รัก ลวง พราง 1

2387 Words
หนึ่งเดือนต่อมา ณ บ้าน วีรกุลชัย             กัมปนาทเดินลงมาจากชั้นบนของตัวบ้านในเช้าวันใหม่ที่สดใสเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขายอมรับว่าชีวิตของตนเองเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น หัวใจชุ่มฉ่ำเบิกบานกับความรักงอกงามขึ้นในใจ หัวใจเปี่ยมไปด้วยความสุข วชิราภรณ์เป็นผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น             “ตั้งแต่มีความรักดูพี่เอหน้าตาสดใสมากเลยนะคะ ไม่ทำหน้ายักษ์ใส่เหมือนเมื่อก่อน” เขมิกาแซวญาติหนุ่มเมื่อกัมปนาททรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องรับประทานอาหาร ความเปลี่ยนแปลงของกัมปนาทอยู่ในสายตาของคนในบ้าน และเรื่องที่เขามีคนรักทุกคนที่นี่ต่างรู้เรื่องเป็นอย่างดี             “แซวพี่แต่เช้าเลยนะเขม ทำไม...แต่ก่อนพี่หน้ายักษ์มากเลยเหรอ” คนที่ถูกแซวถามกลับ             “มากค่ะ หน้างิ้วคิ้วขมวด ยุ่งแต่เรื่องงานตลอด เอะอะอะไรก็ทำแต่งานไม่รู้จักสนใจหาฟงหาแฟน แล้วนี่เมื่อไหร่จะพาแฟนของพี่เอมาให้เรารู้จักบ้างคะ” เขมิกาตอบญาติหนุ่ม ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาคนรักของกัมปนาท รู้จักเพียงชื่อเล่นที่กัมปนาทมักเล่าสู่กันฟังเท่านั้น และนี่เองที่เป็นความเปลี่ยนแปลงของกัมปนาทที่ทุกคนในบ้านเห็น สีหน้าและท่าทางเคร่งขรึมของเขาเปลี่ยนไป เสมือนกับว่าเดินออกมาจากโลกที่เต็มไปด้วยการทำงานแสนเคร่งเครียด ก้าวย่างเข้ามาสู่โลกที่เต็มไปด้วยสีชมพู...โลกของความรัก             “คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้างสิ ส่วนเรื่องที่จะพาแฟนพี่มาให้ทุกคนรู้จัก เห็นทีจะต้องคอยกันอีกสักหน่อย ผึ้งยังไม่พร้อมน่ะ” คำว่าไม่พร้อมของวชิราภรณ์คือ ต้องการให้มั่นใจอีกสักนิดว่าเขารักและต้องการแต่งงานกับเธอจริงๆ และถ้าหากวชิราภรณ์มั่นใจเมื่อไหร่ จึงจะมาทำความรู้จักกับครอบครัวของเขาอย่างเป็นทางการ โดยไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงหลุมพรางที่วชิราภรณ์ขุดเอาไว้หลอกล่อให้มาติดกับ             “ถ้าผึ้งพร้อมเมื่อไหร่ก็พามาให้ลุงกับทุกคนที่นี่รู้จักบ้างนะ ทำความรู้จักคุ้นเคยกันตั้งแต่เนิ่นๆ พอแต่งงานอยู่ร่วมบ้านเดียวกันจะได้ไม่เขรอะเขิน” ณัฐพลเจ้าของบ้านพูดขึ้น             “ครับคุณลุง” กัมปนาทรับคำ             “รู้สึกว่าแฟนพี่เอจะแปลกๆ นะคะ เพื่อนๆ เขมพอมีแฟนก็อยากให้แฟนพาไปบ้านเพราะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ จะมีแต่คุณผึ้งแฟนพี่เอนี่แหละคะที่ไม่ยอมมาบ้านของเราซักที สงสัยเขมต้องแอบไปดูหน้าคุณผึ้งแฟนพี่เอซะแล้ว อยากรู้ว่าจะน่ารักเหมือนกับที่พี่เอพูดหรือเปล่า”             “ผึ้งไม่แปลกอะไรหรอกเขม ผึ้งแค่อยากจะมั่นใจในตัวของพี่ให้มากกว่านี้เท่านั้นเอง ผึ้งเป็นคนน่ารัก เป็นคนกตัญญูมากเลยนะครับ และที่สำคัญน่าสงสารมากด้วย” เขาพูดในสิ่งที่ตาเห็น และได้ยินจากคำบอกเล่าของวชิราภรณ์             “น่าสงสารยังไงเอ” วรางค์คนางค์ถามขึ้นด้วยความอยากรู้             “ผึ้งอยู่กับแม่แค่สองคนครับ ผึ้งเล่าให้ผมฟังว่าผึ้งเกิดมาไม่มีพ่อ มีแต่แม่เพียงคนเดียว เพราะพ่อให้ความสนใจกับเมียน้อยที่พาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย ตอนที่พ่อหย่ากับแม่ของผึ้ง ตอนนั้นแม่ของผึ้งตั้งท้องอยู่ด้วยครับ น่าสงสารมากเลยครับ ผมไม่เข้าใจคนที่เป็นเมียน้อยของพ่อผึ้งเลย เป็นมือที่สามไม่พอยังจะมาพรากลูกพรากพ่อให้แยกจากกันอีก ใจทำด้วยอะไรก็ไม่รู้นะครับ ใจดำยิ่งกว่าอีกาหรือว่าหน้ามืดอยากเป็นเมียหลวงจนไม่สนใจความผิดขอบชั่วดี คนอย่างนี้ผมว่าตกนรกก็ยังไม่สาสม แต่เรื่องนี้จะว่าเมียน้อยคนเดียวก็ไม่ถูก ถ้าพ่อของผึ้งไม่มีใจให้ด้วยเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ถ้าผมแต่งงานกับผึ้ง ผมจะรักผึ้งและดูแลผึ้งไปจนตาย ผมจะไม่มีเมียน้อยเด็ดขาด สาปส่งเลยครับผู้หญิงประเภทนี้” คำบอกเล่าของกัมปนาทกระแทกหัวใจของคนสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างแรง สองคนนั้นก็คือณัฐพลกับวรางค์คนางค์ที่นั่งทำหน้าไม่ถูกหลังจากที่กัมปนาทพูดจบ             ณัฐพลย้อนคิดถึงกัญญาอดีตภรรยาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เรื่องราวของคนรักของกัมปนาทละหม้ายกับเรื่องราวในอดีตของเขามากเหลือเกิน ต่างกันตรงที่ว่าตอนที่เขาหย่าขาดกับกัญญานั้น อดีตภรรยาไม่ได้ตั้งครรภ์ ณัฐพลจึงไม่นึกเอะใจว่า คนรักของหลานชายของวรางค์คนางค์คือลูกของเขา...โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้น             วรางค์คนางค์อื้ออึงไปในทันทีเช่นกัน กัมปนาทกับเขมิกาไม่รู้เรื่องในอดีตของนาง จึงไม่รู้ว่านางนี่แหละคือภรรยาน้อยของณัฐพล และเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อกำจัดภรรยาหลวงของณัฐพลให้ออกไปจากชีวิต ตอนนั้นนางไม่คิดอะไรทั้งสิ้น คิดเพียงว่าจะทำอย่างไรให้ตนเองภรรยาคนเดียวของชายที่ตัวเองรักเท่านั้น             “น่าสงสารจังนะคะ เขมเกลียดที่สุดเลยค่ะพวกเมียน้อยเนี่ย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องคิดแย่งของรักของคนอื่นด้วย สงสัยไม่มีปัญญาหาสามีถึงได้เที่ยวแย่งสามีคนอื่น ไร้ความคิด ไม่มีจริยะธรรมเอาเสียเลย เป็นลูกผู้หญิงด้วยกันน่าจะเห็นใจกันมากกว่า นึกถึงใจเขาใจเราบ้างก็คงจะดีไม่น้อย การถูกแย่งของรักมันเจ็บปวดนะคะ เขมเคยรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนั้นดีว่ามากน้อยแค่ไหน ดีนะคะที่คุณพ่อไม่มีเมียน้อย มีแต่คุณแม่คนเดียว ไม่อย่างนั้นเขมคงเสียใจและเสียความรู้สึกมากๆ แน่ๆ เลยค่ะ” เป็นอีกครั้งที่ณัฐพลกับวรางค์คนางค์อื้ออึงกับคำพูดที่ได้ยิน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าวรางค์คนางค์จะรู้สึกสะท้อนในอกมากกว่าครั้งไหนๆ นางไม่อยากจะคิดและนึกภาพเลยว่า หากเขมิการู้ว่า นางเป็นภรรยาน้อยของณัฐพล เป็นคนที่ทำให้ณัฐพลหย่าขาดกับกัญญา ลูกสาวคนเดียวของนางจะทำเช่นไร จะเกลียดเหมือนกับที่พูดออกมาหรือไม่ จะรับเรื่องที่รับรู้ได้มากน้อยแค่ไหน นางหวั่นใจยิ่งนัก “คุณลุงกับคุณอาเป็นอะไรครับ ทำไมหน้าตาซีดๆ เมื่อสักครู่ยังดีๆ อยู่เลยนะครับ” กัมปนาททักขึ้น เมื่อมองเห็นใบหน้าของคนทั้งสองที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งดวงตายังฉายแววบางอย่างที่เขาบอกไม่ได้ว่า ทั้งสองกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เศร้า รู้สึกผิด เสียใจหรืออะไรสักอย่างที่เขาเข้าไปไม่ถึง “นั่นสิคะ หน้าคุณแม่ซีดมากๆ เลย คุณพ่อก็ด้วย” เขมิกาทักบิดามารดาด้วยอีกคน “มะ...ไม่ได้เป็นอะไรจ้ะ แม่แค่รู้สึกปวดหัวขึ้นมากะทันหันเท่านั้นเองจ้ะ” วรางค์คนางค์รีบพูดแก้ตัว “พ่อก็เหมือนกัน เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย รู้สึกปวดหัวข้างเดียว” ณัฐพลผสมโรงอีกคน “ผมว่าคุณลุงกับคุณอาทานอาหารเช้าเถอะครับ ประเดี๋ยวผมจะให้แช่มเตรียมยาให้คุณลุงกับคุณอาทาน ถ้ายังไม่หายคงต้องไปหาหมอ” เมื่อพูดจบประโยคจึงหันไปทางแช่มสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกล “แช่ม ไปเตรียมยาแก้ปวดหัวให้คุณลุงกับคุณอาคนละสองเม็ดนะ” สาวใช้เดินเลี่ยงไปจัดเตรียมยาให้ตามคำสั่งทันที “อาทานไม่ลงแล้วล่ะ อยากไปพักมากกว่า” เรื่องที่ได้ยินในเช้านี้ ทำให้กระเพราะของวรางค์คนางค์อิ่มตื้อ ลำคอเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกตรงคอ ของเหลวหรือแม้แต่อาหารน่ารับประทานตรงหน้าไม่อาจไหลลงไปสู่กระเพาะอาหารได้ “ลุงก็เหมือนกัน ขอตัวก่อนนะจะขึ้นไปงีบสักหน่อย” ณัฐพลลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก วรางค์คนางค์จึงลุกขึ้นและเดินตามหลังสามีออกไปจากห้องทานอาหาร ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของกัมปนาทและเขมิกา “เขม พี่ว่าวันนี้เขมไม่ต้องไปทำงานนะ อยู่ดูแลคุณลุงกับคุณอาที่บ้านดีกว่า ดูจากอาการแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่” กัมปนาทหันมาบอกเขมิกาญาติสาว “ค่ะพี่เอ” เขมิการับคำ ก่อนจะรับประทานโจ๊กหมูใส่ไข่ตรงหน้าต่อไป หลังจากที่ณัฐพลกับวรางค์คนางค์เข้ามาอยู่ตามลำพังในห้องส่วนบนที่ชั้นบน ทั้งสองเดินไปหยุดยืนอยู่ด้านนอกของระเบียงห้อง ทอดสายตามองสนามหญ้าหน้าบ้านที่เขาและครอบครัวจะออกไปทานกาแฟหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จ “ผมคิดถึงกัญญา ป่านนี้ไม่รู้ว่ากัญญาจะเป็นยังไงบ้าง” ณัฐพลพูดขึ้น วรางค์คนางค์รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันควันที่ได้ยิน นางรู้ดีว่าตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ณัฐพลไม่เคยลืมภรรยาหลวงเลย เขามักพูดถึงกัญญาและรู้สึกผิดในเรื่องที่เคยทำลงไป นางเก็บความไม่พอใจเอาไว้เพราะตอนนี้นางคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของณัฐพลและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป “คนางค์ก็รู้สึกผิดที่เป็นมือที่สามของคุณพลกับของคุณพี่กัญญาเหมือนกันค่ะ ถ้าคนางค์เจอคุณพี่กัญญาอีกครั้ง คนางค์จะกราบขอโทษคุณพี่กัญญาแทบเท้าเลยค่ะ” นางพูดเสียงสั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ในใจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย “มันไม่ใช่ความผิดของคุณคนเดียวหรอก มันเป็นความผิดของผมด้วย มันเป็นความผิดของผมเอง เพราะหัวใจผมอ่อนแอเอง” ใช่...เรื่องนี้เป็นความผิดของเขาแต่เพียงผู้เดียว หากเขายับยั้งชั่งใจ ตระหนักให้มั่นว่า ตนเองมีภรรยาอยู่แล้ว ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ปันใจให้หญิงอื่น ละเมิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับกัญญาว่า จะรักมั่นและซื่อสัตย์ต่อกัญญาเพียงคนเดียว เขาทำตามสัญญาไม่ได้...ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เขาทำร้ายจิตใจกัญญามากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือว่าจิตใจ คำพูดของสามียิ่งตอกย้ำความมั่นใจให้กับวรางค์คนางค์อย่างหนึ่งว่า ในหัวใจของณัฐพลยังมีกัญญาอยู่ แต่จะมากน้อยมากแค่ไหนนางไม่อาจรู้ได้ สิ่งนี้แหละที่ทำให้นางยังวางใจไม่ได้เต็มร้อย ตราบใดที่ยังตามหาตัวกัญญาและจัดการให้สิ้นซากไม่ได้ นางไม่มีทางวางใจแน่นอน “อย่าโทษตัวเองเลยนะคะคุณพล เราสองคนผิดเท่าๆ กันค่ะ อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ” วรางค์คนางค์พูดอย่างเห็นใจ ณัฐพลหันมามองศรีภรรยาที่อยู่เคียงคู่กับเขามายี่สิบกว่าปีด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างที่เขาคิดมานานว่าจะสานต่อในสิ่งที่เคยทำ “คนางค์จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะให้นักสืบออกตามหากัญญาอีกครั้ง” ไม่ใช่ว่าณัฐพลจะนิ่งดูดายเรื่องที่กัญญาออกไปจากบ้านหลังจากที่หย่าขาดกัน เขาอนุญาตให้อดีตอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ ทว่ากัญญาไม่ทำเช่นนั้น นางหนีออกไปจากบ้านในวันรุ่งขึ้น ณัฐพลออกตามหากัญญาทุกที่ที่คิดว่านางจะไป อาจเป็นเพราะความรักที่ยังหลงเหลือ ความดีของกัญญาที่ยังจารึกอยู่ในใจ ความสำนึกผิดที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจของเขาขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วน การออกตามหาคว้าน้ำเหลวโดยสิ้นเชิง ณัฐพลจึงหันมาจ้างนักสืบแต่ทว่ามันก็ไม่ได้ผลเช่นกัน ทุกอย่างเป็นเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ไร้วี่แววของคนที่เขาต้องการพบ “ตามใจคุณพลเถอะคะ คุณพลอยากจะทำอะไรคนางค์ไม่คัดค้านเลยค่ะ เพราะนั่นเป็นความต้องการของคนางค์เช่นกันค่ะ” วรางค์คนางค์ทำเป็นพูดดี แต่ความจริงแล้วในอกร้อนรุ่ม แรงอาฆาตแค้นที่ไม่สามารถขจัดกัญญาออกไปจากชีวิตได้อย่างถาวร เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีกแล้ว นางคิดในใจไว้ว่า ถึงณัฐพลจะออกตามหากัญญาอีกสักสิบครั้ง ทุกครั้งก็จะมีผลลัพธ์ที่ออกมาเหมือนกัน นั่นก็คือ หาไม่พบ วรางค์คนางค์จะขัดขวางเหมือนที่ผ่านมา ณัฐพลจ้างนักสืบออกตามหา นางก็จะจ้างนักสืบคนนั้นให้หยุดตามหาด้วยค่าจ้างที่มากกว่าณัฐพลให้สองเท่า นักสืบรายนั้นๆ มีแต่ได้กับได้ มีหรือที่นักสืบคนนั้นจะไม่ยอม “ผมขอบใจคนางค์มากที่เข้าใจผม ผมรู้สึกผิดต่อกัญญามากมายเหลือเกิน ผมอยากจะไถ่บาปที่ทำไว้กับกัญญา” ณัฐพลตื้นตันกับความใจกว้างของภรรยา ไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยสักนิดว่า มันคือภาพลวงตาทั้งสิ้น “คนางค์บอกแล้วไงคะ ว่าคนางค์ตามใจคุณพล คนางค์ก็อยากจะไถ่บาปที่ทำลงไปเช่นกันค่ะ”  นางพูดเอาความดีใส่ตัว ทำให้คนที่ฟังรู้สึกตื้นตันในความดีของคนที่พูด “ผมขอบคุณคนางค์มากที่เข้าใจผม” ณัฐพลโอบกอดร่างของวรางค์คนางค์ ผู้หญิงที่ตอนนั้นเขาเลือกให้มาเป็นภรรยาหลวงแทนภรรยาหลวงคนเก่าซึ่งไม่มีความผิดใดๆ เลย และตอนนี้เขาก็ต้องการล้างบาปที่ทำไว้กับผู้หญิงแสนดีคนนั้น ผู้หญิงที่ชื่อ กัญญา ใบหน้าของวรางค์คนางค์ที่อิงซบแผ่นอกของณัฐพล เต็มไปด้วยความแค้นเคือง ความริษยาและชิงชัง นางยอมรับเต็มปากเต็มคำว่า นางเกลียดกัญญาเข้าไส้และจะทำทุกอย่างไม่ให้กัญญากลับเข้ามาในชีวิตของนางและณัฐพลอีกเลยตลอดชีวิต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD