เธอไม่เคยรักเขา โอ้...คำๆ นี้เสียดทานหัวใจและความรู้สึกมากเหลือเกิน มากจนเขาทานทนต่อไปไม่ได้ เจ็บดั่งมีดปักคาอก ดึงออกก็ไม่ได้ ปล่อยทิ้งไว้ก็รังแต่จะสูญสิ้นชีวา อยู่อย่างทุกข์ทรมานสะท้านสะเทือนหัวใจ
หญิงสาวอีกมุมหนึ่ง
รุ่งรุจีนั่งเอามือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นที่จุกแน่นในลำคอ เธอแอบถามวชิราภรณ์ว่านัดกับกัมปนาทไว้ที่ไหนเวลาใด ก่อนจะมาตามที่นัดหมายโดยไม่ให้ทั้งสองรู้ตัว น้ำตาของรุ่งรุจีไหลอาบแก้ม รู้สึกสงสารและเห็นใจกัมปนาทยิ่งนัก ชายหนุ่มแสนดีต้องมาอกหักและเจ็บช้ำเพราะวชิราภรณ์ เพื่อนสนิทที่ไม่คิดจะเปิดใจรับเขา หลอกใช้เขาเป็นเครื่องมือแก้แค้นได้อย่างเลือดเย็น ซ้ำร้ายเพื่อนสาวยังไว้วานให้วุฒินันท์พี่ชายข้างบ้านแต่ใจเป็นหญิงมาทำตัวเป็นแฟนจำเป็นอีกด้วย
“คุณเอ จีขอโทษนะคะ” เธอพึมพำกับตัวเอง ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตามองไปยังร่างของกัมปนาทที่นั่งร้องไห้ไม่หยุด เขากระดกดื่มน้ำเมาแก้มแล้วแก้วเล่าอย่างไม่กลัวเมา ราวกับว่าจะดื่มเพื่อดับก้อนทุกข์ ก้อนเสียใจไม่ไห้กระจายเป็นเนื้อร้ายไปทั่วร่าง ดื่มเพื่อให้ลืมรักครั้งแรก
รุ่งรุจีคิดเสมอว่าตนเองมีส่วนผิดในเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องทุกอย่าง รู้เป็นอย่างดีว่าเพื่อนสาวกำลังคิดและทำอะไร ทว่าเธอกลับไม่เตือนชายหนุ่มแสนดีคนนั้นไม่ให้ถลำลึก มอบความรักให้เพื่อนสนิทของเธอเต็มหัวใจ เพราะถ้าหากทำเช่นนั้น เท่ากับว่าเธอทรยศเพื่อน ไม่ทำก็ทรยศหัวใจตัวเอง
และตอนนี้ความเสียใจ ความปวดร้าวระทมทุกข์ของรุ่งรุจีก็มีมากไม่ต่างกับกัมปนาทเลย เขาเจ็บเท่าไหร่ เธอเจ็บมากเป็นสองเท่า เขาเสียใจมากแค่ไหน เธอเสียใจมากยิ่งกว่า
อีกคนหนึ่งคือเพื่อน อีกคนหนึ่งคือคนที่ตัวเองหลงรัก มันยากนักที่จะแบ่งภาคว่า จะเข้าข้างใครดี...
ชายอีกมุมหนึ่ง
“เลว...เธอเป็นผู้หญิงที่เลวที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอมา”
คำต่อว่าวชิราภรณ์ก้องอยู่ในใจของธัญญ์ เขาจ้องมองวชิราภรณ์กับชายคนนั้น ผู้ชายที่เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าคือคนคนเดียวกันกับที่เจอในร้านคอฟฟี่ชอฟ ธัญญ์ไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่สังเกตได้จากท่าทางของฝ่ายชายแล้วนั้น เขาหยั่งรู้ได้ในทันทีว่ากำลังถูกวชิราภรณ์หักอก พอเธอคุยกับชายคนเก่าเสร็จก็ลุกไปหาชายคนใหม่ที่รออยู่ไม่ไกล จากนั้นก็เดินออกไปจากผับโดยไม่ได้หันมามองใบหน้าของชายรักคุดที่ทำหน้าราวกับจะเป็นจะตายเลยแม้แต่น้อย
ภาพเหล่านี้ย้ำชัดให้เขาตระหนักแน่นว่า วชิราภรณ์มากรัก ส่ำส่อน คบผู้ชายคราวละหลายคน ไม่เคยจริงใจกับใคร และหนึ่งในผู้ชายที่ถูกปั่นหัวก็คือ ณัชญ์น้องชายของเขา ความเกลียดชัง ความแค้นจึงสุมทรวงมากขึ้นหลายเท่าตัว และคิดไม่ผิดที่จะสั่งสอนผู้หญิงคนนี้
เห็นทีเขาจะต้องรุกให้หนักกว่าเดิม ก้าวกระโดดเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองมุ่งหวังไว้ ก่อนที่เขาจะดำเนินแผนต่อไป เขาต้องทำอะไรสักอย่างให้ดูสมจริง เพื่อที่เธอจะได้ไม่สงสัย หากถึงวันนั้นจริงๆ
…แผนร้ายที่ว่า แสร้งบอกว่าไปประเทศอังกฤษ ทำบางสิ่งบางอย่างให้เหมือนจริง...
บทที่ 5
รุกฆาต 1
เช้าวันใหม่ ณ บ้านวีรกุลชัย
ณัฐพลลุกเดินจากห้องรับประทานอาหารไปยังห้องรับแขกทันทีที่รู้ว่า ขจรนักสืบเอกชนที่เขาจ้างวานมาเดินทางมาถึงก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย โดยมีร่างของวรางค์คนางค์เดินตามมาติดๆ
“สวัสดีครับคุณพล” ขจรนักสืบมือหนึ่งเคารพเจ้าของบ้านและผู้จ้างวานตามมารยาท
“สวัสดีคุณขจร เรามาเริ่มเลยก็แล้วกันนะผมใจร้อน” เจ้าของบ้านพูดอย่างร้อนใจ
“ครับ ได้ครับ” นักสืบมือหนึ่งรับคำ ณัฐพลจึงหยิบเอกสารที่เขาเตรียมไว้ส่งให้ขจร อีกฝ่ายรับมันไว้ก่อนจะดึงเอกสารชุดนั้นพร้อมรูปถ่ายออกมา ดวงตากวาดดูเอกสาร หูก็ฟังคำพูดของณัฐพล
“นี่คือเอกสารที่เกี่ยวกับกัญญา ภรรยาเก่าของผมที่ผมมีอยู่ทั้งหมด ในเอกสารเหล่านี้คือวันเดือนปีเกิด รูปถ่าย สำเนาทะเบียนบ้าน งานนี้ผมทุ่มไม่อั้น เรื่องค่าใช่จ่ายเท่าไหร่เท่ากัน”
วรางค์คนางค์ระงับความไม่พอใจเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ใบหน้าของนางนั้นมีรอยยิ้มเล็กน้อยยามที่สามีหันมามอง ราวกับว่านางยินดีและเต็มใจเป็นที่สุดในการออกตามหาอดีตมารหัวใจที่ไม่หลุดพ้นไปจากวงจรชีวิตของนางเสียที แต่คราวนี้กัญญาจะไม่มีวันกลับมาให้ณัฐพลเห็นหน้าได้อีก นางจะใช้วิธีขั้นเด็ดขาดขจัดกัญญาให้พ้นทาง
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา ถึงแม้ว่าข้อมูลที่ผมได้จะมีไม่มาก แต่ผมก็เจอกรณีอย่างนี้หลายครั้ง อาจจะใช้เวลานานซักหน่อยนะครับ”
ขจรรับคำอย่างไม่หนักใจ ยากกว่านี้เขาก็เคยรับงานมาแล้ว มีเพียงภาพถ่ายใบเดียวเขาก็สามารถตามหาตัวได้ เพียงแต่ว่าใช้ระยะเวลานานหน่อยก็เท่านั้น
“นานแค่ไหนผมก็จะรอ ขอให้ได้เจอกัญญาก็พอ” ณัฐพลกล่าวอย่างมีความหวัง...ความหวังที่เขาคิดว่ามันจะเป็นความจริงสักวัน
“รบกวนด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเสียค่าใช้จ่ายมากแค่ไหน ทางเรายินดีเต็มที่ค่ะ ดิฉันไม่ต้องการเห็นคุณพลทุกข์ใจกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว”
คำพูดเสแสร้งของวรางค์คนางค์ดังขึ้น ณัฐพลหันมายิ้มกับภรรยาพร้อมกับกุมมือของนางไว้ กระชับเสมือนกับว่ากำลังขอบใจในความเข้าใจ ความดีที่ภรรยามีให้
“ผมจะทำอย่างเต็มที่ครับ”
“ขอบคุณมากนะครับ นี่ครับค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ถ้าไม่พอโทรมาหาผมได้นะครับ ผมจะโอนเข้าบัญชีให้” ณัฐพลหยิบซองสีขาวที่บรรจุเงินสดจำนวนห้าหมื่นบาทส่งให้นักสืบที่เพื่อนสนิทของเขาแนะนำมา
“ขอบคุณครับผมจะไม่ทำให้คุณพลผิดหวังครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ จะลงมือทำงานเลย สวัสดีครับ”
ขจรไม่รั้งรอเช่นกัน เมื่อเขารับงานและเงินมาแล้วก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่ ทุ่มเทให้กับการทำงานจนชื่อเสียงโด่งดังในวงการนักสืบ
“เชิญครับ ผมจะเดินไปส่งนะครับ”
“ไม่ต้องครับ ผมเดินไปเองดีกว่าครับ ขอบคุณมากครับ” ขจรกล่าวอย่างเกรงใจ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องรับแขก มุ่งตรงไปยังรถยนต์ของตนที่จอดอยู่ด้านนอก
“ขอให้คุณขจรตามหาคุณพี่ให้ได้เร็วๆ นะคะ คุณพลจะได้มีความสุข จะได้หมดทุกข์ซะที” วรางค์คนางค์พูดขึ้น
“ผมขอบใจคนางค์มากที่เข้าใจผมและยอมให้ผมตามหากัญญาอีกครั้ง”
เขาหันมากล่าวกับภรรยาด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ สตรีหน้าไหว้หลังหลอกยิ้มอย่างสวยงาม อิงแอบศีรษะลงบนหัวไหล่ของสามี
“อะไรที่เป็นความสุขของคุณพลนั่นก็คือความสุขของคนางค์ค่ะ อีกอย่างคนางค์ก็อยากจะขอโทษเรื่องที่ผ่านมาด้วย คนางค์ไม่มีโอกาสนั้นเลยค่ะ จะพูดกับคุณพี่ให้เข้าใจคุณพี่ก็หนีออกไปจากบ้านเสียก่อน ความรู้สึกผิดจึงติดอยู่ในใจของคนางค์เรื่อยมา ถ้าเจอคุณพี่ความผิดที่ติดค้างในใจก็จะได้ลบเลือนไปเสียที”
วาจาโป้ปดถูกถ่ายทอดออกไปให้ณัฐพลรับฟัง ความตื้นตันใจเต็มอิ่มในใจของณัฐพลมากขึ้น เขาดีใจเหลือเกินที่ภรรยาเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่เขาออกตามหากัญญาอีกครั้ง หลังจากที่หยุดตามหามานับนับสิบปี ณัฐพลก็คิดเช่นเดียวกันกับภรรยา มันคงจะไม่สายเกินไปที่เขาจะกล่าวคำว่า ขอโทษกับกัญญา ผู้หญิงที่ไม่มีความผิดเลยแม้แต่นิดเดียว เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความไม่หนักแน่นในด้านความรักและการกระทำ ความพลั้งเผลอของเขาเพียงผู้เดียว
“ผมดีใจที่ได้ยินคำนี้ ผมดีใจที่สุดเลย”
ณัฐพลโอบกอดร่างของภรรยา นางจึงซุกหน้าลงบนอกกว้างของสามี รอยยิ้มของณัฐพลฉายชัดเต็มใบหน้า ความหวังครั้งใหม่ได้ก่อเกิดอีกครั้งหนึ่งแล้ว ขจรนักสืบที่เพื่อนสนิทแนะนำมาเป็นนักสืบฝีมือดี ทำงานเยี่ยม ได้ข้อมูลมาเพียงเล็กน้อยแต่สามารถตามหาบุคคลนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แปลกที่ความหวังจะผุดขึ้นมาอีกทำนบ
ใบหน้าที่ซุกอยู่กับอกของคนที่ขึ้นชื่อว่าสามี ตอนนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกที่เอ่ยออกไปเลย ตรงกันข้ามใบหน้าของนางนั้นบ่งบอกถึงความริษยา อาฆาตแค้นอย่างรุนแรง ทำไมนางจะไม่รู้ว่าพื้นที่ในหัวใจของณัฐพลยังมีกัญญามาตลอด รวมทั้งความรู้สึกผิดที่โบกทับมันยังไม่หลุดออกไปจากหัวใจจนกว่าจะได้พบเจอและกล่าวคำขอโทษในเรื่องที่ผ่านมา
ไม่มีทาง...นางไม่วันให้สามีได้พบกับภรรยาเก่าแน่นอน ถ่านไฟเก่าที่ยังไม่ดับมอดอาจจะคุขึ้นมาอีกครั้ง ความดีของกัญญายังตราตรึงทุกสัมผัสจิตของณัฐพล ข้อนี้เองที่นางกลัว กว่าจะแย่งณัฐพลมาจากกัญญาได้ นางต้องตีสองหน้าจนเมื่อยไปหมด ทำทุกอย่างให้ทั้งสองผิดใจกันหวังเพียงเพื่อเป็นภรรยาหนึ่งเดียวของเขา และขณะนี้นางก็เป็นในสิ่งที่ปรารถนา แล้วเหตุใดจะให้กัญญามาทำให้ความเป็นหนึ่งของนางสั่นคลอน
...งานนี้ได้ตายกันไปข้างหนึ่ง วรางค์คนางค์หมายมั่นในใจ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
รถปอร์เช่รุ่นใหม่ล่าสุดแล่นมาจอดหน้าบ้านไม้ชั้นเดียว เจ้าของรถยนต์คันโก้ก้าวลงมาจากตัวรถ เดินไปยังริมประตูรั้วบ้านของวชิราภรณ์ที่เขามาเยือนแล้วหลายครั้ง กริ่งที่อยู่ข้างๆ ประตูรั้วถูกกดด้วยนิ้วมือใหญ่ เสียงสัญญาณดังขึ้นในบ้านไม่ถึงสิบวินาที ร่างของกัญญาก็เดินมารับผู้มาเยือน
“สวัสดีครับคุณป้า” ธัญญ์พนมมือไหว้พร้อมกล่าวทักทายด้วยวาจาสุภาพ
“สวัสดีค่ะคุณธัญญ์ เชิญเข้ามาในบ้านก่อนค่ะ ผึ้งเพิ่งตื่นค่ะ” กัญญากล่าวขึ้นเมื่อเปิดประตูรั้วออกกว้าง
“ขอบคุณครับคุณป้า วันนี้คุณป้าไม่ขายของเหรอครับ”
เขาถามขึ้น ปกติทุกเช้าเขาจะเห็นวชิราภรณ์ช่วยมารดาตั้งร้านขายข้าวแกงทุกเช้าเสมอที่มารับไปทำงาน ทว่าวันนี้ภาพเหล่านั้นไม่มีให้เห็น ความสงสัยจึงเกิดขึ้น
“ขายค่ะ แต่ว่าจะขายสายๆ หน่อย นี่ก็กำลังทำกับข้าวอยู่ค่ะ”
“ให้ผมช่วยจัดร้านไหมครับ จะได้เสร็จเร็วๆ” เขาเสนอตัว
“อย่าดีกว่าคะ ประเดี๋ยวเสื้อผ้าของคุณธัญญ์จะเปรอะเอาได้”
“ก็แค่เสื้อผ้าเปรอะ ซักก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ งานแค่นี้ป้าทำเองได้ค่ะ” นางกล่าวด้วยความเกรงใจ การสนทนาเสร็จสิ้นลงเมื่อร่างของวชิราภรณ์เดินออกมาจากบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณธัญญ์ กลับมาจากอังกฤษแล้วเหรอคะ เรื่องที่ไปจัดการเรียบร้อยหรือเปล่าคะ”
ลูกสาวเจ้าของบ้านเอ่ยถามธัญญ์ด้วยรอยยิ้ม ในวินาทีที่เห็นหน้าเลขาสาวเขารู้สึกอึ้งไปชั่วขณะ วชิราภรณ์ในตอนนี้น่ารักสดใส ต่างกับพฤติกรรมของเธออย่างสิ้นเชิง ผมที่ยาวสลวยถูกม้วนแล้วเหน็บด้วยที่หนีบผมตัวใหญ่ เส้นผมที่ปรกลงมาเคลียร์รอบหน้านั้นชวนให้เมียงมอง ส่งเสริมให้รอยยิ้มของเธอนั้นมีอานุภาพมากขึ้น ชุดนอนลายการ์ตูนสีสันน่ารักช่วยปกปิดความเน่าเฟะของเจ้าของเรือนร่างแต่นั่นทำให้เธอดูสดใสมากๆ สำหรับเช้าวันนี้ เขาไม่เคยเห็นเธอในสภาพแบบนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะว่าเช้าวันนี้เขามาเร็วกว่าทุกวัน
“เรียบร้อยดีครับ ผมเปลี่ยนนามสกุลเรียบร้อยแล้วครับ เป็นธัญญ์ แม็คซันควีน อมรรัตนา”
เขาตอบตามที่ได้อ้างกับเธอว่า จะเดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อเปลี่ยนนามสกุลตามบิดา ที่เปลี่ยนไปก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกับใส่นามสกุลของมารดาพ่วงท้ายไปด้วย และเป็นอีกครั้งที่วชิราภรณ์เชื่อเขาอย่างไม่มีข้อกังขา เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไปประเทศอังกฤษตามที่บอก ธัญญ์เดินทางไปเที่ยวเกาะพีพีและกลับมาให้ดูเหมาะสมกับเวลาที่เดินไปทำธุระที่นั่น ระยะทางไป-กลับรวมระยะเวลาจัดทำเรื่องการเปลี่ยนชื่อก็เจ็ดวัน
คำตอบนี้ถูกเอ่ยขึ้นหลังจากที่ธัญญ์ดึงสติกลับเข้ามาอยู่ในสภาวะปกติ ไม่ให้เตลิดไปกับความน่ารักสดใสที่เธอพยายามสร้างขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นรอก่อนนะคะ ผึ้งช่วยแม่จัดร้านก่อน”
“แม่จัดเองก็ได้ ผึ้งไปอาบน้ำเถอะ แม่ไม่อยากให้คุณธัญญ์รอนาน” กัญญากล่าวด้วยความเกรงใจอีกครั้ง
“ไม่รู้แหละ ใครจะคอยนานผึ้งไม่สน ผึ้งสนแต่ว่าต้องช่วยแม่จัดร้านก่อน แม่สำคัญกว่าทุกคนในชีวิตของผึ้งเสมอจ้ะ คุณธัญญ์เข้าไปนั่งรอในบ้านก่อนนะคะ ผึ้งช่วยแม่จัดร้านแป๊บนึง”
วชิราภรณ์ไม่มีความลังเลที่จะทำในสิ่งที่ตนเองปฏิบัติมาหลายปี เธอไม่สนใจว่าใครจะคอยนานหรือไม่ เธอพร้อมที่จะทำหน้าที่นั้นด้วยความเต็มใจ
ธัญญ์ได้ยินถ้อยคำของเลขาสาวแล้วอึ้งไปเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่มากรักคนนี้จะรักและแคร์มารดามากถึงเพียงนี้ เธอไม่สนใจด้วยว่าเขาซึ่งเป็นเจ้านายกำลังคอยอยู่ มันเป็นอีกด้านที่เขาไม่เคยสัมผัสในตัวของวชิราภรณ์
“ให้ผมช่วยนะ จะได้เสร็จเร็วๆ”
“ก็ได้ค่ะ” วชิราภรณ์ไม่รั้งรอรีบเดินไปจัดร้านให้มารดาทันที โดยมีธัญญ์เป็นผู้ช่วย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะทำเองเสียมากกว่า เนื่องจากธัญญ์จัดร้านไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะนำโต๊ะไปวางไว้ตรงไหน เขาจึงเปลี่ยนวิธีการช่วยมาเป็นนำตะกร้าใส่ช้อนกับส้อมไปวางตามโต๊ะ รวมทั้งจัดเก้าอี้ให้เป็นระเบียบเท่านั้น
หลังจากที่จัดร้านเสร็จเรียบร้อย วชิราภรณ์จึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน อาบน้ำและแต่งตัวเดินทางไปทำงาน ส่วนธัญญ์ก็นั่งรออยู่ในบ้าน ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองจึงเดินทางออกจากบ้านของกัญญาด้วยรถสุดหรู
“ดูท่าทางผึ้งรักแม่มากนะ” เขาถามขึ้น หลังจากที่ลอบดูการแสดงออกที่วชิราภรณ์มีต่อมารดา
“ค่ะ ผึ้งรักแม่มากที่สุดในโลกเลย” สีหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสุขเมื่อพูดถึงกัญญา
“ผมมาบ้านผึ้งตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเห็นพ่อของผึ้งเลย” คำถามที่หลุดออกมาจากปากของธัญญ์ ส่งผลให้สีหน้าของวชิราภรณ์เจื่อนลง ประดับด้วยความหมองเศร้าแทนที่
“พ่อไม่ต้องการผึ้งค่ะ พ่อมีเมียใหม่ไม่สนใจผึ้งกับแม่ แม่เลี้ยงผึ้งมาคนเดียวตั้งแต่เกิด เพราะตอนที่แม่มีผึ้งอยู่ในท้องพ่อไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะว่าเมียใหม่ของพ่อกำลังมีน้องอยู่เหมือนกัน ผึ้งจึงรักแม่มาก แม่เลี้ยงผึ้งมาอย่างยากลำบาก อดมื้อกินมื้อเพื่อให้ผึ้งอิ่ม ลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น แม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผึ้ง ใครทำให้แม่เจ็บคนคนนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่า”
น้ำเสียงในตอนท้ายของเธอนั้นเข้มห้วน ประหนึ่งเคียดแค้นบุคคลที่เป็นต้นเหตุอย่างมากมาย เขาเองก็สัมผัสได้ถึงความเกลียดชังในน้ำเสียงนั้นเช่นกัน แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะคิดว่า ที่เขาเข้ามาในชีวิตของวชิราภรณ์นั้นไม่ต้องการรู้อดีตหรือความเจ็บปวดของสองแม่ลูก สิ่งที่เขาต้องการคือการได้ล้างแค้นและให้บทเรียนกับวชิราภรณ์เท่านั้น แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกสงสารก็เดินทางเข้ามาสู่หัวใจแข็งแกร่งได้ไม่ยาก ทว่ามันไม่มากพอที่จะให้เขาหยุดการกระทำของตนเอง และไม่คิดที่จะถามลึกไปกว่าที่ได้ยิน
“ผมขอโทษที่ถามออกไปแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ผึ้งชินกับคำถามแบบนี้แล้ว” เธอตอบเสียงเบา หันมาส่งยิ้มเศร้าๆ ให้ธัญญ์
“ผมลืมบอกผึ้งไป วันนี้ประมาณสิบเอ็ดโมงเราต้องไปเกาะช้างกันนะ พอดีมิสเตอร์พอลที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทแม่เดินทางมาพักผ่อนที่เมืองไทย ผมก็เลยต้องไปแทคแคร์เขาเสียหน่อย ผึ้งสะดวกหรือเปล่าครับ”
เขาดำเนินแผนการรุกฆาตทันที เป็นเพราะความบังเอิญหรือว่าโชคเข้าข้างเขาก็ไม่อาจทราบได้ เมื่อวานนี้พอลลูกค้ารายสำคัญของเขาโทรศัพท์มาบอกว่า วันนี้จะเดินทางมาเที่ยวยังเกาะช้าง ธัญญ์จึงต้องเดินทางมาที่นี่และใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ วชิราภรณ์ทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะขยับปากถาม
“ไม่ได้ค้างใช่ไหมคะ”
“ไม่ค้างครับ ผมไปเครื่องบินส่วนตัวครับ อยู่แทคแคร์มิสเตอร์พอลประมาณสองสามชั่วโมงเท่านั้นครับ กลับมาถึงกรุงเทพฯ น่าจะเย็นๆ ค่ำๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ผึ้งจะได้โทรไปบอกแม่ก่อน แม่จะได้ไม่เป็นห่วงหากกลับบ้านดึก”
เขาทำเสียง “ฮึ” ออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ “กลัวแม่เป็นห่วง” คนอย่างเธอนั้นหรือจะกลัวแม่เป็นห่วง กัญญามารดาของเธอคงจะไม่รู้ว่าลูกสาวของตนเองสำส่อนมากแค่ไหน ผละจากชายคนนี้ก็โผเข้าไปหาชายคนนั้น ทำในสิ่งที่น่าละอาย ไม่สมกับเป็นสตรีไทย หากรู้เรื่องนี้เข้าคงจะเสียใจหรือไม่ก็ไม่รู้สึกอะไรเพราะรู้พฤติกรรมของลูกสาวดี
“ครับ โทรไปบอกคุณป้าก่อนก็ดีครับ คุณป้าจะได้ไม่เป็นห่วง”
“ค่ะ ผึ้งไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ แม่ทุกข์มามากแล้ว ไม่อยากให้ทุกข์เรื่องผึ้งอีก”
ธัญญ์หันมามองหน้าผู้พูดอย่างค้นหาความหมาย เธอพูดราวกับว่ามารดามีความทุกข์อันใหญ่หลวงสุมทรวง ปากก็อยากจะขยับถาม แต่นั่นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นที่เขาต้องการรู้ ธัญญ์ปัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเกี่ยวกับความทุกข์ของสองแม่ลูกคู่นี้ สิ่งที่เขาปรารถนาคือเพิ่มความทุกข์สู่หัวใจของวชิราภรณ์เท่านั้น