ตอนที่ 1 ราคะอำมหิต 1.1
แคว้นซีฉิน
ชุดเกราะสีเงินรมดำสัญลักษณ์ของแม่ทัพใหญ่จากแคว้นเฉียนฉิน ก้าวย่างไปอย่างช้าๆ ข้ามซากศพทหารซีฉินซึ่งต่างพากันสังเวยชีวิตล้มตายเป็นจำนวนมาก ในสงครามชิงแคว้นเพื่อแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อความมั่งคั่งที่แคว้นนั้นครอบครองและเพื่อความยิ่งใหญ่ของผู้ที่ได้รับชัยชนะจากสงครามครั้งนี้
สภาพของทุกศพไม่มีเลยที่จะมีอวัยวะอยู่ครบ ด้วยเพราะถูกแม่ทัพใหญ่ของเฉียนฉิน มีคำสั่งสังหารอย่างป่าเถื่อนและเต็มไปด้วยความอำมหิต เชื้อพระวงศ์ของซีฉินถูกตัดหัวนำมาเสียบอยู่บนกำแพงเมืองเรียงรายเป็นทิวแถว ช่างเป็นภาพที่ติดตาต่อผู้คนที่ได้มาพบเห็นจนหลอนกันไปทั่ว
หลี่เหวินฉาง แม่ทัพใหญ่จากแคว้นเฉียนฉินผู้นำชัยชนะและชิงแผ่นดินมากมายมาอย่างต่อเนื่องและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งนำกองทัพออกล่าชิงแผ่นดินไปทั่วทุกแคว้นติดต่อกันยาวนานถึงหกปีเต็ม เดิมทีแม่ทัพผู้นี้มีคำสั่งนำกองทัพกลับคืนสู่ผิงหยาง เมืองหลวงของเฉียนฉินเมื่อสามปีก่อน หลังจากชิงแผ่นดินสือเจ้าได้เป็นผลสำเร็จเพื่อเหล่าทหารได้มีโอกาสพักผ่อนหลังจากออกรบติดต่อกันมาอย่างยาวนานถึงห้าปีเต็ม
แต่แล้วจู่ๆ กลับมีคำสั่งเคลื่อนทัพมุ่งหน้าลงล่าแคว้นทางตอนใต้ และพฤติกรรมของหลี่เหวินฉางเปลี่ยนไปชนิดที่ว่าคนละคนก็ว่าได้ อำมหิตและเลือดเย็นที่มีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วกลับยิ่งรุนแรงและบ้าคลั่งเหมือนคนวิกลจริต ซ้ำร้ายยังมีคำสั่งให้นำร่างอันไร้วิญญาณของเชื้อพระวงศ์ที่ถูกประหารนำมาเสียบไม้แหลมปักลงดินเรียงรายตรงหน้าประตูเมือง
ในขณะที่ศีรษะถูกตัดและนำมาเสียบประจานบนกำแพงเมือง ทุกชีวิตไม่เคยมีคำว่ารอด บุรุษ สตรี คนแก่และเด็ก ตั้งแต่ชาวเมืองจนถึงเชื้อพระวงศ์ผู้ครองแคว้น ต่างได้รับจุดจบเช่นเดียวกัน ความอำมหิตผิดผู้ผิดคนของแม่ทัพผู้นี้ เลื่องลือไปทั่วจนเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงและเกรงกลัว
จนถึงขนาดหากแคว้นใดรู้ว่ากองทัพจากแคว้นเฉียนฉิน ยกทัพเข้าเขตประชิดชายแดนเมื่อใด ชาวเมืองแคว้นนั้นต่างทิ้งบ้านทิ้งเมือง หนีตายกันอย่างอลหม่านอพยพไปยังแคว้นอื่น รวมไปถึงบรรดาเชื้อพระวงศ์ก็เช่นเดียวกันต่างลี้ภัยเอาชีวิตรอด ที่คงอยู่ก็รักษาเมืองไปเพราะรักผืนแผ่นดินเกิด และจุดจบก็คือร่างและหัวถูกแยกออกจากกันไม่มีใครรอดเหมือนเดิม
และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของหลี่เหวินฉางยังรวมไปถึงการนำสตรีมาบำเรอความใคร่อย่างไม่มีหยุดหย่อน มากล้นเต็มไปด้วยตัณหาราคะ และจบลงด้วยชีวิตของสตรีเหล่านั้นในยามรุ่งอรุณมาถึง แต่ที่น่าแปลกก็คือหญิงสาวเหล่านั้นไม่มีผู้ใดก้าวออกมาจากห้องนอนหรือกระโจมของแม่ทัพผู้นี้ในตอนเช้า
แต่สตรีเหล่านั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย สร้างความงุนงงให้แก่เหล่าทหารที่ตามรับใช้อย่างใกล้ชิด ว่าพวกนางหายตัวไปได้อย่างไรและหายไปที่ไหน คนตายย่อมเห็นศพ คนไม่ตายจึงไม่เห็น แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อหลี่เหวินฉางไม่เคยละเว้นชีวิตผู้ใดมาก่อน แล้วพวกนางเหล่านั้นจะมีโอกาสรอดชีวิตไปได้อย่างไรกัน
ซึ่งความสงสัยเหล่านั้นเกิดขึ้นนับตั้งแต่ชิงแคว้นสือเจ้ามาเป็นของเฉียนฉิน ทหารที่คอยรับใช้อย่างใกล้ชิดต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า แม่ทัพของพวกเขาเปลี่ยนไปหลังจากองค์ชายเฉียนซ่ง ได้นำสุราเมาหมื่นปีให้กับหลี่เหวินฉางในงานเลี้ยงระหว่างแคว้นสือเจ้าและแคว้นเฉียนฉิน ที่สามารถจบลงด้วยการมีไมตรีต่อกันและทำสัญญาสงบศึก
ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นองค์ชายเฉียนซ่ง เข้าร่วมกองทัพในฐานะผู้บัญชาการทัพด้วยเป็นครั้งแรกเพื่อเรียนรู้ให้มีประสบการณ์ในเชิงสงคราม โดยหลี่เหวินฉาง เป็นแม่ทัพควบคุมกองทัพทั้งหมดซึ่งการทำสงครามก่อนหน้าที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าจะอำมหิตและเลือดเย็นแต่ก็มีเหตุผลที่ทำให้ต้องลงมือเช่นนั้น การทำสงครามกับแคว้นสือเจ้า ฮ่องเต้เฉียนหยวนทรงมีพระบัญชาเป็นการส่วนพระองค์กับพระโอรสว่า หากแม้นองค์ชายเฉียนซ่งสามารถชิงแคว้นสือเจ้ามาได้ด้วยการใช้กองกำลังทหารเข้าโจมตีจะด้วยวิธีใดก็ตามแต่ พระองค์ก็จะถือว่าพระโอรสได้เรียนรู้ในการทำสงครามชิงแคว้นแล้ว คู่ควรที่จะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัชทายาทของเฉียนฉินสืบต่อไป
แต่แล้วหลี่เหวินฉางกลับสามารถทำให้สือเจ้า ยินยอมตกเป็นแคว้นใต้ปกครองเฉียนฉิน โดยไม่ต้องสูญเสียกำลังทหาร ของทั้งสองฝ่าย และยังสามารถทำให้กองทัพของเฉียนฉินไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยในการทำสงครามมากไปกว่านี้หลังจากต้องตรากตรำมานานหลายปี
ซึ่งการทำสัญญาสงบศึกของระหว่างสองแคว้นในครั้งนั้นไม่เป็นที่พอพระทัยขององค์ชายเฉียนซ่งเป็นอย่างมาก เพราะสัญญาสงบศึกดังกล่าวทำให้พระองค์ไม่ได้แสดงฝีมือในเชิงรบและยังไม่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัชทายาทอีกด้วย
ภายหลังจากการลงนามในสัญญาสงบศึกผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมกับงานเลี้ยงระหว่างสองแคว้นจบสิ้นลงด้วยความเมามายของหลี่เหวินฉางซึ่งเขาได้ดื่มสุราเมาหมื่นปีขององค์ชายเฉียนซ่ง ที่อ้างว่าฮ่องเต้เฉียนหยวนพระราชทานมาให้แม่ทัพหนุ่มผู้กล้าหากการทำสงครามในครั้งนี้จบลงได้ด้วยดี
แต่แล้วเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง หลี่เหวินฉางกลับกระทำผิดข้อตกลง นำกองทัพห้าหมื่นนายบุกโจมตีแคว้นสือเจ้าและสังหารชาวเมืองจนไปถึงเชื้อพระวงศ์อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ผิดสัจจะไม่ทำตามสัญญาสงบศึกที่ได้ทำเอาไว้ และซ้ำร้ายยังมีอาการคลุ้มคลั่งราวกับคนบ้าเสียสติ แต่แล้วอาการคลุ้มคลั่งดังกล่าวสงบลงได้ก็ต่อเมื่อนำสตรีมาบำเรอ หลี่เหวินฉางจึงได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแคว้นสือเจ้าในครั้งนั้น จึงทำให้องค์ชายเฉียนซ่งได้รับการสถาปนาดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาทซึ่งจะขึ้นครองแคว้นสืบต่อไป และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีฮ่องเต้เฉียนหยวนก็สวรรคตลงอย่างกะทันหัน
ทำให้เฉียนฉินได้ผลัดแผ่นดินใหม่รัชทายาทเฉียนซ่งขึ้นครองแคว้นสืบต่อมา และมีพระบัญชาให้หลี่เหวินฉางออกล่าแคว้นมากมายเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่เฉียนฉินและสร้างบารมีให้แคว้นทั่วหล้าเกรงกลัว
จิตอำมหิตคร่าชีวิตคนทั้งเมือง มากด้วยตัณหาและราคะเสพจนชีพสตรีนางวอดวาย เสพกายนางจนกลืนกินไปทั้งตัวไม่เหลือสิ้นแม้กระทั่งร่างและวิญญาณ ทั่วหล้าต่างโจษขานแม่ทัพผู้นี้ว่า จอมปีศาจแห่งเฉียนฉิน ไร้สิ้นเมตตากับผู้ใดอย่าคาดหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้เลยสักคน