บทที่ 2 คนช่างจำ EP.4

1074 Words
ตะวันวาดเดินตามหลังมารดาของคนที่เธอบอกว่าจำไม่ได้เข้าไปในตัวตึกหลังงาม สถานที่ที่ตัวเองเคยวิ่งเข้าวิ่งออกเสมือนเป็นบ้านของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ทุกซอกทุกมุมล้วนแล้วแต่มีความทรงจำเก่าๆ หลงเหลืออยู่แทบทั้งสิ้น “น้องเนยกลับมานานแล้วหรือลูก” นนทวัชเอ่ยทักก่อนวางหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านอยู่ลงบนโต๊ะ ส่งยิ้มอ่อนโยนให้หญิงสาวที่ตนรักเหมือนลูกสาว “กลับมาได้สักพักแล้วค่ะคุณลุง แต่แม่บอกว่าคุณป้าเรียกให้เนยมาพบ” หญิงสาวตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปทรุดนั่งลงข้างๆ แล้วเกยคางมนลงบนท่อนแขนของอีกฝ่ายอย่างประจบ “คุณป้าคงคิดถึงหลานสาวละมั้ง อยู่ที่ทำงานก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดกันนี่นา” นนทวัชจับศีรษะทุยโยกไปมาอย่างรักใคร่เอ็นดู “นั่นสิคะ เนยเองก็ทำงานหัวยุ่งทั้งวันเหมือนกัน” หญิงสาวตอบโดยไม่สนใจคนตัวใหญ่ที่ก้าวตามหลังมา อาคิระมองกิริยาออดอ้อนของตะวันวาดที่แสดงกับบิดาของเขาอย่างเอ็นดูระคนขุ่นข้องหมองใจ เพราะอยากให้อีกฝ่ายแสดงกับเขาเช่นนี้บ้างเหมือนที่เคยทำในอดีต ไม่รู้จะโกรธเคืองเขาไปถึงไหน “อ้าว...พี่นาย ทำไมยืนทำหน้าเป็นหมาป่วยแบบนั้นล่ะ” บิดามองหน้าบุตรชายแล้วเอ่ยสัพยอกอย่างขบขัน “คุณพ่อ เปรียบผมทั้งทีดันเอาไปเปรียบกับหมา” ดวงหน้าหล่อเหลาของอาคิระปั้นยากเมื่อถูกเปรียบเทียบกับสุนัข ก่อนทรุดกายสูงใหญ่ลงนั่งข้างๆ มารดา ทำให้หญิงสาวคนเดียวในห้องหลุดหัวเราะคิกออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ และรีบปรับสีหน้าดังเดิมอย่างรวดเร็วเมื่อนึกได้ อาคิระมองคนวางท่าปั้นปึ่งแล้วอดขำไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้นมาลอยๆ “อยากจะหัวเราะดังๆ ก็หัวเราะออกมาเลย ไม่ต้องมาเก๊กหน้าแบบนั้นก็ได้” “ตัวไม่ต้องมายุ่งกับเค้าเลย” ตะวันวาดหันไปโต้ตอบและเผลอใช้สรรพนามเหมือนสมัยเป็นเด็กอย่างลืมตัว ทั้งที่แต่แรกตั้งใจจะไม่พูดด้วยแล้ว “พูดไม่เห็นเพราะเลยนะครับหลานสาวคุณแม่” อาคิระแกล้งหันไปฟ้องคนป็นแม่ “ทำไมหนูพูดกับพี่นายแบบนั้นล่ะลูก” คุณมนัสนันท์ดุน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ยังไม่ทันที่ตะวันวาดจะได้ตอบอะไรออกไป บังอรลูกจ้างในบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นานก็เดินเข้ามาบอกกับอาคิระ “มีคนมาหาคุณนายค่ะ” หัวคิ้วเข้มของชายหนุ่มพลันขมวดมุ่นเข้าหากันทันที นึกสงสัยว่าใครกันที่มาหาเขาถึงบ้าน เพราะแทบไม่มีใครรู้ว่าเขากลับมาแล้ว นอกจากเพื่อนสนิทเท่านั้น จนผู้เป็นแม่ต้องกล่าวตัดบทไป “บังอรไปบอกให้เข้ามาที่นี่เลยสิ” บทที่ 3 คนขี้หวง ไม่ถึงอึดใจบังอรก็เดินนำหน้าชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทั้งสองยกมือขึ้นทำความเคารพเจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม “แกเองหรือไอ้คีย์” อาคิระทักทายเพื่อนสนิทแล้วจึงหันไปทักหญิงสาวอีกคนที่มาด้วย “แล้วมากับเพชรได้ยังไง” เพชรรุ้งรีบทรุดลงนั่งข้างๆ คนถามพลางเอ่ยเสียงอ่อนหวาน “นายขา ทำไมกลับมาเมืองไทยไม่บอกกันบ้างล่ะคะ เพชรจะได้ไปรอรับที่สนามบิน” น้ำเสียงหวานๆ ที่ได้ยิน ทำให้ตะวันวาดเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่าน แล้วจึงเห็นเจ้าของเสียงในชุดแต่งกายหรูหรา ดวงหน้าแต่งอย่างจัดจ้าน ยายเพชรรุ้งนี่เองนึกว่าใคร ครั้นเห็นหน้าแล้วก็ทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นขึ้นมาในบัดดล พานให้ไม่อยากนั่งอยู่ต่อเพราะหมั่นไส้ทั้งคู่กรณีเก่าและคนที่ทำให้โกรธ “คุณลุง คุณป้าขา เนยขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” แขกมาใหม่ทั้งสองต่างพากันหันมามองคนพูดเป็นตาเดียว เพราะตอนเดินเข้ามาไม่ทันสังเกตเห็น เพชรรุ้งที่ปัจจุบันเป็นนางเอกละครชื่อดัง มองดวงหน้าสวยกระจ่างไร้ที่ติอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็จำได้ ว่าเป็นเด็กเมื่อวานซืนที่ตัวเองเคยนึกดูถูกไว้นั่นเอง ทำให้ความริษยาก่อเกิดขึ้นในฉับพลัน ส่วนคีตภัทร เพื่อนสนิทของอาคิระมองหญิงสาวอย่างตกตะลึงตาค้าง “ไม่เอา ป้าไม่ให้กลับ กินข้าวด้วยกันที่นี่แหละ เมื่อตะกี้โทร.ไปชวนแม่เราแล้วแต่ไม่ยอมมา บอกว่ากำลังติดละคร เอ๊ะ…” มนัสนันท์ชะงักคำพูดค้างไว้แค่นั้น เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนหันขวับไปจ้องหน้าหญิงสาวผู้มาใหม่ “หนูเป็นดาราที่เล่นเรื่องรักลวงหรือเปล่าจ๊ะ” “ใช่ค่ะคุณแม่ หนูชื่อเพชรรุ้งไงคะ” ดาราสาวตอบเสียงหวานทำนองฝากเนื้อฝากตัว “ถึงว่าสิ ทำไมหน้าคุ้นๆ นัก” มนัสนันท์พึมพำกับตัวเองแล้วจึงหันไปถามตะวันวาดน้ำเสียงอ่อนโยน “น้องเนยเคยดูหรือเปล่าลูก” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ได้ยินสร้างความไม่พอใจให้กับเพชรรุ้งอย่างยิ่งยวด นึกขุ่นเคืองคนพูดอยู่ในใจ ตัวเธอเพียรแวะเวียนมาที่นี่เพื่อถามข่าวคราวของอาคิระอยู่เนืองๆ แต่อีกฝ่ายมักจะบ่ายเบี่ยงอยู่เสมอ ไม่เคยให้ความร่วมมือเลยสักครั้ง ถ้าวันนี้ไม่แวะมาที่นี่และบังเอิญพบกับคีตภัทร คงยังไม่ทราบว่าชายหนุ่มที่เธอหมายปองกลับมาเมืองไทยแล้ว ตอนนี้ยังจะมาบอกว่าเราหน้าคุ้นๆ อีก น่าเจ็บใจนัก เหมือนไม่เห็นเราอยู่ในสายตาเลยสักนิด แล้วดาราสาวก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบ “เนยไม่ชอบดูละครน้ำเน่าพวกนั้นหรอกค่ะคุณป้า นางเอกดูโง้...โง่ แถมยังไม่สู้คน เนื้อเรื่องก็ไม่เห็นจะประเทืองปัญญาตรงไหน มีแต่ตบตีแย่งผู้ชายกันทั้งเรื่อง ดูแล้วเพลียค่ะ” หญิงสาวตอบตามความรู้สึกของตัวเองทั้งเหน็บแนมใครบางคนไปด้วย คีตภัทรหลุดหัวเราะก๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ มองคนพูดอย่างเห็นด้วยและตามมาด้วยความพึงพอใจ ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวหาได้รอดพ้นสายตาของอาคิระ สร้างความขุ่นขวางให้เกิดกับเขาโดยไม่รู้ตัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD