บทนำ
อีเวนท์ของซุป’ ตาร์
กว่าจะเบียดผู้คนเข้ามาภายในบริเวณงาน ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมือง บาลีถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย เมื่อได้ยืนอยู่ในจุดที่สามารถมองไปยังบนเวทียกพื้นเตี้ย ซึ่งซุปเปอร์สตาร์หนุ่มอันดับต้นๆ ของเมืองไทยคนหนึ่งกำลังร้องเพลงเล่นกีตาร์ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม บวกกับการเล่นกีตาร์ที่เข้าขั้นเทพ ก็ทำให้ได้รับเสียงกรี๊ดจนหูแทบจะดับ
“มึง พี่อัทธ์ แม่งโคตรหล่อ โคตรเท่เลย กรี๊ดดดด”
“โอ๊ย เสียงก็โคตรเพราะ”
“เพลงพี่เขาก็แต่งเองเลยนะ”
“คนบ้าอะไร ครบเครื่องสุดๆ ทั้งหล่อ เท่ เล่นละครเก่งแล้ว ยังร้องเพลงเพราะ แต่งเพลง เล่นดนตรีได้อีก มึง กูไม่ไหวแล้วอะ กรี๊ดดด”
ถึงจะหนวกหูเสียงกรี๊ด แต่บาลีก็แอบยิ้มปลื้มกับคำชื่นชมที่ได้ยินจากเด็กสาวกลุ่มใหญ่ที่ยืนเบียดเสียดในงาน เพราะเธอเป็นแฟนคลับอัทธ์มาตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นซุป’ ตาร์เหมือนในตอนนี้
เรียกว่าเป็นเอฟซีรุ่นบุกเบิก เพราะเธอติดตามชายหนุ่มมาตั้งแต่เขายังเป็นรุ่นพี่ในคณะ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
ซึ่งมันก็นานมาแล้ว
นานมากกว่าอายุของลูกชายวัยเจ็ดขวบของเธอเสียงด้วยซ้ำ
สายตาเธอทอดมองคนบนเวที อัทธ์นั่งอยู่บนเก้าอี้บาร์ อยู่ในชุดสูทแบรนด์ดังสีเทา ผมสีน้ำตาลเข้มเริ่มยาวระต้นคอ ใบหน้าเรียวคมกำลังครวญเพลงเล่นกีตาร์ พร้อมยิ้มบางๆ ทำให้ดวงตาสีเดียวกับสีผมนั้นเป็นประกายหวาน
แล้วไหนจะร่างกายสูงถึง 184 เซนฯ ที่แม้จะอยู่ในชุดสูท แต่ก็มองเห็นมัดกล้ามอย่างชัดเจน ตามแบบฉบับของผู้ชายที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
เมื่อเสียงเพลงจบลง ทีมงานก็เข้ามารับกีตาร์ไปเก็บ พิธีกรของงานก็เดินเข้ามาบนเวที
“เพลงเพราะมากครับ สุดยอดมากเลยครับสำหรับซุป’ ตาร์ หนุ่มคนนี้ อัทธ์ อัครพิสุทธิ์”
พิธีหนุ่มคนดังของวงการอีเวนท์พูดจบ พร้อมกับผายมือไปยัง คนข้างตัว ที่ตอนนี้ลุกจากเก้าอี้ มายืนเคียงข้าง ขณะที่เสียงปรบมือก็ดังสนั่นพร้อมเสียงกรี๊ดก้องไปทั่วบริเวณลานจัดงาน
อีเวนท์เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์กาแฟชื่อดัง กับสโลแกน ‘หอมกรุ่น ละมุนไอรัก กาแฟที่คู่ควรกับคนเคียงข้าง’
บทสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเรื่องงานในวงการ โพรเจกต์ต่อไปของชายหนุ่ม และได้รับเสียงกรี๊ดหนักมาก เมื่อพิธีกรถามเรื่องหัวใจของซุป’ ตาร์หนุ่ม
“ก็โสดตามปกติมานานแล้วครับ” เมื่อห้าปีก่อนอัทธ์คบหากับนางเอกคู่จิ้นอยู่สามปี ก่อนเลิกรากันไป และเขาก็โสดมาจนถึงตอนนี้
“ตามปกตินี่คือไม่มีคนคุยเลยเหรอครับ”
“ก่อนหน้านั้น พอมีคนคุยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีครับ”
“ทำไมปล่อยให้โสดมานานขนาดนี้ อายุอานามก็เหมาะจะมีคู่แล้วนะ”
“ผมงานยุ่งตลอด ถ้ามีแฟนก็คงดูแลเขาได้ไม่เต็มที่ ตอนนี้ขอโสดไปก่อนแล้วกัน เพราะยังมีงานเพลงที่ผมต้องใช้เวลากับมันค่อนข้างเยอะ”
“แสดงว่างานแสดงจะน้อยลง”
“ครับ อาจจะปีละเรื่อง หรือสองปีเรื่องหนึ่ง เพราะผมอยากทำเพลง ไม่ได้ออกซิงเกิลมาสองปีแล้ว ยังไงก็ฝากทุกคนช่วยเป็นกำลังใจด้วยนะครับ”
เสียงพูดคุยหยุดไปชั่วครู่ เพราะปล่อยให้บรรดาแฟนคลับได้กรีดร้องรับคำพูดของคนบนเวที
เมื่อเสียงซาลง พิธีกรก็วกเข้าสู่เรื่องงานอีเวนท์ของวันนี้ นอกจากนั้นก็มีเล่นเกมกับบรรดาท็อปสเปนเดอร์ของงาน ร่วมถ่ายรูปกับแฟนคลับที่มียอดซื้อสูงตามลำดับที่แบรนด์ตั้งเงื่อนไขไว้
เมื่ออีเวนท์จบอัทธ์ก็ยังให้สัมภาษณ์ต่ออีกครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะออกจากบริเวณจัดงาน เพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้า โดยมีบรรดาแฟนคลับตามไปโบกมืออำลาอย่างหนาแน่น
ไม่เว้นแม้แต่บาลีที่เบียดเสียดผู้คนตามติดไปส่งถึงรถ
ชายหนุ่มที่โผล่หน้าโบกมือให้แฟนคลับอย่างทั่วถึง บาลีได้แต่มองแล้วยิ้ม ก่อนรถเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า หญิงสาวถึงกับตะลึง เพราะจู่ๆ สายตาคมพราวคู่นั้นก็สานสบกับดวงตาเธอเต็มๆ แม้แค่ชั่ววินาที แต่บาลีก็หัวใจเต้นแรง ไม่ต่างจากวันแรกพบ ที่เธอเป็นเฟรชชี่ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันกับอีกฝ่าย
บาลียืนตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะโดนเบียดจนเซเล็กน้อย ถึงรู้สึกตัว แล้วเดินกลับเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพราะเธอมีนัดกินข้าวเย็นกับเพื่อนสนิท
อัณญา หรือเอย สาวเก๋ ปราดเปรียว เออีคนเก่งแห่งวงการโฆษณา เป็นเพื่อนสมัยเด็ก พอจบมัธยมปลายอัณญาก็ไปเรียนต่อเมืองนอก กระทั่งจบปริญญาโท หาประสบการณ์ทำงานเมืองนอกอยู่หลายปีก็กลับมาทำงานที่เมืองไทย จึงทำให้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง
นอกจากครอบครัวที่มีเพียงลุงกับป้า อัณญาก็เป็นอีกคนที่รับรู้เรื่องราวการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอมาตั้งแต่ต้น คอยเป็นกำลังใจให้ตลอดมา แม้ถึงตอนนี้เพื่อนรักจะไม่รู้ว่าใครคือพ่อของลูกเธอก็ตาม
เวลานัดหมายยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมง บาลีจึงเดินเข้าไปในแผนกเสื้อผ้าและของเล่นเด็ก ซื้อของไปฝากลูกชาย จากนั้นก็เดินเข้าออกร้านเสื้อผ้าสำหรับคนสูงวัย เลือกเสื้อผ้าสำหรับลุงปราบและป้ามอญ สำหรับไปทำบุญหรือไปงานสำคัญของผู้คนละแวกบ้าน
ซึ่งบ้านเกิดของบาลีอยู่ที่เขาช่อง เติบโตมาในไร่องุ่นของครอบครัวบิดา กระทั่งเรียนประถม บิดามารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถขณะไปทำธุระในตัวเมือง บาลีจึงเหลือเพียงลุงปราบ พี่ชายแท้ๆ ของบิดา กับป้ามอญ ป้าสะใภ้ ทั้งสองไม่มีลูก จึงรักและเลี้ยงดูเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ มาตั้งแต่เกิด
เมื่อบิดามารดาจากโลกนี้ไป บาลีก็มีอ้อมกอดและความอบอุ่นของลุงป้าที่คอยปลอบประโลม ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวในชีวิต แถมมีธรินท์ หลานชายป้ามอญที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นและพี่ชายที่คอยดูแล
อีกสิบห้านาทีก็ถึงเวลานัด บาลีจึงหอบข้าวของที่ซื้อมาตรงไปยังร้านอาหารที่เป็นจุดนัดหมาย
บาลีสั่งอาหารจานโปรดของตนเองและเพื่อนสนิท พออาหารเริ่มทยอยเสิร์ฟ หญิงสาวร่างเพรียว ผมซอยสั้นเคลียใบหู ที่มีรูปหน้ารูปหัวใจ ตาโต แก้มพอง รูปปากจิ้มลิ้ม อีกฝ่ายแต่งตัวเหมือนสาวออฟฟิศคล่องตัวด้วยสแลกซ์กับเสื้อแขนกุดสีขาว สวมทับด้วยเบลเซอร์สูทสีดำ ปรากฏตัวขึ้นทันที พร้อมกับทำเสียงโอดโอย เมื่อนั่งบนเก้าอี้
“ดีมากเพื่อนเลิฟ ฉันหิวจนจะกินช้างได้ทั้งโขลงเลยนะ”
“พูดซะเว่อร์” แต่ถึงอย่างนั้นบาลีก็ยิ้มเอ็นดูเพื่อนรัก เมื่ออีกฝ่ายหันไปคว้าซ้อมจิ้มไก่ทอดน้ำปลาเข้าปาก
“โอ๊ย อร่อย กรอบไปถึงกระเพาะเลย”
บาลีก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ กับความเว่อร์ของอีกฝ่าย กระทั่งอาหารที่สั่งมา เสิร์ฟครบทุกเมนู ทั้งสองก็กินไป คุยไปตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะอัณญางานยุ่งตลอด นานๆ ถึงจะกลับบ้านเกิด ส่วนบาลีก็แทบไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ กระทั่งความคิดถึงมันเรียกร้อง เธอถึงมาให้ได้เห็นหน้าใครบางคนเท่านั้น
“เป็นไงบ้างล่ะ ได้เห็นหน้าพ่อเทพบุตรสุดหล่อในรอบหลายเดือน”
“ก็ดี”
“ไม่คิดจะเปลี่ยนเมนบ้างเหรอ นักร้อง นักแสดงรุ่นใหม่หน้าตาหล่อๆ มีมากมาย” เพราะบาลีเป็นแฟนคลับอัทธ์มานานหลายปี ขนาดตั้งท้องยังเอารูปอัทธ์วางไว้หัวเตียง คงจะนั่งมองนอนมองทุกวันทุกคืน กระทั่งคลอดลูกออกมาหน้าเหมือนอัทธ์ จนเธอมาเอามาล้อจนถึงทุกวันนี้
“ฉันเป็นคนใจเดียวรักเดียวย่ะ” บาลีตอบอย่างมั่นใจทุกครั้งที่อัณญาถาม
“ไม่เป็นไร เขาแต่งงานเมื่อไหร่ คิดว่าแกคงจะเลิกเป็นติ่งพี่เขาเองแหละ” ถ้าไม่ติดที่บาลีเคยบอกว่าพลาดท้องกับใครก็ไม่รู้ เพราะเมาในคืนปาร์ตี้ของเพื่อนในกลุ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งคืนนั้นมีผู้ชายในงานอยู่หลายคน
อัณญาจะคิดว่าบาลีท้องกับอัทธ์ เพราะหน้าน้องอิฐมีส่วนคล้ายอัทธ์อย่างเหลือเชื่อ
“จะเป็นติ่งพี่อัทธ์ตลอดชีวิตจ้ะ”
“โห ถ้าพี่เขามาได้ยินเข้า คงจะปลื้มปริ่มแน่นอน”
“พี่เขามีแฟนคลับเยอะแยะ จะมาปลื้มปริ่มอะไรกับความติ่งของฉันล่ะ”
“อือ จริงของแก”
คำพูดนั้นกระแทกใจบาลี ทั้งที่ตัวเธอเป็นคนพูดขึ้นก่อน
เพราะมันตอกย้ำความจริงที่ว่า ระหว่างเธอกับอัทธ์นั้น ก็เป็นได้แค่ ‘เมนกับติ่งคนหนึ่งเท่านั้น’
“ฝากให้น้องอิฐด้วยนะ คิดถึงเจ้าเด็กรูปหล่อมาก ไม่ได้เจอหลายเดือนแล้ว” อัณญายื่นถุงของเล่นที่เธอซื้อมาฝากจากฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ก่อนให้บาลี หลังจากกินอาหารบนโต๊ะจนอิ่มแปล้
“หัดว่างเสียบ้างสิ น้องอิฐก็บ่นคิดถึงน้าเอยออกจะบ่อย”
“งานฉันก็สุมหัวตลอดไง พรุ่งนี้ต้องเข้าไปดูการถ่ายทำภาพนิ่งโฆษณาตัวใหม่แต่เช้าอีก” คนพูดทำหน้าหงอยๆ ทั้งที่บ้านเกิดก็อยู่ห่างกรุงเทพฯ แค่ขับรถสองชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง แต่ช่วงนี้งานหนัก เลิกงานก็แทบหมดแรงจะไปไหนต่อ ดีว่าวันนี้แวบมาหาบาลีได้ เพราะมาคุยงานใกล้ห้างสรรพสินค้าที่บาลีมางานอีเว้นท์ของพระเอกในดวงใจ เลยได้เจอกันในรอบหลายเดือน
“งั้นไว้ปิดเทอม ฉันจะพาน้องอิฐมาหาแกเอง”
“จริงๆ นะแก!”
“เออ ฉันจะโกหกทำไม อยากพาลูกมาเที่ยวสวนน้ำที่นี่ไง”
“โอเค สัญญาแล้วนะ” อัณญายกนิ้วก้อยขึ้น เพื่อให้บาลีเกี่ยวแทนคำมั่นสัญญา ซึ่งบาลีก็ไม่เกี่ยงงอนใดๆ
จากนั้นสองสาวก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ซึ่งอัณญาอยู่คอนโดฯ หรูย่านธุรกิจที่มีราคาแพงระยับ ส่วนบาลีขับรถกลับบ้านเกิดที่เขาช่อง ที่นั่นที่ถึงแม้จะไม่มีผู้ให้กำเนิดรออยู่ เพราะทั้งสองเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่เธอยังเด็ก
แต่มีลุงปราบ ลุงแท้ๆ ที่เป็นพี่ชายของพ่อ และป้ามอญ ป้าสะใภ้ ที่เลี้ยงดูเธอมาอย่างดีราวกับลูก ที่ท่านเองก็สูญเสียไปตั้งแต่แรกคลอด และคิดว่าเธอคือลูกสาวของท่านที่มาเกิดใหม่
และอีกคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของบาลีตอนนี้ ก็คืออิฐ ลูกชายวัย 6 ขวบของเธอนั่นเอง
ลูกชายที่เธอจำเป็นต้องบอกว่า ‘พ่อ’ ของเขาอยู่บนสวรรค์ ก่อนที่เขาจะเกิด
...แต่จริงๆ แล้วพ่อของเขาอยู่บนฟ้าเช่นกัน
....................