ดูหนัง

1047 Words
วินธนัยและรมิดามาถึงโรงหนังก่อนเวลาเล็กน้อย ผู้เป็นน้องสาวที่ก้าวตามพี่ชายเข้าไปข้างในโรงถึงกับตะลึง แม้เธอจะเคยดูหนังมาหลายโรงทั้งในต่างจังหวัดที่บ้านหรือในกรุงเทพฯ บางโรง แต่ไม่มีอะไรพิเศษเหมือนโรงนี้เลย ข้างในโรงหนังหรูหรามาก อีกทั้งเก้าอี้ทุกตัวยังเป็นชุดโซฟาคู่ สีหน้าตื่นตะลึงหันไปถามพี่ชาย “เราเข้าผิดโรงหรือเปล่าคะพี่วิน” พี่ชายอมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงตอบ “ไม่ผิดหรอก พี่ตั้งใจเลือกให้น้องหมิง ฉลองสอบเสร็จไง” เมื่อได้ฟังคำตอบน้องสาวยิ่งประทับใจในตัวพี่ชายคนนี้เข้าไปใหญ่ เธอเข้าไปเกาะเกี่ยวแขนล่ำของพี่ชายแล้วกล่าวขอบคุณอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ “ขอบคุณค่ะพี่วิน แต่ว่าค่าตั๋วคงแพงน่าดู” พี่ชายของเธอใจดีทีสุดในโลกเลย “พี่บอกแล้วว่าพี่ตั้งใจเลือกให้น้อง” ว่าจบก็อดไม่ได้ที่จะยกมือยีหัวน้องสาวขี้อ้อนเบา ๆ กิริยาที่น้องสาวแสดงออกมาวินธนัยคิดว่ามันน่ารัก เขามีน้องสาวคนเดียวแล้วก็รักและผูกพันกับน้องสาวมากด้วย ดังนั้นสิ่งนี้ถือว่าเล็กน้อยมาก ในเมื่อตอนนี้เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองแม้ว่ายังเรียนไม่จบก็เถอะ สองพี่น้องเดินไปยังที่นั่งที่จองไว้ซึ่งเป็นแถวกลาง ในขณะที่คนเป็นน้องตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ คนเป็นพี่ก็ได้แต่ลอบยิ้มขำขันด้วยใจเป็นสุขระคนเอ็นดู รอไม่กี่นาทีไฟในโรงก็ดับมืดลงแล้วหนังก็เริ่มฉาย หนังรักสำหรับบางคนนั้นน่าเบื่อแต่หลายคนก็ชอบเพราะความฟินความดราม่าเหมือนกับการอ่านนิยายรัก เรื่องที่ทั้ังคู่ดูอยู่นี้ออกแนวดราม่านิดหน่อยที่พระนางนั้นต่างมีใจให้กันแต่ดำเนินความสัมพันธ์กันแค่ทางกายโดยกลัวว่าถ้าเปิดเผยความรู้สึกให้กันแล้วความสัมพันธ์นี้จะหยุดลง ดังนั้นฉากติดเรทจึงมีค่อนข้างมาก รมิดาที่ใจจดใจจ่อกับหน้าจอพอเจอฉากอย่างนั้นในหนังก็รู้สึกใจหวิวๆ แปลกๆ เหมือนจะครั่นเนื้อครั่นตัว ทำให้วางไม้วางมือไม่ถูก ใจเธอเต้นแรงขึ้นตามฉากรักร้อนแรงในหนัง ทำจนรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอเอื้อมมือไปหวังจะหยิบน้ำมาดื่มดับกระหาย แต่ทว่ามือเล็กดันชนเข้ากับมือใหญ่ของพี่ชายที่ยื่นมาพอดี ฉับพลันส่วนที่แตะสัมผัสกันเหมือนมีไฟฟ้าสถิตย์แล่นปราบไปทั่วร่าง ใจเธอก็เริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ เธอหันหน้าไปมองพี่ชายก็พบว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว แถมยังยิ้มมุมปากน้อยๆ ให้อีกต่างหาก เธอหลบตาหนีทันที ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เธอคิดว่าเธอไม่อาจทนสบสายตาแบบนี้ของพี่ชายเธอได้ เมื่อดูต่อไปได้สักพักรมิดารู้สึกว่าได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ไม่ใช่เสียงจากในหนังตรงหน้าพราะเสียงนั้นมันเหมือนอยู่ใกล้มากกว่า เธอจึงพยายามเงี่ยหูฟังและก็ได้คำตอบ เสียงมันมาจากที่นั่งด้านหน้า แม้ว่าที่นั่งแต่ละที่จะอยู่ห่างกันและมีความเป็นส่วนตัวแต่ถ้าคนคุยกันก็สามารถพอได้ยินได้ แล้วยิ่งคู่ที่นั่งด้านหน้า รมิดาจินตนาการว่าคงไม่ได้คุยกันธรรมดาเพราะส่งเสียงอืออาอย่างไม่เกรงใจใคร ยิ่งทำให้สาวน้อยไร้ประสบการณ์ใจสั่นระรัวมากขึ้นไปอีก ตอนนี้รมิดาแทบไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องในหนังแล้ว เพราะหูมัวแต่ได้ยินเสียงจากคู่รักข้างหน้า “อือ ที่รักเบาหน่อยสิคะ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หรอก” เป็นเสียงผู้หญิงที่เอ่ยขึ้น “ที่รักอย่าค่ะฉันจะกลั้นเสียงครางไม่ไหวแล้วนะ” แม้จะพูดเบาๆ แต่รมิดาได้ยินชัดเจน จากนั้นก็... อือ... อืม... อา... ตลอดทั้งเรื่อง ทันใดนั้นจู่ ๆ มือของรมิดาก็ถูกดึงไปกุมไว้ เธอเกือบจะชักมือหนีโดยอัตโนมัติ แต่เสียงพี่ชายที่ก้มลงมากระซิบข้างหูเธอเบาๆ ทำให้เธอหันไปมอง “น้องหมิงอยากดูต่อมั้ย” น่าแปลกอีกนั่นแหละ พี่ชายแค่กระซิบเบา ๆ แต่ลมหายใจที่ปัดผ่านข้างแก้มและริมใบหูทำให้รมิดาถึงกับขนลุกเกรียว ด้วยความเสียดายเงินที่จ่ายไปรมิดาจึงพยายามปัดความรู้สึกต่าง ๆ ออกไปแล้วค่อยตอบพี่ชาย “ดูต่อก็ได้ค่ะหมิงเสียดายเงิน” เมื่อได้คำตอบจากน้องสาววินธนัยก็หันหน้ากลับไปดูหนังต่อโดยมือก็ยังกุมมือน้องสาวอยู่ไม่ยอมปล่อย และก็เป็นเช่นเดิมทั้งบทรักในจอและนอกจอเริ่มทวีความร้อนแรงแข่งกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่คราวนี้เปลี่ยนจากเสียงผู้หญิงเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย “อืม... ที่รัก ตรงนั่นแหละ” โดยไม่รู้ตัวรมิดาบีบมือพี่ชายตัวเองแน่นขึ้น “ดูดแรง ๆ อ่า... ที่รัก ใกล้แล้ว” เธอบีบมือพี่ชายแรงขึ้นไปอีก ในขณะที่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ “อ่า....” หลังจากเสียงครางยาวสุดท้ายรมิดาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ทำให้เธอพอจะดูหนังในหน้าจอรู้เรื่องขึ้น แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะฉากในจอกำลังเป็นฉากที่ตัวเอกทั้งสองกำลังร่วมรักกันอย่างลึกล้ำ ปกติเธอดูได้โดยไม่รู้สึกอะไร แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกติดขัดจนหายใจแรงขึ้นกับฉากตรงหน้า รมิดารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนรินรดชิดริมหูอีกครั้งพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่ม “น้องหมิงเรากลับกันเถอะ” คราวนี้รมิดาไม่ปฏิเสธอีกเธอลุกตามแรงฉุดรั้งของพี่ชายออกไปทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD