ตอนที่ 2

1998 Words
EP 2: ท่านประธานขา... อย่าใจร้ายนักเลย                        ตรัยคุณเพิ่งหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้หนังแท้สีดำตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานไม้ของตัวเองได้เพียงแค่เสี้ยววินาที เสียงโทรศัพท์กริ้งกร้างจากมารดาก็กรีดร้องขึ้น               เขารู้ทันทีว่าหากมารดาโทรหาตอนเช้าแบบนี้จะเป็นเรื่องอะไร               ‘มุกตาภา’               เสียงฟันขบกันแน่นจนดังเล็ดลอดไปตามสายโทรศัพท์จนมารดาถามกลับมา               “เสียงอะไรดังกรอดน่ะพ่อใหญ่ แม่ได้ยินไม่ชัด”               ก็เสียงกัดฟันเขาไงล่ะ               “เสียงขาโต๊ะทำงานผมน่ะครับ”               เขาตอบเลี่ยงๆ ไปเพราะไม่ต้องการก่อวิวาทกับมารดาแต่เช้า               “ไม่มีเสียงอะไรก็ดีแล้วล่ะ นี่ที่แม่โทรหาเนี่ยก็เพราะต้องการจะตำหนิพ่อใหญ่นะรู้ไหม”               “ครับ”               “พ่อใหญ่รังแกหนูมุกของแม่อีกแล้วนะ”               เขาทำหน้าเบื่อหน่าย แววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด               มุกตาภาคงไปฟ้องคุณแม่ของเขาอีกแล้ว               “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ”               “ถ้าไม่ได้ทำอะไร ทำไมหนูมุกร้องไห้ล่ะ แล้วยังจะขนมของแม่อีก ร่วงเต็มพื้นเลย”               เสียงของมารดาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน               “แม่นั่นเดินมาขวางหน้ารถผมเองนี่ครับ ดีแค่ไหนแล้วที่ผมเบรกทัน ไม่งั้นคงเหยียบแบนทั้งคนทั้งขนมนั่นแหละ”               “ตายจริง พ่อใหญ่ทำไมพูดน่ากลัวแบบนี้ล่ะลูก นี่ถ้าหนูมุกเป็นอะไรไปนะ แม่เอาพ่อใหญ่ปานตายแน่”               เขาหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น จนแทบจะระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้               “นี่ผมถามจริงๆ เถอะครับคุณแม่ ผมเป็นลูกแท้ๆ ของคุณแม่ หรือว่าแม่มุกตาภานั่นครับ”               “ถามแบบนี้เดี๋ยวตีเลย พ่อใหญ่ก็ต้องเป็นลูกแม่สิ” คุณหญิงตารกาทำเสียงดุมาตามสาย               “ถ้าผมเป็นลูกแท้ๆ ของคุณแม่ แล้วทำไมคุณแม่จะต้องแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยยายเด็กมุกตาภาออกหน้าออกตานักล่ะครับ ญาติก็ไม่ใช่สักหน่อย”               ยิ่งพูดก็ยิ่งหงุดหงิด จนอยากจะหักคอแม่สาวตากลมตัวต้นเหตุให้ขาดเป็นสองท่อนนัก               “ก็หนูมุกน่ารัก เป็นเด็กดี แถมกิริยามารยาก็ยังอ่อนหวาน ผู้หญิงแบบนี้หาได้ยากแล้วนะพ่อใหญ่ในสมัยโลกยุค4จีน่ะ”               “เสแสร้งแกล้งทำมากกว่าครับ”               “ดูพูดเขาพ่อใหญ่ ไปกว่าหนูมุกแบบนี้ไม่ดีเลยนะ เป็นผู้ชายอย่าว่าผู้หญิงสิ มันไม่เป็นสุภาพบุรุษนะลูก”               “ผมก็ไม่เคยว่าผู้หญิงคนไหนมาก่อนนี่ครับ นอกจากเด็กดีของคุณแม่คุณเดียว”               “แน่ะ แม่ว่าแล้วยังไม่สลดอีก นี่ถ้าหนูมุกได้ยินเข้าจะเสียใจเอานะพ่อใหญ่”               “ผมไม่สนใจหรอกครับ ไม่ใช่ญาติสักหน่อย”               “ไม่ใช่ญาติ แต่แม่ก็รักหนูมุกเหมือนลูกนะพ่อใหญ่ เอ็นดูน้องเถอะ”               คำพูดของมารดาจุดไฟโทสะให้ลุกโหมกระพือหนักยิ่งขึ้น               “ผมไม่อยากมีน้องครับ โดยเฉพาะน้องสาวแบบยายเด็กมุกตาภานั่น แค่นี้นะครับคุณแม่ ผมต้องเตรียมตัวเข้าประชุม”               “เดี๋ยวสิพ่อใหญ่ เย็นนี้อย่ากลับค่ำนักนะ มากินข้าวเย็นกับแม่”               “ครับ”               เขาตอบรับ ก่อนจะวางสายด้วยความหงุดหงิดสุดขีด               “บ้าชิบ ตั้งแต่มีเธอเข้ามาในครอบครัวของฉัน คุณแม่ก็เพ้อหาแต่เธอ ยายเด็กบ้า ฉันไม่ได้อยากมีน้องสาวสักหน่อย”               มือใหญ่กำแน่นเป็นกำปั้น ดวงตามีแต่กองไฟโทสะ               “คอยดูเถอะ ฉันจะบีบให้เธอต้องเป็นฝ่ายเดินจากไปเอง มุกตาภา”               หลังจากนั่งจมอยู่ในกองเพลิงโทสะอยู่หลายนาที ตรัยคุณก็ผุดลุกขึ้นยืน และเดินออกไปจากห้องทำงาน               ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ห้านาทีจะแปดโมงเช้าแล้ว หากแม่นั่นมาช้าเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว เขาจะทำทัณฑ์บนทันที หรือหากทำได้ก็อยากจะไล่ออกให้รู้แล้วรู้รอด               ชายหนุ่มก้าวมาหยุดที่หน้าประตูบริษัทฯ จ้องมองออกไปยังป้อมยาม               “ส้ม พนักงานที่ชื่อมุกตาภาเข้ามารูดบัตรหรือยัง”               เขาเอ่ยถามพนักงานสาวที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านหลัง               “ยังไม่มาค่ะ”               รอยยิ้มพึงพอใจเกลื่อนใบหน้าของตรัยคุณ ขณะยกนาฬิกาข้อมือเรือนงามขึ้นมองเข็มนาฬิกา และนับถอยหลังในใจ               “เธอมีอะไรก็ไปทำเถอะส้ม”               “ค่ะ ท่านประธาน”               พนักงานสาวเดินจากไปแล้ว แต่เขายังยืนลุ้นอยู่ที่เดิม ก่อนจะต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นรถของกันติทัตเพื่อนสนิทแล่นผ่านป้อมยามเข้ามา               “ทำไมวันนี้ไอ้กันมันมาทำงานสายนักวะ”               เขาพึมพำ ก่อนจะต้องเบิกตากว้าง เมื่อมีผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถของกันติทัต และก็คุ้นตามากเลยทีเดียว               “มุกตาภา...”               เขาครางชื่อของหญิงสาวออกมาอย่างหงุดหงิด ขณะมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ               “บ้าชิบ ทำไมไม่มาสายกว่านี้นะ เพราะไอ้กันคนเดียวเชียว”                 ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ขณะมองร่างเล็กของมุกตาภาที่วิ่งกระหืดกระหอบผ่านร่างไปรูดบัตร               เสียงถอนใจด้วยความโล่งอกของเจ้าหล่อนดังขึ้น แต่พอเจ้าหล่อนเห็นเขาเท่านั้นแหละ สีหน้าก็ซีดเผือดจนเรียกว่าเป็นญาติสนิทกับไก่ต้มได้เลยทีเดียว               “ท่าน... ประธาน...”               เขากอดอก ยืนมองหล่อนที่หน้าซีดราวกับจะร้องไห้ด้วยสายตาเย็นชา               “กล้าดียังไงมากับเพื่อนของฉัน”               “มุก...”               “หรือว่าพอรู้ว่าไม่มีทางสมหวังได้เป็นคนในตระกูลวิเชียรกิติรัตน์ เธอก็เลยหาเป้าหมายใหม่”               เขาย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นเทา และหน้าซีดคล้ายกับจะเป็นลมตรงหน้า               “มะ... ไม่ใช่นะคะท่านประธาน...”               “ทำไมจะไม่ใช่ ผู้หญิงอย่าเธอน่ะ มันก็ปลิงดีๆ นี่เองแหละ ดูดเลือดใครได้ก็ดูดไม่ปล่อย เหมือนกับที่แม่ฉันโดนมาหลายปีไงล่ะ”               “ไม่ใช่ค่ะ... มุกไม่ได้หวังอะไรจากคุณหญิงเลย มุก... มุก...”               “ไม่ต้องมาบีบน้ำตา คนอย่างฉันรู้เช่นเห็นชาติเธอดี จำเอาไว้นะ”               “อ๊ะ... มุกเจ็บค่ะท่านประธาน”               หล่อนเจ็บระบมไปทั้งท่อนแขน เมื่อถูกเขาขยุ้มต้นแขนเอาไว้แรงๆ               “เจ็บเป็นด้วยหรือ นึกว่าส่วนอื่นของเธอมันจะด้านเท่ากับใบหน้า”               หล่อนเจ็บเหลือเกิน ทำไมตรัยคุณจะต้องมองหล่อนในแง่ร้ายแบบนี้               “มุก... จะไม่มากับคุณกันแล้วค่ะ ท่านประธานปล่อยแขนมุกนะคะ มุกเจ็บ”               เขายิ้มเยาะ เลือดเย็น ก่อนจะผลักร่างเล็กของมุกตาภาออกห่างแรงๆ เป็นผลให้หล่อนล้มลงกองกับพื้น ไม่ไกลจากฝ่าเท้าเขานัก               “จำคำพูดเอาไว้ล่ะ เพราะถ้าฉันเห็นเธอเข้ามาวุ่นวายกับคนที่ฉันรู้จักอีก ฉันจะทำให้เธอหายไปจากโลกนี้เลย มุกตาภา”               นี่เขาจะฆ่าหล่อนสินะ...               ทำไมตรัยคุณถึงใจร้ายเหลือเกิน...               หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำได้แค่เพียงก้มหน้ารับความใจร้ายของตรัยคุณเท่านั้น               “เฮ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ ใหญ่ ทำไมน้องมุกถึงลงไปนั่งกับพื้นแล้วนั่นล่ะ”               กันติทัตจอดรถเสร็จก็เดินมารูดบัตร แต่ก็เห็นมุกตาภานั่งอยู่กับพื้นเสียก่อน เขารีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง               “คนซุ่มซ่ามน่ะ นายอย่าไปใส่ใจเลย เตรียมตัวเข้าประชุมเถอะไอ้กัน”               ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจที่เห็นกันติทัตให้ความสนใจเป็นห่วงเป็นใยมุกตาภานัก คงเป็นเพราะเขาเกลียดหญิงสาวนั่นเอง               “นายไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันดูน้องมุกก่อน”               “นายจะไปสนใจพนักงานระดับล่างทำไม แค่นี้ไม่ตายหรอก”               มุกตาภามองคนใจร้ายผ่านม่านน้ำตา               เขาร้าย แต่หล่อนก็ยังคงรัก... รักเขา เทิดทูนเขาไม่เปลี่ยนแปลง               “มุก... ไม่เป็นไรค่ะคุณกัน”               หล่อนขยับตัวออกห่างจากกันติทัต เพราะเห็นสายตาพิฆาตของตรัยคุณที่จ้องมอง หล่อนไม่อยากมีปัญหามากกว่านี้อีกแล้ว               “ผมไปส่งที่แผนกนะครับ”               “ไม่เป็นไรค่ะ คุณกันไปเตรียมตัวประชุมเถอะค่ะ มุกไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”               “แน่ใจนะครับว่าไหว”               “ค่ะ”               แล้วหล่อนก็รีบเดินออกจากตรงนั้น มาด้วยความเจ็บปวด เสียงของสองหนุ่มสนทนากันดังแว่วตามหลังมาเข้าหู               “ทำไมนายถึงต้องจงเกลียดจงชังน้องมุกนักหนาว่า ใหญ่ น้องมุกออกจะเป็นเด็กดี”               “นายตามผู้หญิงมารยาเยอะอย่างแม่นี่ไม่ทันหรอก แต่สักวันนายก็จะรู้ไอ้กัน ว่าผู้หญิงหน้าซื่อตาใสอย่างมุกตาภา ไม่ได้ใสซื่ออย่างที่แกเข้าใจ ไปเตรียมตัวประชุมได้แล้วโว๊ย”               “เออๆ ไปแล้วนี่ไง”               กันติทัตส่ายหน้าไปมา ขณะเดินตามหลังเพื่อนที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อยไปติดๆ                       พักกลางวัน มุกตาภาไม่ได้ออกไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารเหมือนกับทุกคน เพราะหล่อนเตรียมข้าวกล่องฝีมือตัวเองมาจากบ้าน               หล่อนหลบมานั่งกินคนเดียวเงียบๆ เหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้กลับโชคร้าย ที่จู่ๆ ตรัยคุณก็เดินผ่านมาทางนี้พอดี และเห็นหล่อนเข้า               หล่อนหลบเขาไม่ทัน ทำให้ต้องเผชิญหน้ากันอย่างไม่มีทางเลี่ยง               “โรงอาหารมีทำไมไม่ไปนั่งกิน มาหลบกินตรงนี้ ให้หนูมันวิ่งมาแย่งอาหารหรือไง”               ไม่เคยเลย...               ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะพูดจาดีๆ กับหล่อน ในสายตาของตรัยคุณ หล่อนมันต่ำ มันสกปรกยิ่งกว่าหนูในท่อน้ำเสียอีก               “มุก... อ๊ะ!”               จู่ๆ ตรัยคุณก็ยื่นมือเข้ามากระชากกล่องอาหารของหล่อนที่กินแหว่งไปครึ่งกว่าไปถือเอาไว้ และตวัดตาจ้องมอง               “หน้าตาอาหารก็แสนจะธรรมดา ค่อนไปทางขี้เหร่เหมือนกับหน้าตาของเจ้าของ แต่ทำไมคุณแม่ถึงว่าอร่อยนักนะ”               แล้วก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตรัยคุณจะใช้ช้อนที่หล่อนกินตักข้าวในกล่องใส่ปากตัวเอง และก็เคี้ยวหน้าตาเฉย               “ท่านประธาน!”               “รสชาติก็งั้นๆ แหละ เอาคืนไปเลย”               เขาคืนกล่องใส่ข้าวมาให้หล่อน จากนั้นก็มองจ้องมา               “หมดเวลาพักเที่ยงแล้วขึ้นไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วย มีงานจะให้ทำ”               หล่อนเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เพราะรู้ดีว่าเขาจะต้องหาอะไรไว้กลั่นแกล้งเหมือนกับที่เคยทำอย่างแน่นอน       แต่หล่อนไม่มีทางที่จะปฏิเสธความต้องการของเขาได้               “ค่ะ ท่านประธาน”               “โอเค กินข้าวต่อไปเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว”               หล่อนมองตามร่างสูงใหญ่ของตรัยคุณที่เดินจากไปผ่านม่านน้ำตา               เมื่อสี่เดือนก่อน ตรัยคุณแกล้งให้หล่อนไปทำความสะอาดบริษัทส่วนที่เป็นออฟฟิศทั้งหมดจนกลับบ้านค่ำ               และเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว เขาก็เพิ่งสั่งให้หล่อนนั่งคัดเอกสารกองเป็นภูเขาจนถึงเที่ยงคืน               แล้วครั้งนี้ล่ะ เขาจะกลั่นแกล้งอะไรหล่อนอีก แล้วหล่อนจะทนได้แค่ไหนกัน               ‘ในเมื่อฉันขัดคำสั่งคุณแม่ไม่ได้ ฉันก็จะทำให้เธอเป็นคนลาออกไปจากบริษัทฯ ด้วยตัวเอง’               นี่คงเป็นเพราะ เขาต้องการขับไล่หล่อนให้ออกไปจากที่นี่สินะ               หากหล่อนไม่รักเขา...               ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เขา...               หล่อนก็คงหายไปจากชีวิตเขานานแล้วล่ะ...               น้ำตาไหลพรากออกมาอีกครั้ง อาบสองแก้มนวล หัวใจปวดร้าวเหลือเกิน  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD