ตอนที่4. หัวเราะเสียงใส

1572 Words
ช่วงที่นางเข้าวังใหม่ๆ พอเริ่มคุ้นเคยกับขันทีที่มาส่งแล้ว นางขอเดินกลับเอง จึงได้พบที่แห่งนี้ นางกับลุงถังพูดคุยกันถูกคอจึงได้รับไมตรีให้เดินหมากที่นี่ได้ แล้ววันหนึ่งหลังออกจากวังหลวง นางพบกับ ‘จ้าวต้า’ ที่ตอนนั้นนั่งร้องไห้ขายตัวเพื่อฝังศพพ่อ นางมีเงินเก็บจากที่เดิมพันหมากล้อม และถุงเงินจากขันทีที่ฮองไทเฮาประทานให้ นางจึงซื้อตัวจ้าวต้ากลับไปบ้าน นางถูกคนที่บ้านก่นด่ายกใหญ่ แต่นางยืนกรานจะรับจ้าวต้าไว้ให้ได้ เห็นเด็กชายตัวน้อยผู้นี้แล้วก็คิดถึงตนเอง นางไม่ได้มีเจตนาจะซื้อจ้าวต้าเป็นคนรับใช้ เพียงแค่หวังให้เขามีที่อยู่ ที่กิน ที่ซุกหัวนอน รอให้เติบโตกว่านี้ หาที่ทางไปได้ นางก็คืนอิสระให้แก่เขา  “ไม่ได้เจอเจ้าหลายวัน วันนี้เดินหมากกับข้าสักกระดานเถอะ”     ว่านหนิงเหมยเพียงพยักหน้ารับ แต่กวาดตามองไปรอบๆ รู้สึกว่ามีคนจากถิ่นอื่นเข้ามามาก ไม่ใช่แค่โรงน้ำชาแห่งนี้เท่านั้น ระหว่างเดินเล่นในตลาด นางก็รู้สึกว่ามีคนต่างถิ่นเข้ามาปะปนมาก   “ระยะนี้กิจการท่านดีนัก ดูสิ ผู้คนแน่นร้านกันเลย”   “แน่นร้านอย่างไรข้าก็อยากเดินหมากกับเจ้า” “ท่านลุงถังฝีมือข้าอ่อนด้อยนัก ท่านเดินหมากกับข้าจะไม่เสียเวลาเปล่าหรือ?” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ วิธีเดินหมากของลุงถังบอกได้ว่าเป็นคนดุดันมุทะลุ แต่นางก็พยายามตะล่อม ไม่วางหมากเร็วเกินไป แม้จริงแล้ว นางแค่อยากมาทักทายเท่านั้น  “ตั้งแต่มีข่าวองค์ชายเฟยเทียนจะเสด็จกลับเมืองหลวงนั่นแหละ”  “อย่างนั้นรึ” นางวางหมากขาวของตนเอง ไม่ถามอะไรเพิ่ม เพียงแต่ลอบมองผู้อื่นในร้าน เพียงครู่เดียวร่างหญิงสาววัยสามสิบเดินตรงเข้ามา ทำหน้าบึ้งตึงใส่   “ท่านนี่นะ พอเจอไร้นามเข้าก็ทิ้งได้ทุกอย่าง”    “น้าฉิงจือ” ว่านหนิงเหมยส่งเสียงทักทาย รู้ดีว่าน้าฉิงจือทำเสียงดุนั่นก็เพียงดุพี่ชายหรือท่านลุงถังเท่านั้น “เลิกๆ เลิกเดินหมากล้อมนี่แล้วไปฝึกผีผากับข้าดีกว่า” ถังฉิงจือดึงมือเล็กที่กำหมากอยู่ให้ลุกขึ้น ไม่สนใจมารยาทในวงหมากล้อมสักนิด    “นี่! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งไร้นามของข้า” คนเป็นพี่โมโหเดือดดาล  รู้ทั้งรู้ว่าชอบเดินหมากเป็นชีวิตจิตใจ แต่น้องสาวกลับไม่ชอบเลยสักนิด   ว่านหนิงเหมยหัวเราะเสียงใส อยู่ในบ้านนางไม่เคยได้หัวเราะแบบนี้ ใครต่างมองว่าชีวิตนางโชคร้าย สำหรับนางแล้ว นี่ต่างหากชีวิตที่นางปรารถนา.             ..... ในตำหนักของฮองไทเฮามีฮ่องเต้ประทับอยู่ด้วย แม้จะมีเพียงคนสนิทในห้องนี้ แต่พระองค์ยังมีสีพระพักตร์เคร่งเครียดไม่น้อย “เสด็จแม่ คำพูดของหลวงจีนผู้นั้นเชื่อถือได้หรือไม่”   “แม่นับถือไต้ซือซู่ยิ่งนัก” ฮองไทเฮาเอ่ยย้ำในสิ่งที่ตนได้พูดออกไปแล้ว “และแม่ก็ไม่เห็นจะเสียหาย หากเจ้าผู้เป็นบิดาจะประทานสมรสให้ลูกชายตัวเอง”    “เฮอะ!” ฮ่องเต้แค่นเสียงในลำคอ “ลูกชายที่ว่านั้นคือเฟยเทียน ที่เป็นปีศาจไปแล้ว!”   “ไม่ใช่เพราะเจ้ารึ! ทำให้เขาต้องเป็นเช่นนั้น!” ฮองไทเฮาขึงตาใส่ “เป็นเพราะเจ้ารังเกียจ ‘หลินหลาน’ ของข้า มัวเมากับนางสนมเอก ‘จื่อลู่’ หวังให้นางนั่งตำแหน่งฮองเฮาแทนหลินหลาน ปลดเฟยเทียนหลานชายข้าจากตำแหน่งรัชทายาท! ส่งเขาไปตายในสนามรบ! เรื่องพวกนี้เจ้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อยู่รึ!”    “ใครใช้ให้มันเรียกปีศาจออกมา!” พระองค์ยังไม่ยอมรับความผิดที่เกิดเมื่อสิบปีก่อน หลินหลานเป็นฮองเฮาของพระองค์ เป็นสตรีที่ฮองไทเฮาเลือกให้เคียงข้าง แต่เขารังเกียจนาง! มิเคยรักใคร่สักปลายเล็บ แต่นางก็ดันมอบพระโอรสองค์แรกให้เขา “เทพเจ้ามีมากมายไยกลับเรียกปีศาจมาเล่า!”    “แม้เป็นมารปีศาจ แต่บ้านเมืองเรารอดปลอดภัยไม่ใช่หรือไร สิบปีมานี้ เฟยเทียนขยายอาณาเขตไปเท่าไหร่ เฟยเทียนมาเรียกร้องเอาอะไรกับเจ้ารึ! โน่น! เขาอยู่ตุนหวง ไกลจากเมืองหลวงกี่ร้อยกี่พันลี้!”  “ท่านก็เข้าข้างมัน”   “มันที่เจ้าเอ่ยถึงคือหลานชายข้า และข้าได้สัญญากับหลินหลานไว้แล้วว่าจะดูแลเขาแทนนาง นางยอมตายอย่างโดดเดี่ยวในตำหนักเย็น จื่อลู่ได้เป็นฮองเฮา ฉวนโหยวก็ได้เป็นรัชทายาท เจ้าก็ควรปล่อยวางเรื่องเฟยเทียนเสียบ้าง”  “ถ้าท่านคอยให้ท้ายมัน...เอ่อ...เฟยเทียนเช่นนี้ ก็ตามใจท่านเถิด แต่จะหาสตรีใดมาแต่งงานกับปีศาจเช่นเขาเล่า”   “เรื่องนี้ข้าจัดการเอง” ฮองไทเฮาโบกมือไปมาคล้ายไม่ต้องการพูดถึงเรื่องพวกนี้อีก  “ได้! ตราบใดที่คนผู้นั้นไม่สร้างความอัปยศให้แก่วงศ์ตระกูล ข้าก็ยังเห็นมันเป็นลูก!”   ฮ่องเต้กัดฟันข่มโทสะ รีบลุกขึ้นเดินจากไปทันที ฮองไทเฮาได้แต่ถอนหายใจ สงสารหลายชายที่บิดาไม่รัก แม้เรียกว่าลูก น้ำเสียงก็แสนรังเกียจยิ่งนัก   ฮองไทเฮานึกถึงมเหสีหลินหลาน นางเป็นหญิงที่ถูกวางหมากให้นั่งตำแหน่งนี้ตั้งแต่เกิด นิสัยเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ เรื่องความงดงามนั้นเหนือผู้ใด ทว่ากลับไม่อาจครองใจฮ่องเต้ได้ อาจเป็นเพราะถูกบังคับให้อภิเษกจึงต่อต้าน หลินหลานเป็นคนยอมใครไม่เป็น ไม่รู้จักมารยา แม้ตนเองเป็นฮองเฮา เมื่อใดที่เห็นฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับหญิงใดมากเกินไป ก็สั่งกำจัดเสีย ฮองไทเฮาย่อมรู้เรื่องเหล่านี้ดี แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น    จนกระทั่งสนมเอกจื่อลู่ประสูติพระโอรส ทำให้ฮองเฮาไม่พอพระทัย หวังกำจัดทั้งแม่และลูก ฮองไทเฮาจึงจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือเชื้อสายมังกร ทว่ากลับทำให้ฮองเฮาไม่พอใจ กลายเป็นคนเกรี้ยวกราด โมโหร้าย เอะอะสั่งประหารชีวิต ฮองไทเฮาจำใจส่งนางไปอยู่ตำหนักเย็นเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ฮ่องเต้กลับส่งเฟยเทียนไปสนามรบให้นำทัพเป็นครั้งแรก แม้เฟยเทียนมีวรยุทธ์สูง เชี่ยวชาญศาสตราวุธทุกชนิด แต่การรบในสนามรบครั้งแรกไม่ใช่เรื่องง่าย และยังเป็นการรบที่หวังให้เขาสิ้นชื่อในสนามรบ ไม่มีการส่งทหารกองหนุนไปช่วยเหลือ ตัดเสบียงอาหาร ใครเลยจะรู้ว่า ความสิ้นหวังของเฟยเทียน เรียกปีศาจมังกรเพลิงให้มาสิงสถิตที่ตนเอง แม้ได้รับชัยชนะ แต่เขาแลกวิญญาณกับปีศาจไปแล้ว     เขาไม่ใช่เทพแต่กลายเป็นปีศาจ! ปีศาจกระหายสงคราม! ออกรบคราใดคว้าชัยชนะในทุกครั้ง ฝ่ายตนสูญเสียน้อยมาก อีกฝ่ายพ่ายแพ้ย่อยยับเหลือเพียงเศษซาก องค์ชายเฟยเทียนไม่สนใจที่ตนเองถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท นับตั้งแต่วันที่รู้ว่ามารดาของตนสิ้นแล้ว เขายังมีสีหน้านิ่งเฉยราวกับรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง เขาไม่เรียกร้องเอาสิ่งใดนอกจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ประจำอยู่ที่ตุนหวง เมืองที่แปลว่าดวงไฟเจิดจ้า ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย แต่เป็นเส้นทางสำคัญที่เรียกว่า ‘เส้นทางสายไหม’ ราวหนึ่งเดือนก่อนไต้ซือซู่มาขอเข้าพบ ได้บอกเล่านิมิตให้ฮองไทเฮาทราบ  “องค์ชายเฟยเทียนยังมีหนทางเยียวยา อย่าให้เขาต้องสร้างบาปกรรมเพิ่มขึ้น ทำความดีสร้างบุญกุศลจึงพ้นจากเคราะห์กรรม”   “เห็นทีจะยากยิ่ง เขาเป็นนักรบ เข่นฆ่าผู้คนเพื่อรวบรวมแผ่นดินให้เป็นแผ่นดินเดียวคือปณิธานของเขา หากยังทำไม่สำเร็จ คงไม่อาจหยุดยั้งการฆ่าลงได้”  “แต่งงาน”  “ไต้ซือว่าอะไรนะ?”  “ให้คนผู้นั้นแต่งงาน ดวงชะตาชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลง ให้อีกดวงชะตาช่วยเหนี่ยวรั้ง มิให้เขาทำบาปกรรมหนักหนาไปกว่านี้”  “แล้วต้องแต่งกับผู้ใด วันเดือนปีเกิดใดเล่า ข้าจะหาคนที่ดวงชะตาสมพงศ์กับเฟยเทียนได้จากที่ใดกัน”  “ฮองไทเฮามิต้องกังวล เมื่อถึงเวลาองค์ชายเฟยเทียนจะเอ่ยชื่อของนางเอง”  นั่นเป็นเรื่องที่ฮองไทเฮาสนทนากับไต้ซือซู่ แม้อยู่ไกลกัน แต่พระนางก็มีคนส่งข่าวเรื่ององค์ชายเฟยเทียนอยู่เสมอ แต่ไม่เห็นวี่แววว่าองค์ชายทรงโปรดหญิงงามนางใดจนอยากแต่งตั้งเป็นพระชายาสักนางเดียว  แต่เพื่อให้หลานชายพ้นเคราะห์กรรมครั้งนี้ ฮองไทเฮาทรงสรรหาหญิงงามมารอต้อนรับวันที่หลานรักกลับมาวังหลวง แต่ด้วยชื่อเสียงที่ชวนให้สยดสยอง แม้เป็นองค์ชายและยังมีตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ กระนั้นไม่มีผู้ใดเสนอบุตรสาวมารับตำแหน่งชายาของเฟยเทียน คิดแค่นี้พระนางก็ทรงปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย แต่เพื่อทำตามคำขอร้องของหลินหลาน อย่างไรก็ต้องดูแลหลานชายคนนี้ให้ถึงที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD