สองอาทิตย์ต่อมา…
@มหาวิทยาลัยควินตัน
ตึก
ตึก
เสียงสองเท้าเล็กของร่างบางในชุดนักศึกษาขนาดพอดีตัวยืนยิ้มดีใจอยู่กับภาพตรงหน้า ภาพของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่เธอสามารถเข้ามาได้ด้วยการสอบชิงทุน ดวงตากลมสวยที่ถูกกรอบแว่นบดบังเอาไว้เอาแต่จ้องมองยังตึกราคาแพงไม่หยุด กระทั่งได้สติ
“ให้ตายเถอะ เดี๋ยวก็สายกันพอดี” เรียวปากสีหวานพึมพำเอ็ดใส่ตัวเองที่เอาแต่เหม่อลอยฝันหวานอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อมองหาตึกที่จะต้องไปเรียนวิชาแรกในวันนี้
“โอ๊ะ ตึกคณะเรานี่เอง~” ร่างบางยิ้มหวานบอกอย่างอารมณ์ดีและมีความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยกับการมาเรียนวันแรกของตัวเอง ดวงตากลมพยายามเพ่งเล็งมองหาตึกเรียนของตัวเองด้วยความยังไม่เคยชินกับอะไรทั้งนั้น สองขาเล็กสาวเท้าเดินตรงไปเรื่อย ๆ พลางมองหาตึกเรียนของตัวเองไม่หยุด แต่แล้ว…
ตึก!
อยู่ ๆ ใบข้าวก็ชะงักไปกับตึกที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็คือตึกวิศวะ…
ร่างบางเอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับตกอยู่ในภวังค์หลังจากที่เผลอไปนึกถึงใครบางคนเข้า จนเมื่อเสียงของนักศึกษาสองคนที่เดินผ่านเธอไปดังขึ้น
“นั่นไงตึกคณะบริหาร ให้ตาย อยู่ข้างตึกวิศวะจริงด้วย!” เสียงของหนึ่งในนักศึกษานั้นทำเอาเจ้าของใบหน้าเรียวเล็กได้สติ ก่อนจะเรียกสติตัวเองเดินตามนักศึกษาสองคนนั้นไปยังตึกบริหารที่อยู่ถัดไป แต่ก็ไม่วายที่จะแอบชำเลืองสายตากลับไปยังตึกวิศวะอีกครั้ง พลางเอ่ย
“เฮ้อ เลิกสนใจก่อนเถอะ รีบไปเข้าเรียน” ว่าแล้ว ใบข้าวก็สาวเท้าเดินตรงเข้าไปภายในตึกพร้อมกับทำท่าจะกดลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกล ทว่าในตอนนั้นเอง
พรึบ!
ก็มีมือหนาของใครบางคนเอื้อมเข้าไปกดยังปุ่มรอลิฟต์ก่อนเธอจากแขนยาวของเขาที่มี ซึ่งร่างเล็กที่รับรู้ได้ถึงความสูงจากคนที่มาใหม่ก็อดไม่ได้ที่จะเผลอหันไปมองอีกคนด้วยความอยากรู้ ทว่าทันทีที่หันไปเห็นเจ้าของจมูกโด่ง แววตาคมนัยน์ตาสีเทาดำที่อยู่ในชุดนักศึกษา รวมถึงทั้งใบหน้าที่หล่อไร้ที่ติ คนตัวเล็กก็ต้องชะงักตัวแข็งทื่อไปในทันที ซึ่งคนตัวสูงกว่าเธอหลายเท่าก็ปรายตามองยังหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดออกมาพอดี โดยเมื่อเดินตรงเข้าไปด้านใน ดวงตาคมกริบก็จ้องมองยังร่างเล็กที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับเดินเข้ามาอยู่อย่างนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งใบข้าวรับรู้ถึงความเรียบนิ่งนั้น เธอจึงได้สติ
“ขะ…ขอโทษค่ะ” เรียวปากสีหวานเอ่ยบอกยังคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงเข้าไปภายในที่มีคนตัวสูงยืนอยู่ด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักแทบไม่เป็นภาษา ยิ่งไปกว่านั้นก็คือกลิ่นน้ำหอมที่มาจากร่างหนาของชายที่ยืนอยู่ภายในลิฟต์เดียวกับเธอ
กลิ่นหอมที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายใน…ทำเอาใบข้าวที่ยืนหันหลังให้กับเขาอยู่ยิ่งทำตัวไม่ถูก เธอเอาแต่ก้มหน้างุดอยู่อย่างนั้น แต่ว่าสายตาเจ้ากรรมนั้นดันอดไม่ได้ที่จะหันไปลอบมองยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยความไม่เคยได้ใกล้ชิดกับ ‘เขา’ขนาดนี้มาก่อน ดวงตากลมเผลอจ้องมองไปยังรอยสักที่เล็ดลอดออกมาจากเสื้อนักศึกษาราคาแพง รอยสักที่อยู่บนข้อแขนหนาด้านขวา และรอยสักขนาดใหญ่สีเข้มที่อยู่บนหน้าอกแกร่ง รวมถึงสร้อยเกียร์วิศวะที่ทำให้อีกคนนั้นดูมีเสน่ห์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก…
“มองอะไร”
“!!” หญิงสาวที่ถูกทักขึ้นจากเสียงเรียบเข้มสะดุ้งในทันทีหลังจากที่อีกคนรู้ตัวว่าถูกเธอลอบจ้องมอง ใบข้าวรีบก้มหน้าหนีหันกลับด้วยความรวดเร็ว ซึ่งไม่กี่วินาที ประตูลิฟต์ก็ดังพร้อมเปิดออก คนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านในจึงสาวเท้าเดินออกจากลิฟต์ไปด้วยใบหน้าราบเรียบ โดยมีสายตาของใบข้าวที่จ้องมองตามแผ่นหลังแกร่งนั้นไปอย่างรู้สึกบอกไม่ถูกกับการได้มาเจอกับรุ่นพี่คนนี้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
คนที่เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ของเธอ…
ย้อนไปเมื่อสามปีก่อน…
(กลับเองได้ใช่ไหม รถน่าจะใช้เวลาซ่อมอีกสักพักเลยใบข้าว) เสียงคมสันบอกกับร่างเล็กที่เขากำลังจะไปรับเธอกลับจากโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ทว่าระหว่างทาง รถเจ้ากรรมดันเสียขึ้นกลางทาง ส่งผลให้การไปรับเด็กสาวอาจจะล่าช้าไปพอสมควร ชายวัยกลางคนจึงโทรเพื่อพูดคุยกับเธอ เด็กสาวจึงขอเดินทางกลับเอง เนื่องจากเธอเองก็อยู่ม.3แล้ว สามารถหาหนทางในการกลับบ้านเองได้
‘ข้าวกลับเองได้ค่ะลุงสัน ไม่ต้องห่วงข้าวนะคะ’
(อืม ยังไงคอยโทรบอกลุงนะ)
‘ค่ะ’ สิ้นเสียงหวานเอ่ยรับคำจากพ่อเลี้ยงใจดี รอยยิ้มหวานก็ฉายขึ้นมาบนใบหน้าเรียวใสในทันทีกับการที่จะได้กลับบ้านเองครั้งแรก สองเท้าเล็กเลือกที่จะเดินตรงไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่ข้างนอกนาน ๆ คนเดียว เพราะกลับไป เธอก็จะต้องพบเจอกับ ภาคิน พี่ชายต่างสายเลือดที่มักจะคอยส่งสายตาบางอย่างมายังเธออยู่บ่อยครั้ง ในการแต่งงานใหม่ของแม่ ใบข้าวไม่รู้สึกไม่ชอบใจอะไรเลย คมสันดีกับเธอ เอ็นดูเธอราวกับลูกสาวอีกคนของเขา จะมีก็แต่ภาคินนี่แหละ ที่ทำให้ใบข้าวรู้สึกอึดอัดอยู่บ่อยครั้ง
‘อยากโตไว ๆ จัง’ เรียวปากสีหวานพึมพำไปตามประสา ทว่าหลังจากที่เดินออกมาจากโรงเรียนตัวเองได้สักพัก เสียงฝนตั้งเค้ากับฟ้าที่เริ่มมืดลงอย่างรวดเร็วก็ทำเอาดวงตากลมของเด็กสาวที่สวมใส่แว่นตาหนาจ้องมอง ซึ่งในตอนนั้นเอง สายตาของใบข้าวก็เหลือบไปปะทะเข้ากับชายคนหนึ่งที่กำลังยืนคร่อมมอเตอร์ไซต์อยู่กับชายอีกสองคน เด็กสาวที่เห็นแบบนั้นก็รีบผละสายตาหนีด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินผ่านไปอย่างเร่งรีบและมีความรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก แน่นอนว่า ชายกลุ่มนั้นที่เห็นเด็กสาวกำลังจะเดินผ่านในซอยค่อนข้างไร้ผู้คนก็ต่างมองหน้ากันด้วยแววตามีความคิดชั่วร้าย
ใบข้าวที่รับรู้ก็รีบเร่งฝีเท้าของตัวเองมากขึ้น หมายจะรีบเดินผ่านจุดที่ไร้ผู้คนนี้ไปโดยเร็ว…
ทว่า
เอี๊ยด!
เสียงมอเตอร์ไซต์ของหนึ่งในชายกลุ่มนั้นขับเข้ามาดักยังด้านหน้าร่างเล็ก ทำเอาใบข้าวชะงัก และจะรีบสาวเท้าไปอีกทาง แต่ก็ต้องโดนชายหนึ่งในนั้นมาดักไว้อีกเช่นกัน ทั้งสามต่างดักทางและจ้องมองยังเด็กสาวด้วยแววตาไม่ประสงค์ดี
‘อยะ…อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ…’
‘อะไรกัน คิดว่าพวกพี่จะทำอะไรน้อง’
‘…’ ใบข้าวก็เงียบตัวเริ่มสั่น
‘ฝนมันกำลังจะตก พี่ก็เลยจะใจดีไปส่งเฉย ๆ ขึ้นรถสิ’
‘มะ…ไม่เป็นไรค่ะ…’
‘พี่บอกให้ขึ้นก็ขึ้นเถอะน่า เป็นเด็ก อย่าขัดใจผู้ใหญ่สิ’ พูดจบ หนึ่งในชายที่เป็นเหมือนคนนำก็เดินเข้ามาคว้าเข้าที่ข้อมือเล็ก ใบข้าวที่เห็นก็ตกใจรีบสะบัดมือออกด้วยความรวดเร็ว ทำเอาชายคนที่ถูกสะบัดออกจ้องมอง
‘อย่าทำให้พี่โมโหสิสาวน้อย’ ชายคนนั้นเอ่ยพร้อมกับกระชากร่างเล็กเข้าหาตัวด้วยความเริ่มหัวเสีย ใบข้าวที่เริ่มตื่นกลัวขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่ยอม ทำให้ทั้งสองยื้อกันไปมาอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ชายคนนั้นจะเผลอผลักร่างเล็กให้ล้มลงด้วยใบหน้าหงุดหงิด ส่งผลให้ใบข้าวล้มลงบนพื้นพร้อมกับแว่นหนาที่หลุดออกจากใบหน้าเรียว
‘เฮ้ย ไม่มีแว่นยิ่งน่า…ว่ะ’ เสียงชายคนหนึ่งที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เอ่ยโทนเสียงพึงพอใจ ชายคนนำที่หงุดหงิดอยู่ในตอนแรกจึงหันไปจ้องมอง
‘เออว่ะ! แต่สงสัยอยากเจ็บตัว’ ชายคนนั้นพูดพลางเดินตรงเข้าไปหมายจะเข้าไปกระชากข้อมือบางของคนที่นั่งกลัวตัวสั่นอยู่อีกครั้ง ทว่า…
‘มีอะไรกัน’ เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นทำให้ชายสามคนที่ยืนอยู่หันมอง รวมถึงใบข้าวที่นั่งกลัวอยู่ก็หันไปมองเช่นกัน แต่เพราะไม่มีแว่นที่สวมใส่อยู่ทำให้ภาพตรงหน้ามันเบลอไปหมดจากสายตาที่สั้นของเธอ
‘หึ ไม่ใช่เรื่องของมึงน่า ไอ้หน้าอ่อน’ ชายคนนำเอ่ยบอกเด็กหนุ่มที่สวมใส่ชุดมัธยมปลายด้วยโทนเสียงไม่คิดสนใจ และทำท่าจะเดินตรงเข้าไปยังใบข้าวต่อด้วยความไม่สนใจ แต่ชายที่มาใหม่ก็เดินตรงเข้าไปขวางไว้พลางจ้องมองยังกลุ่มชายทั้งสามคนนิ่ง
‘หลบไป ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว’
‘…’ คนที่ถูกบอกก็ยืนนิ่งมองยังทั้งสามแววตาเรียบ ทำเอาสามคนที่เหมือนถูกหยามไม่รอช้า
‘ไอ้เวรนี่!’ ชายคนแรกนำเข้าไปหมายจะต่อยเข้าที่ใบหน้าหล่อดูดีนั้น แต่คนที่ยืนอยู่ก็หลบหมัดนั้นไปด้วยใบหน้าปกติก่อนจะเป็นฝ่ายปล่อยหมัดหนักเข้าใส่ยังใบหน้านั้น
‘อ๊ะ!!’ คนเป็นหัวหน้ากลุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนที่อีกสองคนที่เหลือจะไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าใส่ยังเด็กมัธยมปลายในทันที แต่แล้ว…
พรึบ!
เสียงทั้งสามล้มลงไปกองรวมกันด้วยสภาพที่แทบดูไม่ได้ พร้อมกับรีบคลานขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซต์ออกไปด้วยความรวดเร็ว โดยทันทีที่พวกนั้นจากไป คนตัวสูงก็หันมองยังร่างเล็กที่เอาแต่นั่งตัวสั่นเทาอยู่
‘เป็นอะไรหรือเปล่า’ เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทำให้เจ้าของใบหน้าเรียวใสค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองยังคนที่อยู่ตรงหน้า และแม้ว่าภาพด้านหน้าจะเบลอไปหมดจากการไม่มีแว่น ทว่าใบข้าวก็รับรู้ได้ถึงความดูดีไร้ที่ติของเจ้าของใบหน้านั้น
‘อะนี่แว่น แต่มัน…แตกหมดแล้ว’ ชายคนนั้นเอ่ยบอกด้วยโทนเสียงมีความอบอุ่นแฝงอยู่ เด็กสาวจึงรับแว่นจากมือหนาเข้ามามองดูความแตกเกือบละเอียดนั้น แต่ก็พยายามที่จะสวมใส่มันไว้อย่างเดิม ถึงมันจะไม่ได้ช่วยให้อะไรชัดเจนขึ้นเลยก็ตาม…
‘ขะ…ขอบคุณนะคะ’ เรียวปากสีหวานขยับเอ่ยบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้า
‘ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวเดินไปส่งขึ้นรถ’ ชายคนเดิมบอก ทำให้ใบข้าวค่อย ๆ ลุกขึ้นตามที่อีกคนบอก เพื่อให้เขาพาเธอเดินไปส่งยังบริเวณจุดรอรถแท็กซี่ โดยในตอนที่ถูกพยุงลุกขึ้นมานั้น ดวงตากลมโตของร่างเล็กก็พยายามเหลือบมองยังใบหน้าหล่อดูดีนั้น ทว่าก็มองไม่ชัดเท่าที่ควรจากความสูงที่ดูสูงกว่าเธออยู่มากโข ทำให้สายตาของใบข้าวสามารถเห็นได้แค่เพียงชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อนักเรียนโรงเรียนนานาชาติชื่อดังนั้น…
ชวินทร์ อัศวทานนท์
เป็นชื่อที่เธอจำฝังใจมาโดยตลอด และพยายามตามหาจนได้รู้ว่าเขาคือรุ่นพี่มัธยมปลายปีสุดท้ายของโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของเธอ โดยหลังจากนั้น ใบข้าวก็คอยแอบเฝ้ามองรุ่นพี่หนุ่มคนนี้อยู่ห่าง ๆ มาโดยตลอด และได้รู้ว่าเขาเรียนอยู่คณะวิศวะที่มหาวิทยาลัยควินตัน เธอจึงตั้งใจที่จะสอบชิงทุนเพื่อที่จะได้เรียนที่เดียวกันกับเขา รวมถึงเป็นมหาวิทยาลัยในฝันของหลาย ๆ คน…ซึ่งเธอก็คือหนึ่งในนั้น
ติ้ง!
เสียงลิฟต์ที่อยู่ตรงหน้าเปิดออกดังขึ้น เรียกสติของร่างเล็กให้กลับคืนมาอีกครั้ง
“พอเจอจริง ๆ แล้วดูดุจัง ไม่เหมือนวันนั้นเลย…” เรียวปากสีหวานพึมพำ แต่แล้วสุดท้ายใบข้าวก็ตัดสินใจเลิกที่จะสนใจทุกอย่าง พร้อมกับกลับไปสนใจการเข้าเรียนวันแรกของตัวเองในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้