“เฮ้ย แกควรดีใจเปล่าวะ” อัณญารู้สึกงุนงง หลังจากที่เธอบอกข่าวดีกับเพื่อนรักว่า วีราวรรณ ผู้จัดละครชื่อดังทาบทามให้น้องอิฐไปแคสต์บทละครเรื่อง ไร่แสนเสน่หา ในบทลูกชายของพระเอก ซึ่งคนที่รับบทพระเอกนั้นคืออัทธ์ ที่บาลีเป็นแฟนคลับมานานหลายปี ทว่าบาลีกลับทำหน้าเครียด จนเธอประหลาดใจ
“คือแบบ...มัน...เอ่อ...” สุดท้ายก็บอกเหตุผลกับอัณญาไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับความจริงที่เธอปกปิดทุกคนไว้
“อะไรของแกเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว ในเมื่อแกเป็นแฟนคลับพี่เขามาหลายปี นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของแกเลยนะโว้ยที่จะได้ใกล้ชิดพี่อัทธ์ เพราะถ้าน้องอิฐถูกเลือกเล่นบทลูกของพระเอกเรื่องนี้ แกก็ต้องไปกองถ่ายดูแลลูก โอ๊ย มันโคตรจะฟินไม่ใช่เหรอ ทำหน้าหนักใจคืออะไรเนี่ย” อัณญาบ่นยืดยาว แต่บาลีก็ยังมีท่าทีอึกอักลำบากใจ จนอัณญาโพล่งออกไปว่า
“หรือว่าจริงๆ แล้วน้องอิฐเป็นลูกพี่อัทธ์จริงๆ” ตอนพูดออกไป อัณญาไม่ได้หมายความตามนั้น แค่จะหยอกเพื่อนรักเท่านั้น ทว่าปฏิกิริยาของบาลีหลังได้ยินคำพูดเธอ อีกฝ่ายชะงักและจากนั้นก็มีสีหน้าซีดเผือด หลบสายตาจับจ้องของเธอ
“เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่ามันเป็นเรื่องจริง!”
หัวใจของอัณญาก็เต้นระทึก ดวงตายังจับจ้องคาดคั้นเพื่อจะได้ยินคำตอบจากปากของบาลี เหมือนเวลาผ่านไปนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยเสียงสั่นแผ่ว
“อือ...”
และจากนั้นก็เป็นอัณญาเสียเองที่เงียบไป จนบาลีเริ่มกังวล เพราะกลัวว่าเพื่อนรักจะโกรธที่เธอปิดบังเรื่องนี้มานานหลายปี แถมยังโกหกอีกว่าวันไนท์กับใครก็ไม่รู้ เพราะเมา
ใช่ มันคือวันไนท์จริง แต่ไม่ได้เมา และรู้แน่ชัดว่าเป็นใคร
“แกอย่าโกรธฉันนะเอย ที่ไม่บอก เพราะฉันกลัวว่าแกจะหลุดบอกคนอื่น ยิ่งตอนเมา แกก็ชอบพูดไปเรื่อย...”
“เฮ้ย ไม่ได้โกรธ ดีแล้วที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอก เพราะฉันอาจหลุดบอกคนอื่นตอนเมาไร้สติอย่างที่แกว่า”
“แกไม่ได้โกรธจริงๆ ใช่ไหมเอย”
“เออสิ จะโกรธทำไม แต่ฉันตกใจน่ะ ไม่คิดจริงๆ ว่าพ่อน้องอิฐจะเป็นซุป’ ตาร์ โอ๊ย ฉันก็นึกว่าแกไปติ่งเขา เพราะเป็นแฟนคลับปกติ ที่ไหนได้ดันเป็นพ่อของลูกนี่เอง แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงแก”
“เรื่องมันก็...” บาลีมีสีหน้าอึกอักลำบากใจ
“เล่ามาพอเข้าใจ ไม่ต้องลงดีเทลหรอกน่า ฉันไม่ได้อยากจะรู้ขนาดนั้นหรอก แค่อยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”
บาลีจึงเล่าเรื่องราวคืนนั้นแบบให้อีกฝ่ายพอเข้าใจในเหตุการณ์
“สรุปพี่เขารู้ไหมว่าคืนนั้นเป็นแก ไม่ใช่เพื่อนแก”
“ไม่รู้สิ คืนนั้นเขาก็ทั้งเมา ทั้งเป็นไข้ พอมันจบลงเขาก็หลับไปเลย ฉันก็รีบออกมาห้องพักเลย”
“น่าจะอยู่รอคุยกับเขาก่อน”
“รอให้น้ำส้มมาแหกอกฉันน่ะเหรอ”
“เขากับน้ำส้มก็เหมือนไม่ได้เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ เพราะคืนนั้นน้ำส้มก็ไปหาผู้ชายอื่น”
“จะเป็นหรือไม่เป็น แต่เขาก็เป็นผู้ชายของน้ำส้มน่ะ”
“เออๆ สรุป แกกลัวพี่อัทธ์รู้ว่าเป็นแกด้วยใช่ไหม”
“ก็ใช่”
“แกคิดว่าคืนนั้นเขาคิดว่าแกเป็นน้ำส้ม”
“ก็น่าจะ...” บาลีก็ไม่แน่ใจนัก
“บ้าสิ ถ้าเขาเคยนอนกับน้ำส้ม เขาก็ต้องรู้สิว่านั่นไม่ใช่ โอ๊ย พูดเป็นนิยายไปได้”
“ก็เขาทั้งเมา และเป็นไข้ด้วย สติสตังคงไม่ได้สมบูรณ์นักหรอก”
“ก็จริง เพราะลืมกระทั่งป้องกันตัวเอง แต่แล้วทำไมแกไม่กินยาคุมฉุกเฉิน”
“ฉันลืมคิดไปน่ะ ยอมรับว่า...เอ่อ...”
“มัวแต่เพ้อ ที่ได้มีอะไรๆ กับเขาใช่ไหมล่ะ”
“เออๆ ยอมรับก็ได้” เป็นเพื่อนกันมาขนาดนี้คงรู้จักกันดี เกินกว่าจะโกหกอะไรอีก
“มันก็อาจจะจริงของแก ว่าคืนนั้นเขาอาจคิดว่าเป็นน้ำส้ม เพราะเขาไม่เคยติดต่อแกเลยใช่ไหม”
“ใช่ ไม่เคยติดต่อ และจริงๆ ฉันกับพี่เขาก็ไม่เคยมีการพูดคุยหรือติดต่ออะไรกันอยู่แล้ว” อัทธ์ก็เหมือนอยู่อีกโลกสำหรับเธอ ตอนเธอเข้าปีหนึ่ง เขาเรียนปีสุดท้าย ก่อนไปเรียนต่อเมืองนอก
“แล้วแกกับน้ำส้มล่ะ ยังคุยกันอยู่ไหม”
“หลังจากวันนั้น ฉันไม่ได้ติดต่อน้ำส้ม หรือเพื่อนสมัยเรียนมหา’ ลัยเลย ไม่ได้เล่นโซเชียลฯ ด้วย แกก็รู้”
“ทีนี้ฉันรู้แล้วว่าแกไม่เล่นโซเชียลฯ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีลูกแล้ว”
“ไม่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากให้คนที่เคยเรียนมหา’ ลัยด้วยกัน เห็นหน้าน้องอิฐเท่านั้น”
“กลัวเขารู้ว่าน้องอิฐหน้าเหมือนพี่อัทธ์”
“ก็มีบ้าง” โดยเฉพาะน้ำส้ม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพอจะระแคะระคายคืนนั้นไหม เพราะสภาพเตียงนอนก็ไม่ต่างจากสมรภูมิย่อยๆ
ถึงเธอจะไม่ได้เล่นโซเชียลฯ แต่ยอมรับว่าแอบส่องน้ำส้มด้วยแอคหลุมทางอินสตาแกรม เห็นอีกฝ่ายใช้ชีวิตเมืองนอกอย่างสุขสบาย มีคู่หมั้นเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันที่แสนร่ำรวย น้ำส้มอวดชีวิตอยู่ดีกินดีจนเพื่อนๆ หลายคนมาคอมเมนต์ชื่นชมปนอิจฉา
ส่วนเธอก็ได้แต่รู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายในคืนนั้น ไม่กล้าเสนอหน้าไปทักทายหรือติดต่อน้ำส้มอีก แม้น้ำส้มกับอัทธ์จะไม่ได้คบหาเป็นแฟนกัน แต่ในตอนนั้นอัทธ์ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งของน้ำส้มอยู่ดี
“ตอนแกท้อง ฉันเข้าใจนะที่แกไม่บอกพี่เขา”
“ใช่ ฉันไม่อยากทำลายอนาคตของพี่เขา”
ตอนนั้นอิฐกำลังดังเป็นดาวจรัสฟ้ากับบทพระเอกละครหลังข่าวเรื่องแรกที่ประกบดาราสาวชื่อดังอย่างเมทิตา ที่ต่อมาทั้งสองก็ขยับสถานะจากคู่จิ้นเป็นคู่จริง
แถมการตั้งครรภ์ของเธอก็ไม่ได้เกิดจากการยินยอมพร้อมใจของอัทธ์ บาลีจึงไม่มีสิทธิ์ทำลายอนาคตที่กำลังรุ่งในวงการบันเทิงของอัทธ์ เพราะจะว่าไปในคืนนั้น ถ้าเธอต่อต้านขัดขืน หรือทำให้เขาได้สติว่าเธอไม่ใช่น้ำส้ม เรื่องราวคืนนั้นอาจไม่เกิดขึ้น แต่เพราะเธอฉวยโอกาส ที่จะได้เป็นของเขา เพียงแค่คืนเดียวที่ได้รับสัมผัสที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงจากเขา เธอก็ยินยอมพร้อมใจ
บาลีละอายใจ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ได้มีค่ำคืนที่แสนวิเศษกับอัทธ์ จนทำให้เธอรู้สึกผิดกับน้ำส้มอยู่จนถึงตอนนี้
“แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่คิดจะบอกเหรอ”
“จะบอกเพื่ออะไรล่ะ”
“แกรักพี่เขาอยู่สินะ ถึงตามไปดูงานอีเวนท์พี่เขาบ่อยๆ”
“ยังไงฉันก็ยังเป็นแฟนคลับเขาอยู่ดี”
“ไม่คิดจะขยับสถานะจากแฟนคลับ เป็นแม่ของลูกบ้างเหรอ”
“บ้าสิ แค่นี้ก็มาเกินฝันแล้วนะ”
“เฮอะ มักน้อยจริง แต่ยังไงน้องอิฐควรได้โอกาสในการใกล้ชิดกับพ่อเขานะ”
“แกจะบอกให้ฉันยอมให้น้องอิฐไปแคสต์งานละครงั้นเหรอ”
“ใช่ น้องอิฐมีแววเรื่องการแสดง นั่นคือเหตุผลหลัก อีกเหตุผลหนึ่ง ถ้าน้องอิฐแคสต์ผ่านก็จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพ่อเขา มันเป็นเรื่องที่ดีนะโว้ย”
“แต่ว่า...”
“แกเองก็เหมือนกัน หลงรักเขามานานขนาดนี้ ที่ผ่านมาฉันพอเข้าใจว่าแกทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้แกมีโอกาสที่จะใกล้ชิดเขา แกจะปล่อยโอกาสนี้ไปทำไม”
“ฉันกลัว”
“กลัวเขาจะรู้ว่าน้องอิฐเป็นลูกเขาน่ะเหรอ”
“ก็ใช่”
“กลัวทำไม ในเมื่อแกไม่บอก ฉันไม่พูด เขาจะรู้ได้ยังไง เว้นแต่เขารู้ เพราะจดจำคืนนั้นได้”
บาลีนิ่งขึงไปทันที
“แกไม่อยากรู้หรือไง ว่าคืนนั้นเขาจำอะไรได้บ้าง”
“แต่ว่า...”
“นี่เป็นโอกาสของแกแล้วนะลี อย่าให้ผู้ชายคนนั้นเป็นแค่ความฝันไปตลอดชีวิตสิ แกมีโอกาสทำให้เขาเป็นความจริงในชีวิตของแกได้ ลองดูเถอะ นะลี นะ...”
“อือ...”
::::::::::::::;