค่อยมีคนสัญจร หญิงสาวเม้มปาก หน้าเจื่อน ตะโกนถามเขา “คุณคะ เป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มที่ปั่นจักรยานลุกขึ้นไปพยุงเอารถของตนออกจากพงหญ้า เขาเปิดหมวกออก อ้าปากกำลังจะต่อว่าแต่แล้วก็งันไป เขายืนนิ่งเมื่อเห็นคู่กรณีของตนเอง ยิ้มสุภาพส่งให้ “ไม่เป็นไรครับ” “ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันไม่ทันดู” “ผมชนะชัยครับ” อีกฝ่ายไม่ถือสา รีบแนะนำตัวเองทันที “กี๋ค่ะ ถ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ขอตัวนะคะ” พิชชาอรบอกลาทันที แล้วเดินกลับมาหยิบของที่วางทิ้งไว้ ตรงเข้าบ้านชั้นเดียวที่เป็นเป้าหมายในทีแรก นึกหน่ายที่จะเสวนากับพวกผู้ชายตาพราวระยิบ เข็ดไปจนตาย บทเรียนครั้งนั้นครั้งเดียวคอยตอกย้ำให้เธอนึกถึงมันอยู่เรื่อย วางของลงบนโต๊ะเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงเรียกหาดังมาจากด้านในบ้าน จึงขานรับทันที “จ๋าอาตรี” ไม่นานหญิงสาวอีกคนที่แก่วัยกว่าเพียงสิบปี คนที่เรียกหาเดินมาสมทบด้วย ท่านเป็นหญิงสาวที่ยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี หน้าตามีริ้วรอยบ้างตามวัย แต่หุ่นยังดูดีอยู่มาก   “นี่...ได้ข่าวไหมว่าที่ข้างๆเราขายให้นายหน้ากันไปหมดแล้วนะกี๋” อาตรียกมือป้องปากราวกับกลัวใครมาได้ยินทั้งๆที่อยู่ในบ้านตนเอง จนเธอนึกขัน เลยเย้าท่านกลับไป “ได้ยินจ้ะอาตรี อยากขายบ้างหรือไง” “ไอ้อยากขายน่ะมันก็อยากอยู่หรอกนา” ท่านว่าอย่างคนลังเล “จะขายได้ยังไงนี่รายได้หลักเราเลยนะอาตรี ถ้าขายเขาเราได้เงินก้อนมาก็ไม่รู้จะบริหารให้มันงอกเงยได้แค่ไหน สู้เก็บไว้แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ อีกอย่างเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่จ๊ะ” “อือ ก็จริงอยู่ อ้อ เอ้อกี๋ บ้านทรงไทยท้ายคลองมีคนโทรมาถามจะซื้อแล้วนะ” “ขายให้ได้สักทีเถอะอาตรี” เธอว่าแล้วหยิบผักมาเด็ดเอาแต่ยอดเตรียมต้มจิ้มน้ำพริกมื้อถัดไปนี่ “เขาว่าจะเอา คงเห็นว่าสวยดีมัง” อาตรีบอกแล้วส่งยิ้มเป็นอันรู้กันให้กับเธอ “พูดว่าจะเอาๆเห็นเงียบทุกราย” พิชชาอรอดเหน็บไม่ได้ เพราะไม่ใช่รายแรกที่ติดต่อว่าจะซื้อบ้านทรงไทยหลังนั้น แต่ไม่เห็นจะมีใครซื้อจริงสักคน “ยังไงก็เป็นธุระให้อาทีนะกี๋” “จ้า นั่นมันหน้าที่กี๋อยู่แล้วนี่จ๊ะ” บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเก่าเก็บที่มีตำนาน(ไม่ดี)มายาวนาน ลักษณะทรงไทยใต้ถุนสูงหลังนั้น ปู่ของเธอสร้างไว้ให้เมียคนสุดท้อง ยังไม่ทันได้ย้ายเข้าไปอยู่ ก็จับได้เสียก่อนว่าผู้ญิงคราวหลานคนนั้นเล่นชู้กับหัวหน้าคนงานรับเหมาสร้างบ้าน เลยโดนไล่กันเปิดกระเจิดกระเจิงกันไปทั้งคู่ บ้านหลังนั้นสร้างเสร็จก็ไม่มีใครอยากอยู่ จึงปักป้ายขายไว้นานแล้วแต่ไม่มีใครจะซื้อ มีแต่ที่มาขอเช่าอยู่ไม่นานก็ผลัดเปลี่ยนหน้าค่าตากันไปเรื่อย ตั้งแต่ลาออกจากงาน พิชชาอรก็รวบรวมเงินมาเปิดร้านขายอาหารสัตว์และปุ๋ยขนาดไม่ใหญ่โตนัก ทั้งยังเป็นธุระเรื่องเก็บค่าที่ ทำสัญญาเช่า จิปาถะสารพัดให้อาตรีไปโดยปริยาย ท่านแบ่งเงินค่าที่เธอเป็นธุระให้พอได้เหลือกินเหลือเก็บอยู่บ้าง ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนัก นี่ก็คงจะอีกรายที่เธอต้องจัดการ พิชชาอรรับปากคนเป็นอาแล้ว ฝ่ายนั้นก็เดินไปหยิบกระเป๋าเดินออกจากบ้าน ขับรถออกไปในเวลาต่อมา อาตรีของเธอหรือชื่อเต็ม ‘ตรีชฎา’ เป็นน้องต่างมารดากับพ่อ ที่ครองความเป็นโสดไม่มีครอบครัวมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนหน้าท่านเคยคบหาอยู่กับชายหนุ่มรุ่นพี่ คบกันอยู่นานถึงขั้นที่ผู้ใหญ่เจรจาสู่ขอกันดิบดี แต่แล้วผู้ชายก็หันไปคว้าผู้หญิงอาบอบนวดมาเป็นเมียเสียอย่างนั้น อาตรีเสียใจขนาดหนักถึงขั้นร้องไห้ไม่เป็นผู้เป็นคนเกือบปี บ้านนี้นี่มันเป็นอย่างไรกันนักนะ เธอ กับ อมิตาก็เช่นกัน ผิดหวังมาไม่ต่างจากอาตรี เธอและอมิตาจึงเป็นญาติของอาตรีเพียงสองคนเท่านั้นที่สนิทสนมพอที่ท่านจะฝากผีฝากไข้ได้ อาตรีรักและเอ็นดูเธอสองคนพี่น้องราวกับลูกของตนเอง ไม่ได้มีความคิดเหยียดหยามว่าคนละแม่กับบิดาของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ตรีชฎาได้รับมรดกจากมารดาเป็นที่ดินหลายแปลงในจังหวัดบ้านเกิด เจ้าตัวซอยที่ให้เช่าเป็นล็อคสำหรับขายของ แล้วยังสร้างห้องแถวชั้นเดียวใกล้ๆนั่นอีกหลายสิบห้อง โชคดีที่มีโรงงานผุดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับดอกเห็ด ส่วนบ้านที่ใช้พักอาศัย อาตรีปลูกเป็นหลังย่อมๆมีสามห้องนอนพอดิบพอดีกับคนที่สามปีมานี้มีคนอาศัยครบทุกห้อง ชีวิตที่ราบเรียบสงบดีของพิชชาอรก็คล้ายกับกำลังมีเมฆหมอกดำทะมึนเคลื่อนมาปกคลุมโดยที่เธอเองไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวเตรียมรับกับมัน พิชชาอรจอดรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ตอนเดียวลงที่หน้าบ้านแล้วรีบหยิบของที่ซื้อมาจากตลาดเพื่อเอาเข้าไปเก็บในบ้าน เธอช้าเวลามากแล้วนี่ยังไม่ได้ทำมื้อเย็นเลยเพราะบริษัทปุ๋ยเอาของมาลงช้ากว่าเวลาที่นัดหมายไว้ กว่าจะเคลียร์ธุระเสร็จก็เย็นมากแล้ว เสียงคุยด้านในบ้านทำให้เธอแปลกใจอย่างหนัก ปกติอาตรีไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมหา มีบ้างที่ท่านจะออกไปพบปะคนที่นอกชายคา แต่ไม่เคยมีใครแวะมาคุยกับท่านเช่นนี้ “อาตรี ใครมาจ๊ะ” พิชชาอรได้ยินเสียงอาตนเองบอกแขกในบ้านว่า “หลานเรามาแล้ว มานี่เร็วกี๋ นี่อาดำรงค์เพื่อนอาเองสมัยเรียน แล้วนี่ก็หลานอารงค์ชื่อคุณชนะชัย” “สวัสดีค่ะอารงค์” พิชชาอรวางของยกมือไหว้ชายวัยเดียวกับตรีชฎา พอมองอีกคนก็ครางในคอเมื่อจำเขาได้ “อ้าว คุณนี่เอง” “สวัสดีครับคุณกี๋ ผมชนะชัยครับ จำกันได้ไหม” “รู้จักกันแล้วเหรอ ที่ไหน เมื่อไรกี๋” อาตรีถามไว แววตาอยากรู้จนเธอนึกหมั่นไส้ “บังเอิญน่ะจ้ะ วันก่อนกี๋ซุ่มซ่ามไปหน่อย เดินพรวดพราดไปชนรถคุณชนะชัยเข้า” อาตรียิ้มฟังเธอเล่าจบ ท่านก็ว่า “งั้นกี๋เอาของไปเก็บไป เสร็จแล้วเราออกไปหาอะไรกินข้างนอกนะวันนี้”            “อาตรีไปเถอะ กี๋ไม่อยากไปไหน” พิชชาอรปฏิเสธอย่างนุ่มนวล อาตรีจึงหันไปชวนชายหนุ่มอีกสองคน            “งั้นเราไปกันแค่นี้ก็ได้เนอะ” ท่านว่าอย่างนั้นแล้วทั้งหมดจึงพากันไปโดยมีเธอมองตามด้วยสายตาไม่ใคร่สบายใจนัก หลังจากวันนั้นชายคนที่เป็นหลานของณรงค์ เพื่อนสมัยเรียนของอาตรีก็แวะมาที่บ้านทุกวัน เขาว่าเขาเพิ่งย้ายมาประจำการที่นี่ตามคำสั่งของหน่วยงานต้นสังกัด และห่างจากญาติพี่น้องไปนาน กลับมาอีกทีก็จำใครไม่ใคร่จะได้ ดีที่ณรงค์แวะพามาทักทายให้ได้รู้จักกันไว้บ้าง บางวันไม่พากันหิ้วข้าวของมากินในนี้ ก็จะพากันออกไปหาอะไรกินที่ข้างนอก ส่วนเธอไม่ได้ออกไปกับพวกเขา แต่หากวันไหนกินอะไรกันที่บ้านก็จะได้พูดคุยกับชนะชัย จนเธอเริ่มคุ้นเคยกับเขาในที่สุด “ตั้งแต่อุบัติเหตุคราวนั้น ปุญญ์เขาดูเปลี่ยนไปนะป้าว่า” เสียงเล่าอย่างไม่ใคร่จะสบายใจนักบ่นให้หญิงสาวที่กำลังจะก้าวมาเป็นสะใภ้ฟัง “เป็นยังไงหรือคะคุณป้า” อีกฝ่ายถามอย่างอยากรู้ “พูดน้อยลงน่ะสิ บางทีก็นั่งเหม่อเหมือนคิดเรื่องหนักๆอยู่ พอป้าถามก็บอกว่าไม่มีอะไร” “จำได้ไหมที่ตอนพี่เขาฟื้นจากอุบัติเหตุมาใหม่ๆ ป้ามุบมิบตอนเขาจำอะไรไม่ได้ บอกว่าหนูเป็นคู่หมั้นและจะแต่งงานกันสิ้นปี รอจนป่านนี้ยังทำเฉยอยู่เลย” สุภัคสรณ์แอบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง นั่นล่ะที่ทำเธอเสียหน้าอยู่ถึงทุกวันนี้เพราะป่าวประกาศบอกเพื่อนในกลุ่มด้วยความดีใจจนเนื้อเต้นว่าจะได้แต่งงานกับปุญญ์ แต่แล้วเขาก็ทำเป็นเงียบไปเสียอย่างนั้น เธอจะทำเช่นไรได้ จะอาละวาดก็ใช่ที่ในเมื่อปุญญ์ไม่เคยควงสาวคนไหนสักคน แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับเธอในฐานะคู่หมั้น แม้เขาไม่ปริปากแต่แววตาและท่าทีของปุญญ์นั้นทำให้เธอกระดากใจเหลือเกิน ไหนใครว่าเขาความจำเสื่อม ทำไมถึงได้หลอกยากนัก “แล้วลูกศรจะมีโอกาสได้เป็นลูกสาวของคุณป้า ปรนนิบัติดูแลคุณป้าบ้างไหมคะเนี่ย” “อู้ย...หนูจ๋า อย่าเพิ่งนอยด์ไป ป้าจะยื่นคำขาดกับพี่เขา รออีกหน่อยนะลูก รับรองไม่เกินสิ้นปีแน่นอนลูก” สิ้นปีนี้ก็จะเป็นสิ้นปีที่สามแล้ว สุภัคสรณ์คิดแล้วหน่ายใจนัก คุยมาถึงตรงนี้ก็พอดีที่ประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวทั้งสองก้าวตามกันออกไปยังชั้นของผู้บริหาร ขณะเดินเลยโต๊ะเลขาหน้าห้อง จะเข้าไปด้านใน อีกฝ่ายก็รั้งเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก “อย่าเพิ่งค่ะคุณท่าน บอสกำลังคุยงานอยู่ด้านในค่ะ”            ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงดุดันบอกผ่านเครื่องติดต่อสื่อสารออกมาทันที “เพ็ญจัน!” เลขาฯหน้าห้องรับคำเสียงสั่น “ค่ะคุณปุญญ์” “‘ดูแล’แขกด้วย” ‘ดูแล’ ที่ปุญญ์บอกคือการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะคนที่ปุญญ์เรียกเข้าพบ ไม่พวกที่พบว่ามีปัญหาในเครือก็มักจะเป็นคู่ค้าที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกินใต้โต๊ะกับงบประมาณในเครือ จบคำประตูเปิดออก ตามมาด้วยชายอายุเหยียบห้าสิบสองคนที่เป็นคณะกรรมการใน PKR groups เดินคอตกออกมายังด้านนอก คุณอัมพรมองตามหลังชายพวกนั้นไปจนลับสายตา รออยู่ครู่เดียวจึงจับจูงมือหญิงสาวที่มาด้วยเข้าไปด้านในด้วยกัน            เจ้าของร่างผึ่งผายสูงใหญ่ประกายตาคมดุดันที่ยืนหันหน้าเข้าหากระจกใส เบื้องหน้าเขาเป็นแท่งตึกสูงต่ำทำให้คนยืนมองดูกลมกลืนไปกับแท่งสถาปัตถ์เหล่านั้นโดยปริยาย คุณอัมพรยิ้มก่อนเอื่อยเรียกบุตรชายเสียงหวาน            “ปุญญ์”            เจ้าของชื่อหันมาทางคนเรียกที่เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของตนเอง ยิ้มแล้วเข้ามารับ คุณอัมพรได้จังหวะรีบท้วง            “วันนี้เรานัดกัน...ลูกจำได้ใช่ไหม”            “โธ่ ทำไมถามเหมือนผมความจำเสื่อมเล่าครับคุณแม่ จำได้สิครับ แล้วก็จำได้ด้วยว่าวันนี้น่ะวันเกิดคุณแม่”            “ขอบใจมากจ้ะลูก นี่น้องก็จะไปกับเราด้วยนะ ดูซิ รีบจัดแจงงานจนเสร็จบอกว่าช่วงนี้ไม่มีเวลาให้ปุญญ์เลย”            ปุญญ์ส่งยิ้มแต่ปาก ดวงตาดูไม่ได้ไปทิศทางเดียวกันเลยบอกเสียงขรึม “ขอบคุณครับลูกศร” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ปุญญ์” “แฮ่ม...หวานกันขนาดนี้ แต่งกันสักทีดีไหมลูก แต่ตอนนี้เลิกหวานกันสักครู่ก่อน ปุญญ์เคลียร์งานให้เรียบร้อยเถอะ แม่กับน้องจะรอในห้องรับรองก็แล้วกันนะ” “ไปครับ ผมไปส่ง”            ปุญญ์ใช้เวลาเคลียร์เอกสารที่ค้างไว้อีกไม่นาน ก็ออกไปพร้อมกับมารดาและหญิงสาวที่มารดาและใครๆบอกว่าเธอเป็นคนที่เขาบอกตกลงว่าจะแต่งงานด้วย แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้รู้สึกรักเธอเลยสักนิด หนำซ้ำในใจลึกๆก็คล้ายกับมีอะไรติดค้างอยู่ในนั้นทั้งยังรู้สึกเหมือนตนเองทำของมีค่าสักชิ้นหายไป แต่เขาจำไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร หรือ...ใคร ที่หายไปจากชีวิตของเขา กว่าจะกินข้าวเสร็จ ถึงบ้านก็ย่างเข้าเที่ยงคืนไปแล้ว ขณะส่งมารดาเข้าห้องของท่าน ครู่เดียวเสียงเอะอะโวยวายด้านล่างก็ดังขึ้น คุณอัมพรรีบเปิดประตูออกมาดูเช่นเดียวกับปุญญ์ แล้วจึงเกาะแขนบุตรชายลงมายังด้านล่าง พอเห็นว่าใครก็ดุเสียงสั่นๆ ไม่พอใจนักกับพฤติกรรมหลายเดือนมานี้ “ยัยบัว ทำไมเมามาอีกแล้วล่ะลูก” “บัวทะเลาะกับพี่ยอร์ธค่ะ เรา...เราเลิกกันแล้วค่ะ ไม่แต่งแล้วงาน เลิก เลิกไปเลย” สาวบัวโวยวาย สะบัดมือไปมา คราบน้ำตาเปรอะเต็มใบหน้าน่ารักจนเป็นคราบไปหมด ปุญญ์ถามด้วยแววตาเป็นกังวล “ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ” “เขาไม่ซื่อสัตย์กับบัว นี่รู้กันไหมคะว่าเขาไปประจำการที่นู่น ไปมีเมียอีกคน ไม่พอยังมีลูกกันอีก เลว ระยำ ผู้ชายก็ชั่ว ผู้หญิงก็เลว เกลียดค่ะ บัวเกลียด” ปุญญ์บอกเสียงเอือมระอา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นพฤติกรรมไม่น่ารักของน้องสาว “ก็เรานั่นแหละเล่นตัว ตอนเขาขอแต่งงานก็ลีลายึกยัก เป็นไงล่ะ ตอนนี้จะมาฟูมฟาย ไม่ทันแล้วมั้ง” “ปุญญ์ พูดกับน้องดีดีหน่อยลูก”คุณอัมพรว่าเสียงเครียด “แล้วใครบอกเราแบบนั้นยัยบัว” “บัวให้คนไปตามดูค่ะ พี่ยอร์ธได้เมียเป็นเศรษฐีนีเจ้าของที่เป็นพันๆไร่ แถมเขายังมีพยานรักเป็นลูกน้อยด้วยกันอีก แบบนี้แล้วบัวจะทำยังไงละคะ บัวเจ็บ มัใครเข้าใจบัวบ้าง ฮือ...” สาวบัวร้องไห้ขึ้นอีก “จริงหรือไม่จริงก็ค่อยให้เขามาคุย เราน่ะขึ้นห้องอาบน้ำนอน ทำตัวให้น่ารักน่าหลงใหลหน่อย ทำแบบนี้ใครจะอยากมาสน เอาแต่ใจก็ที่หนึ่ง ขี้วีน ขี้ระแวง ชอบจับผิด” “พี่ปุญญ์ใจร้าย ทำไมต้องว่าบัวแบบนี้ด้วย” “เห็นไหม พี่พูดความจริงเราก็รับไม่ได้อีก” “บัวไม่อยากฟัง บัวเกลียดพี่ปุญญ์ ตั้งแต่รถคว่ำพี่ปุญญ์ก็ไม่เหมือนเดิม ใจดำ ไม่เคยเห็นใจใคร ไม่เชื่อถามคุณแม่เลยว่าจริงไหม” ปุญญ์ยิ้มมุมปาก แสดงออกว่าเขาไม่สนว่าใครจะคิดอย่างไรกับตนเอง “เชิญเกลียดพี่ได้เลย พี่ไม่แคร์เราก็รู้นี่บัว” “พอแล้วลูก ไม่เอาอย่าทะเลาะกัน ไปบัวไปแม่ไปส่งหนูนะลูก” เสียงหญิงสาวสองคนคลอเคลียห่างออกไปแล้ว ปุญญ์จึงทิ้งตัวลงนั่งอย่างนึกเซ็ง ครู่เดียวคุณอัมพรที่เดินไปส่งบัวเข้าห้องแล้ว ถึงออกมาหาบุตรชายของตนต่อ ท่านถามขึ้น “แล้วที่ปุญญ์ว่าจะไปดูที่ขยายโรงงาน จะไปเมื่อไรล่ะลูก” “อาทิตย์หน้านี้ครับ ว่าจะลาพักร้อนด้วยเลยครับ” ท่าทางบุตรชายดูเนือยจนคนเป็นนึกสงสาร เพราะปุญญ์รับภาระงานค่อนข้างหนักหน่วง อายุไม่เท่าไรแต่สมรรถภาพการบริหารงานเทียบเจ้าของกิจการที่อายุเลยกลางคนได้เทียวล่ะ นึกปลื้มบุตรชายแต่ก็นึกห่วงไปในคราวเดียวกัน “ให้แม่ไปด้วยไหมปุญญ์” “ไปสิครับ เห็นเด็กมันว่าลำบากหน่อย แถบนั้นยังกันดารอยู่มาก ห้องน้ำน่าจะยังไม่มี ต้องอาบน้ำในคลองอยู่เลยครับ จะเข้าห้องน้ำก็ถือจอบเสียมเข้าป่าไปขุดเอา ถ่ายเสร็จต้องกลบดินฟังคืนให้ด้วยนะครับ  อ้อ คุณแม่อย่าลืมเตรียมผ้าถุงไปด้วยก็ดีนะครับ เวลาอาบน้ำจะได้ไม่เขิน” “ตาปุญญ์” ท่านเรียกบุตรชายอย่างเคืองๆมองค้อนให้อีกวงใหญ่ที่ทำมาพูดขู่ท่าน เพราะรู้ว่ามารดาไม่โปรดการใช้ชีวิตแบบพื้นบ้าน เดิมทีท่านโตมาครอบครัวมีอันจะกิน ไม่เคยใช้ชีวิตยากลำบากเลยแม้แต่น้อย ปุญญ์ยิ้มรับส่งมารดาเข้าห้องไปอีกคนจึงกลับไปยังห้องของตน ตามจริงแล้วไอ้เรื่องไปดูที่ขยายโรงงานเป็นเรื่องไม่ได้สลักสำคัญนักเพราะติดต่อให้คนจัดการไปจนเรียบร้อยแล้ว เขามีเพียงหน้าที่เซ็นอนุมัติเท่านั้น แต่ที่ไปแถบนั้นนั่นเพราะรู้มาก่อนหน้านี้แล้วเรื่องแฟนของบัว เขาถึงต้องลงไปตามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง พี่ยอร์ธของยัยบัวมีพรรคพวกในวงการนักสืบมากมายนัก หากเขาว่าจ้างใครก็ไม่แน่อาจมีรูรั่วให้รายนั้นไหวตัวทันก็เป็นได้ เขาจะใช้วันหยุดพักร้อนนี่ละตามเรื่องของนายยอร์ธให้รู้กันไป ดีเลวกันขนาดไหนก็ให้รู้กันคราวนี้ ถ้าไม่ไว้หน้าคงต้องจบสิ้นกันไป ความสัมพันธ์ระหว่างบัวกับแฟนหนุ่มนั่นเขาไม่ห่วงเท่าเงินที่อีกฝ่ายหยิบยืมไปเป็นจำนวนเกือบๆสิบหลัก รวมถึงทรัพย์สินที่คุณนิ่มมอบให้บุตรสาวนั่นด้วย เงินและข้างของของสาวบัวต่างหากคือตัวเร่งปฏิกิริยาให้ปุญญ์ต้องรีบจัดการตามสืบพฤติกรรมของนายยอร์ธ หากเป็นอย่างที่เขาคิด คงต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมเสียก่อนที่มารดาของเขาจะรู้เรื่อง แล้วอาจลมจับไปเสียก็เป็นได้ ส่วนยัยบัวพร้อมจะรับความจริงแค่ไหนที่แฟนหนุ่มเป็นพวกผู้ชายปีกทองหวังเกาะผู้หญิงมีฐานะ ก็ค่อยไปลุ้นเอาวันที่หลักฐานพร้อมกว่านี้ จบแล้วเขาถึงจะกลับมาจัดการธุระที่เหลือให้เสร็จสิ้นกันไปอีกที ภาพถ่ายของหญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดแสนจะธรรมดาที่ปุญญ์เพ่งมองอยู่นานทำให้เขาต้องขมวดคิ้วมุ่นย้อนถามกลับ “คนนี้เหรอ ผู้หญิงอีกคนของนายยอร์ธที่ว่าเป็นเจ้าของที่น่ะ” “ครับคุณปุญญ์” “แล้วยัยนี่รู้หรือเปล่าว่าผู้ชายเขามีแฟนอยู่แล้ว และก็ถูกหลอกเอาเงินไปไม่น้อยน่ะ” “ไม่น่าจะทราบนะครับ” ดูจากหน้าตาท่าทางฝ่ายนั้นก็ไม่น่าจะมีที่ทางเยอะแยะเป็นพันไร่เลยนี่นะ หรือได้มรดกมาอีกที เลยเหมาะจะเป็นที่หมายไว้ล่อผู้ชายได้อยู่หมัดถึงขั้นทิ้งยัยบัวได้ลงคอ “นัดทางนั้นเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” “ครับ ผมติดต่อไว้แล้วว่าจะขอซื้อบ้าน เจ้าของที่เธอก็ว่าจะมาทำสัญญาเองตามนัดเลยครับ” “ดี” ปุญญ์ว่าอย่างหมายมาด เขามีหนทางในใจแล้วที่จะจัดการกับทั้งคู่ ขอให้ได้เจอกันเสียก่อนเถอะ รับรองผลได้อย่างแน่นอนว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ถึงวันเวลานัดหมายปุญญ์มารออยู่แล้วที่บ้านทรงไทยหลังที่ว่าที่ให้คนของเขาติดต่อเจ้าของเอาไว้ ลงรถได้ครู่เดียว เขาเดินออกสำรวจรอบบ้านทันที พบว่าที่นี่บรรยากาศดีมาก น่าพอใจในระดับสูงทีเดียว เหมาะที่จะซื้อเก็บไว้อย่างที่คนของเขาแนะนำ ราคาประเมินของบ้านนี่ก็พอดูอยู่ แต่เจ้าของกลับขายในราคาที่ต่ำกว่านั้นมาก หรือว่าร้อนเงิน จะอะไรก็ช่าง ยังไงเขาก็จะซื้อที่นี่เพราะโรงงานใหม่ที่เพิ่งขึ้น อยู่ในที่ถัดไปไม่กี่ร้อยเมตรนี่เอง ถ้าซื้อไว้เขาคงต้องรื้อของเดิมออกให้หมด แล้วสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์ของตัวเองสำหรับไว้พักผ่อนอีกสักหลังก็ไม่เสียหายอะไร ดีกว่าห้องพักที่โรงแรมอีกสาขาของเครือในตัวจังหวัดนั่น ชีวิตในเมืองแออัดมากพอแล้ว เขาเอียนกับบรรยากาศในที่แคบเหล่านั้น หากมาดูงานได้พักที่นี่สักระยะเป็นการเติมเต็มพลังงานก็ดูท่าจะดีไม่น้อยเชียวละ “สวัสดีค่ะ” ปุญญ์หันกลับมาตามเสียงทักทายทางด้านหลังทันที คิดหมิ่นๆคงมาแล้วสินะ เมียซุกเมียซ่อนของนายยอร์ธ พอได้เจอตัวจังๆก็ทำเขายืนนิ่งไป ใช่ที่เธอเป็นคนเดียวกับในภาพถ่ายที่ลูกน้องของเขาส่งมาให้ แต่แปลกที่ภาพถ่ายกับตัวจริงดูผิดกันโขอยู่ คนอะไรถ่ายรูปไม่ขึ้น แม้จะไม่ได้มีอะไรสวยงามไปกว่าหญิงสาวรอบกายของเขาสักคน แต่เธอมีบางสิ่งที่สะดุดสายตา สำคัญไปกว่านั้น หัวใจของเขาเหตุใดจึงเต้นแรงขึ้นจนกระเทือนผนังทรวงอก ปุญญ์เคยมีอาการเนื้อเต้นใจสั่น แต่ตอนนั้นมันคือช่วงเข้าวัยรุ่น เพิ่งรู้จักเพศตรงข้าม เพิ่งรู้จักความใคร่ เพิ่งรู้จักกับความหลงใหล พอผ่านมาหลายคนหลายครั้ง ความรู้สึกเช่นนั้นก็หายวับไปตามกาลเวลา ปุญญ์รีบปรับอารมณ์และความรู้สึกของตนเองทันที แล้วทำสีหน้าราบเรียบพูดขึ้น “ผมต้องวางมัดจำเท่าไรยังไง ถ้าจะเช่าที่ตรงนี้” ทางนั้นเงียบไปอึดใจ ก่อนตอบเขา “ถ้าเช่าวางมัดจำสามเดือน จ่ายล่วงหน้าหนึ่งเดือน แต่เห็นคุณว่าจะซื้อ” คนอะไรหน้าตาสวยแต่พูดจาแข็งกระด้างจัง อย่างนั้นแล้วเขาก็ยังอดใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อได้พูดคุยกับเธอ “คุณรับเงินสดใช่ไหม” ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรืออย่างไร พอพูดเรื่องเงิน ใบหน้าบึ้งตึงของเธอที่มีมากพออยู่แล้วบึ้งหนักขึ้นไปอีก ได้ยินเธอถามกลับห้วนๆ “ว่าไงนะ?” “ถ้าต้องวางเงินมัดจำ ผมต้องใช้เงินสดใช่ไหม” ปุญญ์ได้ยินเสียงตัวเองถามอะไรโง่ๆออกไปแบบนั้น และเธอก็ตอบเขาออกมาทันทีเช่นกัน “ค่ะ” แล้วย้อนถามต่อ “ตกลงคุณจะเช่าไม่ได้มาซื้อ” ได้ผลนักสำหรับการปิดการขายของเธอ คำถามกึ่งยั่วนั่นไม่เท่าท่าทีเฉยเมยไร้อารมณ์ที่ชัดแจ้งจนเขาคันมืออยากทำอะไรกับเธอสักอย่างเพื่อละลายพฤตกรรมนั่นเสีย ปุญญ์ไม่เคยเจอหญิงสาวคนใดที่จะปิดสวิตช์โปรยเสน่ห์ใส่เขาแบบนี้มาก่อน ใช่ว่าเธอจะทำเป็นชังน้ำหน้าเพื่อให้เขาตามเอาชนะ แต่ปุญญ์รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบใจขั้นรังเกียจที่เธอมีให้นั่นมันชัดเจนยิ่งนัก คนเราเพิ่งเจอหน้ากันจะมีความรู้สึกเช่นนี้ให้ได้ทันทีเลยได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่าเธอเป็นคนเช่นนั้น คือมองโลกเป็นสีดำไปหมด ไม่อีกอย่างก็คงเกียจเขาเป็นทุนเดิม แล้วเธอจะเกียจเขาด้วยเรื่องอะไรกัน ในเมื่อเพิ่งพบหน้ากัน “ผมจะเช่าที่นี่ดูก่อนยังไม่ซื้อตอนนี้ จะกี่บาทกับเชียวกับบ้านเก่าๆทึบๆอยู่ในซอยเสียลึกแบบนี้น่ะ”ปุญญ์ไม่เคยกร่างเช่นนี้มาก่อนเลยให้ตายเถอะ ไม่เคยต้องอวดรวยกับใคร แต่ผู้หญิงตรงหน้าเขานี่ทำให้เขาอยากอวดว่ารวย เธอเป็นนังแม่มดชัดๆ ที่เก่งกาจสามารถปลุกสิ่งที่แทบไม่มีในตัวของเขาออกมาได้ พิชชาอรนิ่งไปเพราะพยายามระงับความรู้สึกไม่พอใจของตนเองอยู่ คิดเดือดดาลอยู่ภายในใจ คนที่แจ้งมาไม่ได้ใช้ชื่อของเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงบอกปัดไม่ขายไม่ให้เช่าใดใดทั้งสิ้น เพราะนั่นคือปุญญ์!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD