หมอธันวากึ่งลากกึ่งจูงวาทยามาจนถึงคอนโด
"พาไปที่อื่นไม่ได้เหรอคะ? ทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วย"
"เมื่อก่อนเธอชอบมามากไม่ใช่เหรอ?"
"เมื่อก่อนมันเป็นอดีตไปแล้ววาไม่อยากพูดถึงมันอีก"
เขาเปิดประตูเข้ามาด้านในคอนโด แล้วมาหยุดที่โซฟาในห้องรับแขกแล้วดันร่างบางของวาทยาให้นั่งลงดีๆ
"เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำให้"
"ไม่ค่ะ มีอะไรก็ว่ามาเลย"
หมอธันวาหยุดนิ่งไป แล้วกลับมานั่งลงใกล้ๆวาทยา สายตาของเขาจับจ้องไปบนใบหน้าสวยหวานดั่งเกาหลีเกาใจของวาทยา
"พี่เสียใจนะ ที่วาปิดบังพี่เรื่องลูกพี่ไม่มีโอกาสดูแลเค้าเลยทั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้"
เสียงทุ้มต่ำและแววตาสีหน้าของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวด จนวาทยารู้สึกผิดขึ้นมา
"ค่ะ งั้นวาคงต้องขอโทษเรื่องนี้ด้วย ต่อไปพี่ก็ไปดูแลลูกได้อย่างที่พี่ต้องการได้เลยค่ะ วาจะไม่ห้ามอีกต่อไป"
"แล้ววายังคิดกับพี่เหมือนเดิมมั้ย?"
"ไม่ค่ะ วาไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่อีกแล้ว วาขอตัว"
พูดเสร็จก็ลุกขึ้นจะจากไป
"พี่ไม่เชื่อว่าวาไม่ได้รักพี่แล้ว"
เขายังคงโต้แย้งเธออยู่อย่างไม่เชื่อเธอแม้แต่นิด วาทยาเอี้ยวตัวกลับมาจ้องหน้าเขานิ่ง สายตาคมของเขาที่ดูอ่อนลง แต่กลับกลายเป็นวาทยาที่มีสายตาที่แข็งกร้าวขึ้นไร้แววอ่อนหวานดั่งเก่าก่อน
"วายืนยันว่าวาไม่ได้รักพี่แล้ว"
วาทยาเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยใดๆ เธอดูสงบเคร่งขรึมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างแปลกหูแปลกตาไป ทั้งคำพูดของเธอยังทำให้เขาเจ็บปวดไปทั้งกายใจ มันเป็นเพราะอะไรกัน
'หรือว่าเราจะรู้สึกอะไรกับวาทยาไปแล้ว'
หมอธันวานึกสำรวจหัวใจของตัวเองดูอีกครั้ง ความรู้สึกที่เคยมีให้กับรักแรกนั้นหายไปทั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาไม่เคยคิดถึงมินดาอีกเลย ตอนนี้หัวใจของเขากลับคิดถึงแต่วาทยาผู้เป็นแม่ของลูกเขาเท่านั้น
แต่ทว่าเหมือนตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะสายเกินไปแล้ว
'พี่ไม่เชื่อหรอกว่าวาจะไม่รักพี่อีกแล้วพี่ไม่เชื่อ' หมอธันวายังคงโต้แย้งอยู่ภายในใจอย่างไม่เชื่อและไม่ยอมรับกับสิ่งที่วาทยาพูดออกมา
-ร้านอาหารแห่งหนึ่ง-
วาทยากับพราวรุ้งนัดกันมาทานข้าวเย็นหลังเลิกงานกันที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง
"นี่ยัยวา ชั้นไปสืบเรื่องหมอมุกมาแล้วนะ เด็กคนนั้นเป็นลูกหมอมุกกับหมอคนนึงในโรงพยาบาลนั่นแหละไม่ใช่ลูกหมอธันวาเลย หมอธันวาไม่เคยมีแฟนหรือมีใครเลย"
วาทยารู้สึกใจชื้นขึ้นมาเรื่องนี้
"เขาก็ยังคงรักมั่นกับคุณมินดาเหมือนเดิมน่ะแหละ"สายตาของวาทยาหลุบต่ำลงอย่างเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
"แกยังรักพี่หมออยู่ใช่มั้ย? บอกชั้นมาตรงๆ"
วาทยาพยักหน้าให้พราวรุ้งอย่างยอมรับความจริงว่าในหัวใจของเธอยังคงมีแต่เขาเหมือนเดิม
"แต่ว่าชั้นคงไม่กล้ารักเค้าอีกแล้ว ชั้นกลัวความเจ็บปวด กลัวจะเจ็บแบบเดิม"
พราวรุ้งเอื้อมมือมาแตะบนหลังมือวาทยาเบาๆอย่างปลอบโยน
"พี่หมออาจจะเปลี่ยนใจแล้วก็ได้ ไม่งั้นคงไม่ประกาศบอกคนในโรงพยาบาลว่าแกเป็นเมียหรอก ถ้าเป็นแบบนั้นแกจะยังอภัยให้พี่หมอมั้ย?"
"เค้าก็ยังไม่ได้บอกว่ารักชั้นสักคำ"
"ใจแข็งให้ได้ตลอดก็แล้วกัน"
พราวรุ้งส่ายหัวให้กับความดื้อร้นและฐิติของเพื่อนสาวของเธอ
ตี๊ดๆๆ!
เสียงโทรศัพท์มือถือของวาทยาดังขึ้น ปลายสายคือผู้ที่เธอกำลังกล่าวถึงอยู่ตอนนี้ วาทยากดรับสายทันที
"อะโหลคุณแม่ขาาา"
เสียงปลายสายกลับกลายเป็นจินนี่ลูกสาวของเธอเอง
"จินนี่!ทำไมมาคุยโทรศัพท์เองคะลูก"
"จินนี่อยู่กับคุณพ่อค่ะ คุณพ่อมารับจินนี่มาทานข้าว และคุณพ่อบอกว่าให้ตามคุณแม่มาด้วย...ที่คอนโดคุณพ่อนะคะคุณแม่"
วาทยาเก็บอาการโมโหของเธอไว้เพราะไม่อยากแสดงให้ลูกเห็นว่าแม่กำลังโกรธพ่อของเธออยู่
"ค่ะลูก แม่จะรีบตามไปเดี๋ยวนี้"
วาทยาวางสายลงพร้อมๆกับถอนหายใจออกมาด้วยความขุ่นข้องไม่พอใจหมอธันวามาก
"เกิดอะไรขึ้น ถึงได้ของขึ้นขนาดนี้ห่ะยัยวา"
พราวรุ้งสังเกตุเห็นสีหน้าเพื่อนสาวแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าใครทำให้วาทยาอารมณ์เสียขนาดนี้
"คนบ้าน่ะ! แกชั้นกลับก่อนนะ จะไปจัดการให้ราบเชียว"
"เออๆไปจัดการเค้านะ ไม่ใช่ให้เค้าจัดการกลับมาอีก"
"บ้าน่าา!"
พราวรุ้งหัวเราะตามหลังมา เธอรู้ว่าหมอธันวาต้องรักวาทยาแน่ๆไม่เช่นนั้นคงไม่พยายามเข้าหาเพื่อนของเธอขนาดนี้หรอก พราวรุ้งก็ได้แต่หวังว่าวาทยาจะมีความสุขกับความรักจริงๆสักที
-คอนโดหมอธันวา-
ก๊อกๆๆ
"คุณแม่น่าจะมาแล้วค่ะคุณพ่อ"
"ตามแผนนะ เดี๋ยวหนูแกล้งง่วงนอนแล้วก็เข้าไปนอนในห้องของหนูเลยนะจินนี่ พอจะง้อคุณแม่"
"โอเคค่ะคุณพ่อ ง้อคุณแม่ให้สำเร็จนะ จินนี่อยากอยู่กับพ่อกับแม่จะแย่แล้ว"
"ได้ๆพ่อสัญญา"
หมอธันวาเดินไปเปิดประตูให้วาทยาเข้ามา หน้าสวยนั้นบึ้งตึงจนหมอธันวาสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต
"จินนี่อยู่ไหนคะ วามารับกลับบ้าน"
หมอธันวามองไปข้างในห้อง
"อ้อคงต้องรอสักพักน่ะ พอดีลูกง่วงและก็หลับไปแล้ว"
วาทยาเดินเข้าไปหาจินนี่ในห้องทันที เธอเปิดประตูห้องที่หมอธันวาบอกว่าจินนี่นอนหลับอยู่เข้าไป ก็เจอร่างตุ้ยนุ้ยแก้มป่องกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง หมอธันวาเดินตามเข้ามา
"ก็พี่บอกแล้วว่าลูกหลับอยู่"
วาทยาเดินออกมาจากห้อง จินนี่ส่งสัญลักษณ์สู้ๆให้ผู้เป็นพ่อ วาทยาเดินออกมานั่งอยู่ในห้องรับแขกของคอนโด
"วาจะรอลูกตื่น"
"นอนนี่แหละ ตอนนี้สามทุ่มแล้วลูกน่าจะตื่นเช้า"
"ใครบอกให้พี่ไปรับลูกมา"
"ก็วาบอกพี่เองว่าให้พี่ดูแลลูกได้ ลูกพี่เหมือนกันพี่ก็มีสิทธิ์พอๆกับวา พี่ก็มีส่วนทำลูกมานะ"
"วิธีไหนล่ะคะ? คืนนั้นพี่แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่นอนกับใคร"
พอพูดถึงเรื่องนี้น้ำตาเจ้ากรรมมันก็ไหลลงมาทันที ความเสียใจมันจู่โจมเข้ามาเล่นงานโดยที่วาทยาไม่ทันตั้งตัว
"พี่ขอโทษ"
เสียงสั่นพร่าของหมอธันวาเอ่ยขึ้น เขาขยับเข้าไปใกล้ร่างบางของวาทยา จนเธอขยับถอยหนีแต่ว่าไม่ทันมือแกร่งของเขาที่เข้ามาตวัดรั้งไว้เสียก่อน