ภายในห้องบรรทม
เย่วฮองเฮาในเวลานี้มีสีพระพักตร์เต็มไปด้วยเลือดฝาดดุจเดิม อาการไอหายเป็นปลิดทิ้งรวมไปถึงอาการไข้ที่มีอยู่ตลอดเวลาก็มลายหายไปโดยพลันเช่นกัน
ท่ามกลางความแปลกใจของเหล่าหมอหลวงที่กำลังตรวจจับชีพจรอยู่ในเวลานี้ ต่างสงสัยกันอย่างถ้วนหน้าราวกับว่าเย่วฮองเฮาทรงหายจากอาการประชวรจากไข้ลมหนาว ทั้งๆที่หมอหลวงผลัดก่อนได้จดบันทึกอาการของพระนางเอาไว้อย่างละเอียดว่าทรงมีอาการทรุดหนักและน่าวิตกอย่างยิ่งยวด
“ฮองเฮาทรงรู้สึกอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”หัวหน้าหมอหลวงทูลถามกลับไป
หัวหน้าหมอหลวงซึ่งฮ่องเต้เฟิงอวิ๋นส่งมาให้ตรวจรักษาอาการของฮองเฮาผู้เป็นที่รัก ทันทีที่พระองค์ได้อ่านรายงานของหมอหลวงช่วงเช้า ทำให้เป็นห่วงอย่างยิ่งยวดจึงมีรับสั่งให้หัวหน้าหมอหลวงไม่ต้องอยู่ถวายการรักษาแต่มาคอยดูแลพระอาการประชวรของฮองเฮาแทนที่ซึ่งน่าวิตกมากกว่า
“ข้ารู้สึกว่าภายในกายมีเรี่ยวแรงอย่างน่าแปลกประหลาด อาการไอก็ไม่มี ที่เคยแน่นหน้าอกและหอบเหนื่อยมาโดยตลอดไร้สิ้นเรี่ยวแรงมลายหายไปโดยพลัน ยาวิเศษของเพ่ยเอ๋อร์ยอดเยี่ยมเสียจริงๆ”
เย่วฮองเฮารับสั่งพร้อมลุกขึ้นจากท่านอนหงายขึ้นมาประทับนั่งอย่างรวดเร็วโดยไม่มีนางกำนัลคอยพยุงแม้แต่น้อย
“ฮองเฮาทรงระวัง!!!”เสียงร้องเตือนของเหล่าข้าราชบริพารดังเอ็ดอึงขึ้นมาทันทีก่อนจะพากันเงียบงันลงไปทันใด
“พวกเจ้าไม่ต้องตื่นตกใจ..ข้าบอกแล้วอย่างไงว่าหายเป็นดีแล้ว ก็หายแล้วสิ! ยาวิเศษของท่านปู่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริงๆ ข้ากินเข้าไปยังไม่ถึงหนึ่งก้านธูปเลยอาการที่คิดว่าจะไม่รอดกลับหายเป็นปลิดทิ้ง”
เย่วฮองเฮารับสั่งด้วยความชื่นชมระคนดีใจที่ทรงหายประชวรเสียทีหลังจากที่ต้องอยู่แต่ภายในห้องบรรทมมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว
ท่ามกลางความแปลกใจของบรรดาหมอหลวงครั้นได้ยินถ้อยรับสั่งเช่นนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะทูลถามเสียงของขันทีที่คอยดูแลหน้าห้องบรรทมดังก้องขึ้นมาทันที
“องค์ชายเก้าและจีฟูเหรินเสด็จ!!!”สิ้นเสียงขันทีหน้าห้องพระบรรทม
พระวรกายสูงโปร่งขององค์ชายใหญ่และจีฟูเหรินก้าวเข้ามาภายในห้องบรรทมอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ลูกถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”องค์ชายเก้ารับสั่งพร้อมก้มพระเศียรถวายคำนับติดตามด้วยเสียงของจีฟูเหริน
“ถวายพระพรเพคะพี่หญิง”จีฟูเหรินพูดพลางย่อกายถวายคำนับตามระเบียบปฏิบัติ
ในขณะที่เย่วฮองเฮาทรงแปลกพระทัยอยู่ไม่ใช่น้อยกับการมาของจีฟูเหริน สาเหตุเพราะนับตั้งแต่พระนางใช้ตำแหน่งในฐานะแม่ของแผ่นดินลงมือโค่นล้มอำนาจที่อยู่ในกำมือของจีฟูเหริน เพื่อกำราบความเหิมเกริมของนางลงไม่ให้ผยองขึ้นมาได้นั้น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นงานพระราชพิธีใดๆ หากเย่วฮองเฮาเสด็จร่วมงาน ก็จะไม่มีจีฟูเหรินปรากฏร่วมงานด้วยเช่นกัน ราวกับว่ามิอาจอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันอย่างไรก็อย่างนั้น
สายพระเนตรเต็มไปด้วยความเฉยชา และไม่ได้รู้สึกยินดีในการมาของอีกฝ่ายแต่อย่างใดก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มให้กับองค์ชายเก้า แทนที่จะมีรับสั่งทักทายกับจีฟูเหริน
“ไม่ต้องมากพิธีฉีเอ๋อร์ แม่ดีใจมากเลยนะที่มาเยี่ยม”เย่วฮองเฮารับสั่งด้วยความดีพระทัยจริงๆ ครั้นองค์ชายเก้าเสด็จมาเยี่ยมเยือนพระนาง
องค์ชายหนุ่มยิ้มกว้างด้วยความดีพระทัยเป็นยิ่งนักครั้นเย่วฮองเฮามีรับสั่งตอบกลับมาเช่นนั้น
“ลูกตั้งใจจะมาเยี่ยมอาการพระประชวรของเสด็จแม่นานแล้ว แต่ติดเรียนและฝึกวิชายุทธ์ พอมีเวลาว่างจึงมาขอเข้าเฝ้าเพื่อเยี่ยมอาการพระประชวรของเสด็จแม่ทันทีเลย ทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายเก้ารับสั่งถามด้วยความเป็นห่วง
เย่วฮองเฮาแย้มพระโอษฐ์ออกมาบางๆ พลางปลายสายพระเนตรเมื่อจีฟูเหรินที่ทำท่าจะเอ่ยขึ้น แต่พระนางกลับแสดงท่าทีไม่สนพระทัยฟูเหรินตัวร้ายแม้แต่น้อย ด้วยทรงคิดว่าการมาของนางในครั้งนี้ต้องมีบางอย่างแอบแฝงอย่างแน่นอน จึงสนพระทัยอยู่แต่องค์ชายเก้าเท่านั้น
ด้วยเพราะทรงล่วงรู้ว่าองค์ชายเก้านั้นมีน้ำพระทัยงาม และเป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้เฟิงอวิ๋นทรงหมายมั่นจะสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาทเมื่อทรงมีพระชนมายุครบ 22 พระชันษา
ฮองเฮาสาวไม่มีรับสั่งใดๆ ออกมาแต่กลับลุกจากแท่นพระบรรทมอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่ามกลางความตกใจของเหล่าหมอหลวงและนางกำนัลที่คอยเฝ้าดูแลมาตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา
“เสด็จแม่! อย่าทรงรีบลุกยืนขึ้นมาเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายเก้ารับสั่งด้วยความเป็นห่วงพร้อมรีบวางของฝากเอาไว้บนโต๊ะตรงกลางห้องรีบเข้าประคองเย่วฮองเฮาที่กำลังเสด็จมาหาพระองค์
“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วละฉีเอ๋อร์ มิเห็นหรือไรว่าสามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติแล้ว แม่หายจากอาการป่วยแล้วละ”เย่วฮองเฮารับสั่งตอบองค์ชายเก้ากลับไป ท่ามกลางอาการดีพระทัยขององค์ชายหนุ่มครั้นได้ยินเช่นนั้น
“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกดีใจเหลือเกินที่ทรงหายจากอาการประชวรเสียที มิเสียงแรงที่หมอหลวงต่างทุ่มเทการรักษามาตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา”
รับสั่งขององค์ชายเก้าทำให้หัวหน้าหมอหลวงหน้าเจื่อนไปโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะรีบอธิบายกลับไป
“สำหรับเรื่องนี้กระหม่อมเองก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทูลถามองค์หญิงเพ่ยเพ่ยเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ ว่าทรงได้ยาวิเศษอะไรนำมาให้ฮองเฮาเสวย ทั้งที่เมื่อก่อนที่จะเปลี่ยนเวรหมอหลวงที่เพิ่งออกเวรไปจดบันทึกเอาไว้ว่าพระอาการทรุดลงจนน่าวิตก”
“มีเรื่องประหลาดเช่นนั้นเกิดขึ้นจริงเหรอหมอหลวง”องค์ชายเก้ารับสั่งออกมาทันที่ครั้นได้ยินเช่นนั้นก่อนจะหันกลับไปมีรับสั่งกับเย่วฮองเฮา
“เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”รับสั่งถามกลับไปเพื่อความแน่ใจ
“เป็นความจริงทุกอย่าง ที่แม่หายจากอาการป่วยเป็นปลิดทิ้งเช่นนี้ได้นั้น ก็เพราะเพ่ยเพ่ยแอบนำยาวิเศษมาให้ข้านางบอกว่าเป็นยาของท่านปู่ กินแล้วจะหายจากอาการป่วยทันทีแล้วก็เป็นจริงดั่งที่นางพูดทุกอย่าง หลังจากข้ากินลงไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูปเรี่ยวแรงที่แทบจะไม่หลงเหลืออยู่เลยกลับคืนมาทันใด อาการไข้ที่มีอยู่ตลอดเวลาก็หาย อาการไอไม่ปรากฏไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ”
รับสั่งของเย่วฮองเฮาทำเอาทุกคนที่อยู่ภายในห้องต่างนิ่งงันไปเลยทีเดียว และคนที่เงียบกว่าผู้ใดนั่นก็คือจีฟูเหรินด้วยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก่อนจะรีบพลิกสถานการณ์ที่ทำท่าจะพังไม่เป็นท่าให้กลับคืนมาดั่งเดิม
“เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ เลยเพคะที่พี่หญิงหายจากอาการประชวร เช่นนี้ก็โล่งอกไปเสียทีนับได้ว่าหม่อมฉันและองค์ชายเก้ามาเข้าเฝ้าไม่เสียเที่ยวแม้แต่น้อย ได้ล่วงรู้ข่าวน่ายินดีก่อนผู้ใด ถ้าเช่นนั้นของฝากเยี่ยมไข้ดูท่าจะต้องกลายเป็นของฝากแสดงความยินดีที่พี่หญิงหายจากอาการประชวรเสียแล้วเพคะ”
จีฟูเหรินจีบปากจีบคอใส่จริตของนางเป็นการใหญ่ ก่อนจะหันกลับไปรับของฝากที่อยู่ในมือนางกำนัลคนสนิทมาไว้ในมือ เพื่อนำถวายให้แก่เย่วฮองเฮา
“น้องดีใจกับพี่หญิงด้วยนะเพคะที่หายจากอาการประชวรเสียที และจะได้มีพระประสูติกาลให้กับฝ่าบาทในอีกไม่ช้า”จีฟูเหรินพูดพลางก้าวเข้าไปหาพร้อมยื่นของฝากที่อยู่ในมือส่งให้เย่วฮองเฮา
เย่วฮองเฮาเหลือบสายพระเนตรไปทางนางกำนัลคนสนิทเพื่อให้รับของฝากจากจีฟูเหรินแทนพระนาง พลางส่งยิ้มให้บางๆ ด้วยทรงคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมานางคงจะคิดได้ขึ้นมาบ้างแล้ว จึงมาเป็นฝ่ายเข้าเฝ้าในครั้งนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายยอมเป็นฝ่ายเข้าหาถึงเพียงนี้เหตุใดจะต้องสร้างศัตรูให้เกิดขึ้นมาอีกทำไม ครั้นคิดได้เช่นนั้นจึงมีรับสั่งกลับไป
“ขอบใจมากนะจีฟูเหรินที่อุตส่าห์มาเยี่ยม”รับสั่งพร้อมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เป็นสิ่งที่หม่อมฉันควรต้องปฏิบัติตั้งนานแล้วเพคะ การกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดก็ขอพี่หญิงได้โปรดให้อภัยน้องด้วยเถิด”จีฟูเหรินพูดพร้อมย่อกายถวายคำนับ แสร้งทำท่าอ่อนข้อให้ศัตรูตัวฉกาจเพื่อแผนการของนางจะได้สำเร็จลุล่วงตามที่ได้วางเอาไว้เสียที ก่อนจะเหลือบสายพระเนตรไปทางองค์ชายเก้าเพื่อเริ่มแผนทันใด
“จริงสิเพคะพี่หญิงองค์ชายเก้าทรงมีของฝากมาด้วยนะเพคะ ช่างเหมาะนักเชียวที่ทรงหายจากอาการประชวร เห็นบอกว่าของฝากขององค์ชายเป็นเครื่องเสวยทำให้พละกำลังหวนคืนกลับมาเพียงชั่วพริบตาเลยเชียวนะเพคะ”
จีฟูเหรินพูดเปิดทางพร้อมทำท่าพยักเพยิดส่งสัญญาณไปให้องค์ชายเก้ารีบถวายสิ่งที่นางเตรียมจัดการเย่วฮองเฮาเอาไว้ให้ได้อย่างเด็ดขาด
“เอาอะไรมาฝากแม่อย่างนั้นเหรอฉีเอ๋อร์”เย่วฮองเฮารับสั่งถาม
ข้างฝ่ายองค์ชายเก้าครั้นได้ยินและท่าทีของจีฟูเหรินเช่นนั้น พระองค์เพิ่งนึกได้ว่านำของฝากวางไว้บนโต๊ะด้วยความรีบร้อนก่อนจะหันกลับไปมีรับสั่ง
“ลูกลืมไปเสียสนิทเลยพ่ะย่ะค่ะ มัวแต่ดีใจที่เสด็จแม่หายป่วย ทรงประทับบนตั่งก่อนพ่ะย่ะค่ะจะได้ทอดพระเนตรของฝากที่ลูกนำมาถวายเสด็จแม่”
รับสั่งพร้อมตรงเข้าประคองพระวรกายที่อุ้ยอ้ายของเย่วฮองเฮาให้ประทับลงบนตั่ง ก่อนจะทรงประทับลงบนตั่งฝั่งตรงกันข้ามพร้อมใช้พระหัตถ์ยกฝาปิดหีบออก
ภายในหีบปรากฏโถน้ำแกงขนาดย่อมอยู่ในช่องเก็บขนาดพอดีกับตัวโถ มีฝาปิดไว้อย่างมิดชิดเพื่อมิให้คลายความร้อนออกมาโดยเร็ว โถน้ำแกงถูกยกออกมาตั้งไว้บนตั่งพร้อมมีรับสั่ง
“เครื่องเสวยนี้มีชื่อเรียกว่าน้ำแกงสามเซียนพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”องค์ชายเก้ารับสั่งชื่อน้ำแกงดังกล่าว
“น้ำแกงสามเซียนอย่างนั้นเหรอ!”เย่วฮองเฮารับสั่งออกมาด้วยความแปลกพระทัยก่อนจะมีรับสั่งขึ้นอีกครั้ง
“ชื่อน้ำแกงของเจ้าแปลกดี ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเหตุใดจึงตั้งชื่อเช่นนั้น”รับสั่งถามด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงขององค์ชายเก้าอธิบายกลับมา
“สาเหตุที่เรียกว่าน้ำแกงสามเซียน นั่นก็เพราะได้น้ำที่นำมาปรุงน้ำแกงมาจากบ่อน้ำทิพย์ทั้งสามแห่งบนเทือกเขาเทียนซาน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นดินแดนของเทพสวรรค์พำนักอยู่ จึงตั้งชื่อน้ำแกงตามสถานที่เก็บน้ำทิพย์กลับมาปรุงเป็นส่วนผสมของตัวยาต่างๆ หรือแม้แต่นำน้ำทิพย์นั้นมาปรุงเป็นเครื่องเสวยพ่ะย่ะค่ะ รสชาติของน้ำแกงปรุงตามสูตรลับที่ได้มาทุกอย่างจะทรงมีพละกำลังแข็งแรงและมากเสียยิ่งกว่าเดิมทันทีที่เสวยหมดพ่ะย่ะค่ะ”
“ถึงขนาดนั้นเชียว”เย่วฮองเฮารับสั่งออกมาทันทีก่อนจะแย้มพระโอษฐ์ออกมาบางๆ
“ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์นำน้ำแกงสามเซียนมาให้แม่ เช่นนั้นแม่ก็จะกินน้ำแกงนี้ให้หมดตามที่เจ้าบอก”รับสั่งพลางเอื้อมพระหัตถ์เปิดฝาโถน้ำแกงทันที
ท่ามกลางรอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจีฟูเหริน ดวงตาเฝ้าจับจ้องเย่วฮองเฮาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงเกลียดและชิงชังเหลือประมาณ
“หยุดก่อน!!!!”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาโดยพลัน