“ไหนพี่บอกเป็นแฟน” ฉันที่เรียกลมหายใจกลับมาปกติแล้ว ก็ถามพี่ฟีนิกซ์ออกไป ผัวเผลออะไรกัน? ตัวเองบอกเองว่าเป็นแฟนกันก่อนไม่ใช่หรือไง ร่างสูงของพี่ฟีนิกซ์ยกยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะดึงร่างฉันไปใกล้กับร่างแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
“ก็แฟนไง โดนลิ้นฉันไปเรียกว่าแฟน... แต่โดนด้านล่างเมื่อไหร่ ค่อยเรียกผัว โอเคปะ?”
“พี่พูดอะไร หนูไม่เข้าใจ”
“เฮ้อ นอกจากจะเตี้ยแล้วยังโง่อีกนะ ช่างเถอะ เดี๋ยวสักวันเธอก็จะโดนเอง ถึงตอนนั้นคงจะรู้ว่าผัวคืออะไร” ไอ้ที่ถามไม่ใช่ว่าไม่รู้นะ ฉันรู้สิว่าผัวคืออะไร? แต่จะให้ข้ามขั้นกันเลยเหรอ มันไม่เร็วไปหรือไง พี่ฟีนิกซ์คือหนุ่มแบดบอย ดูจากหญิงที่ควงแล้วเมื่อคืนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปทำอะไรกัน ฉันรู้หรอกนะ แต่ที่ต้องแกล้งโง่เพราะว่าไม่ได้อยากให้เขาทำแบบนั้นหรอกนะ... แม้ว่าในใจจะขัดค้านก็ตามที เฮ้ย ไม่ใช่! ฉันอยากให้พี่ฟีนิกซ์รักฉันที่เป็นฉัน ไม่ใช่เพราะเรื่องบนเตียง อยากให้เขาจำทุกอย่างในตัวของฉันให้ได้ก็เท่านั้น
“งั้นตกลงเป็นแฟนกับฉัน ไม่ต้องถามเหตุผลด้วยว่าทำไมฉันถึงขอเธอเป็นแฟน”
อ่านใจฉันได้หรือไง? กำลังจะถามเลยให้ตายเหอะ ฉันเบ้ปากและมองมือหนาที่คว้าข้อมือฉันไว้ ก่อนจะลากไปตามทางที่ตอนนี้ผู้คนต่างหายไปหมด ราวกับว่าถนนทางเดินตรงนี้มันร้าง ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนเยอะอย่างกับปลิง
“พี่จะพาหนูไปไหน?”
“พาไปแนะนำกับเพื่อนฉันน่ะสิ”
“...” พี่ฟีนิกซ์จูงมือฉันไปตามทางเดิน จนฉันได้แต่ลอบมองแผ่นหลังกว้างของเขาก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นระรัวราวกับมีใครเอาค้อนมาทุบ ความจริงที่ฉันรอมานาน ไม่ได้ต้องการที่จะครอบครอง แต่ต้องการที่จะอยู่ใกล้ชิดกับเขา ทุกอย่างที่ฉันทำ คือการได้มาเจอกับเขา อยากอยู่กับเขาให้มากกว่านี้ อยากทำอะไรให้ผู้ชายคนนี้ที่ช่วยต่อชีวิตให้กับคนอย่างฉันที่ไม่มีใครต้องการ ถึงแม้เขาจะจำฉันไม่ได้ก็ตามที
ร่างสูงจูงมือฉันมาถึงผับก็พาเข้าไปด้านในที่ฉันอยากจะลองเข้าไปสักครั้ง ด้านในเต็มไปด้วยโต๊ะเยอะแยะมากมาย มีเวทีขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง แถมพนักงานยังเยอะด้วย รอบๆ ผับกว้างมาจนฉันกวาดสายตามองไปทั่ว มีทั้งชั้นบนที่ดูเหมือนจะเป็นโซนที่คนมีระดับเท่านั้นถึงจะขึ้นไปอยู่ได้ พี่ฟีนิกซ์จูงมือฉันไปชั้นบน และเปิดประตูเข้าไปในห้องหนึ่งที่มีสองหนุ่มกำลังนั่งดูฟุตบอลกันอยู่
“มาแล้วเหรอ หือ... สาวน้อยน่ารักคนนั้น คือใครไอ้ฟีนิกซ์!”
“หึ”
“บอกกูมานะไอ้ฟีนิกซ์ สาวน้อยคนนั้นคือใคร” ฉันมองผู้ชายหน้าตี๋ที่เคยเจอกันที่ร้านเค้กกำลังลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน ใบหน้าหล่อก้มลงกวาดสายตามองร่างกายฉันอย่างจาบจ้วง จนฉันไม่พอใจอย่างมาก
“ไอ้ริค ถอยหน้ามึงไปจากแฟนกูเลย”
“แฟน!”
“แฟน...” และผู้ชายที่นั่งพิงโซฟาอยู่ก็หันมาสบตากับฉัน เขามีใบหน้าที่หล่อใสสไตล์เกาหลี มีผมสีดำที่ปัดเจลขึ้นไป ข้อมือขวาของฉันสักรูปใบไม้ไว้ด้วย แต่ก็ไม่รู้นะว่าคือใบอะไร? แต่เขาหรี่ตามองฉันและเลื่อนไปสบตากับพี่ฟีนิกซ์ที่ยกยิ้มอยู่
“ใช่ แฟนกูเองชื่อเนปจูน”
“เฮ้ย น่ารักว่ะ ชื่อก็ดี หน้าตาไม่ต้องพูดถึง ผู้หญิงตัวเล็กสเปกไอ้ฟีนิกซ์... นี่แสดงว่าลืมใครบางคนไปแล้วเหรอ? ไม่น่าเชื่อ”
“เออ เรื่องของกู คนเราก็ต้องเริ่มต้นกับอะไรใหม่ๆ ถูกปะ และที่สำคัญยัยดาวเคราะห์น้อยคือแฟนใหม่ของกู เก็ทกันนะพวกมึง” พี่ฟีนิกซ์เดินไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะกวักมือเรียกฉันไปและฉันที่กำลังจะนั่งลงข้างเขา แต่กลับถูกมือหนาคว้าเอวไว้จนฉันหย่อนก้นไปนั่งบนตักแกร่งของเขาเฉยเลย
“พะ พี่”
“นั่งบนนี่ล่ะดีแล้ว โซฟามันนิ่ม นั่งตักฉันแข็งกว่านะ หรือว่าไม่จริง?”
“แต่ว่าหนูไม่...”
“เป็นแฟนก็ต้องนั่งตักกันสิ ถึงจะถูก อย่าขัดขืนมากน่า เดี๋ยวของฉันแข็งแล้วเธอจะไม่รอดเอานะ หึ” ฉันเอี้ยวตัวหันไปมองสบตากับพี่ฟีนิกซ์ที่ยิ้มให้ฉันอย่างเจ้าเล่ห์ บ้าจริงคนอะไรไวชะมัด มือหนาก็โอบกอดเอวของฉันจนแน่นแทบขยับไปไหนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แถมอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ตรงก้นก็ทำให้ฉันถึงกับไปไม่เป็นสักนิด เขามันทะลึ่งชะมัดเลย
“นี่น้องเนปจูนพี่ชื่อริคนะ ส่วนไอ้นั่นชื่อไอ้น็อค พวกพี่สองคนเป็นเพื่อนกับไอ้ฟีนิกซ์ ที่สำคัญเป็นหุ้นส่วนผับแห่งนี้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ และยินดีต้อนรับเข้าสู่การเป็นเมียของไอ้ฟีนิกซ์อย่างเป็นทางการ”
“หนูเป็นแฟนกับพี่ฟีนิกซ์ ยังไม่ได้เป็นเมียสักหน่อย”
“แหม ใครคบกับไอ้ฟีนิกซ์ก็เป็นเมียมันทุกคนล่ะครับ คบกับมันอะไม่ต้องกลัวเสียตังค์ เพราะระวังจะเสียตัวโดยไม่รู้ตัว หุหุ”
“เงียบปากไปเลยพวกมึง ไสหัวออกไปได้แล้วไป กูมาแล้ววันนี้เวรกูดูร้าน”