รถบิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำสนิทของพี่ฟีนิกซ์ก็ขับมาจอดที่หน้าหอของฉัน อันที่จริงพี่เขาให้ฉันรออยู่ที่ผับและตัวเองก็เดินไปเอารถที่คอนโดมา ตอนนี้ฉันกระโดดลงจากรถและถอดหมวกกันน็อคส่งให้เขา
“พี่ไม่ต้องขึ้นไปหรอก ห้องหนูเล็กมาก”
“จะขึ้นไปด้วย มีอะไรปะ?”
“เอาจริงอะ”
“ทำไม ซ่อนตัวผู้ไว้หรือไง ถึงได้ไม่อยากให้ผัวขึ้นไป”
“พูดแบบนี้อีกแล้วนะ บอกแล้วว่าแฟนกัน ใครได้ยินอายเขาตายเลย”
“อายทำไม? ฉันไม่อาย และเธอก็ห้ามอายด้วย นำไปสิ ยืนรอให้ได้โล่หรือไง” ฉันทำปากจู๋ใส่เขา และเดินนำเขาไปที่ห้องของตัวเอง พอเปิดห้องเข้าไปพี่ฟีนิกซ์ก็กวาดสายตามองไปรอบห้อง หยิบนู้น จับนี้มาเหวี่ยงไปมา
“จนชะมัด ห้องแคบกว่าห้องน้ำคอนโดฉันอีก”
“ก็คนมันจน จะให้ทำยังไงล่ะ”
“แต่ก็ไม่จนแล้วล่ะ มีผัว เอ้ย มีแฟนรวยสบายไปตลอดชาติ” พี่ฟีนิกซ์กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงของฉัน ก่อนจะนอนมองฉันที่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้อยู่ ห้องที่อยู่มานานจากนี้ไปคงจะไม่ได้อยู่แล้วล่ะสิ คิดแล้วเศร้าแหะ ดีที่ของฉันมีไม่มากเท่าไหร่นะ ฉันคว้านหากล่องสำคัญก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อมันไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ เพราะวันนี้ลืมพกติดตัวไปด้วย
“หายไปไหน?”
“นี่กล่องอะไรของเธอเนี่ย น่ารักดีนะ”
“เอ๋? ยะ อย่าเปิดนะพี่ฟีนิกซ์”
หมับ
ตุ้บ
“ได้แล้ว” ฉันกระโดดไปตะครุบกล่องสำคัญที่มือของพี่เขาอย่างตกใจ ขืนถ้าเปิดดูของข้างใน เขาก็จะรู้น่ะสิ และที่จำไม่ได้ก็อาจจะจำได้ก็ได้ ความสัมพันธ์ที่ฉันกับเขาเป็นอยู่ฉันยังไม่อยากให้มันหายไปนะ และก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ว่าฉันกระโดดทับร่างหนาที่นอนอยู่ ใบหน้าของฉันก้มต่ำมามองใบหน้าของพี่ฟีนิกซ์ที่อยู่ใกล้กับทรวงอกของฉัน แว้ก!
“นมทิ่มหน้า”
“อะ เออ หนูขอโทษ...” ร่างฉันกระเด้งออกจากตัวของพี่ฟีนิกซ์ทันทีอย่างเขินอาย หลับตาลงกับสิ่งที่ตัวเองทำ มือก็กอดรัดกล่องของขวัญกล่องนี้ไว้แน่น ค่อยๆ ลืมตามองใบหน้าของพี่เขาที่ยังคงยิ้มให้กับฉันอย่างเจ้าเล่ห์
“พี่ลามกอะ”
“ลามกอะไร ใครกันวะที่เอานมมาทิ่มหน้าฉันก่อนเนี่ย”
“ก็พี่จะเปิดของข้างในดู”
“แล้วไง สำคัญมากนักเชียว”
“ก็ใช่น่ะสิ ของชิ้นนี้สำคัญกับหนูมาก เพราะมันเป็นของ...”
“ของ?”
“ไม่มีอะไร เป็นของพ่อแม่หนูนะ พี่เนี่ยไม่มีมารยาทเลย เปิดของคนอื่นดูได้ไงกัน”
“อ้าว ยัยดาวเคราะห์น้อยนี่กล้าดียังไงมาด่าฉันวะ!” ฉันลงจากเตียงไปหยิบกระเป๋ามาสะพาย และเดินออกจากห้องไปพร้อมกับพี่ฟีนิกซ์ที่เดินตามมาอย่างหงุดหงิด ฉันจะต้องเอากุญแจห้องไปคืนเจ้าของหอ แต่ไม่อยากจะไปเจอกับเจ้าของหอพักสักเท่าไหร่เลยสิ เขาเป็นเจ้าของหอพักที่ชอบมาตอแยตามตื้อฉัน ทั้งที่ตัวเองก็อายุสามสิบแล้ว ตัวก็อ้วนเตี้ย แถมยังสกปรกอีกต่างหาก แต่จะทำยังไงได้ล่ะฉันต้องหาที่พักถูกๆ และที่นี่ก็ถูกด้วย แต่ก็ต้องทนกับเจ้าของหอพักที่ชอบมาขอคบฉันเป็นแฟนเสมอ คิดดูว่าฉันจะตกลงหรือเปล่าล่ะ? ไม่มีทางหรอก
“คือคุณเจเรด หนูเอากุญแจห้องมาคืนค่ะ”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะเนปจูน เนปจูนจะไปไหน” นั่นไง เพียงแค่ฉันพูดแค่นี้ร่างต้วมเตี้ยมก็เดินออกมาจากห้องพักที่อยู่ด้านล่างหอ ก่อนจะตรงมาจับมือฉันและทำหน้าเศร้า แต่ทว่าอีขี้ตาที่ติดอยู่นั่นมันคืออะไร
“คือหนูจะย้ายออกวันนี้ค่ะ แล้วก็ปล่อยมือหนูด้วย”
“ทำไมเนปจูนทำกับผมแบบนี้ล่ะ ผมชอบเนปจูนมานานนะ เนปจูนจะไปอยู่ที่ไหน ให้ผมไปส่งนะจะได้รู้ว่าเนปจูนอยู่ดีกินดีหรือเปล่า?”
“ไม่ต้อง หนูรีบต้องไปแล้ว”
“ไม่เอา ผมไม่ปล่อย เนปจูนต้องตอบตกลงเป็นแฟนกับผมก่อน ผมถึงจะปล่อยมือ”
“เฮ้ยไอ้อ้วนสกปรก มึงปล่อยมือแฟนกูเลยนะ!” น้ำเสียงเข้มของพี่ฟีนิกซ์ดังขึ้น เออใช่ฉันลืมพี่ฟีนิกซ์ได้ไงกัน เขาเดินมาหยุดตรงข้างฉันและปัดมือของเจ้าของหอพักออกจากมือฉันไปอย่างนิ่งๆ
“แกเป็นใครกัน?”
“เป็นแฟนเนปจูน”
“มะ ไม่จริง ไม่ใช่ ทำไมเนปจูนถึงไปคว้าเอาไอ้คนหน้าตาอุบาทว์แบบนี้มาทำแฟนล่ะครับ” อือหือ ช่างกล้าพูดนะ นี่ถ้าคนหน้าตาแบบพี่ฟีนิกซ์อุบาทว์ คนอย่างอีตาเจเรดนี่คงจะโคตะระอุบาทว์ของอุบาทว์เลยน่ะสิ พี่ฟีนิกซ์กอดคอฉันและเอียงคอมองใบหน้าของเจ้าของหอพักที่ทำหน้าเศร้าสร้อย
“ผมตามเนปจูนมานานแล้ว ทำไมทำกับผมแบบนี้ล่ะ มันดีตรงไหน? มันหล่อตรงไหน คนหล่อไว้ใจไม่ได้นะเนปจูน เลิกกับมันแล้วมาคบกับผมเถอะ ผมจริงใจกับเนปจูนนะ”
“มึงรู้จักคอนเวิร์สหรือเปล่าไอ้อ้วน?”
“ถามทำไม...”
“อ่อก็ถ้าไม่รู้จัก กูจะได้ทำให้มึงรู้จักไงไอ้เวร!”
“พี่ฟีนิกซ์ เราไปกันเถอะ ขอตัวนะคุณเจเรด” ฉันคว้าแขนของพี่ฟีนิกซ์ไว้ ก่อนที่เขาจะตรงเข้าไปใช้รองเท้าคอนเวิร์สที่สวมใส่อยู่กระทืบใบหน้าของเจ้าของหอพักซะก่อน พี่ฟีนิกซ์สะบัดมือออกและเดินไปนั่งที่รถบิ๊กไบค์ของตัวเอง ก่อนจะหยิบบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงมาจุดสูบ
“ทนกับคนแบบนั้นได้ไงกัน?”
“ก็ทำไงได้ล่ะ หนูไม่มีที่ไปนี่นา แล้วที่นี่ก็ค่าเช่าถูกด้วย”
“เห็นแล้วขยะแขยงจริงๆ ไม่รู้จักเจียมตัวเอง ด่ากูว่าไม่หล่อ มันเอาส่วนไหนคิดวะ”
“ส่วนหัวแม่เท้ามั้ง”