“พ่อหมอไล่เก่งจังเลยนะคะ”
ขวัญพูดด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มเจือจาง ทำให้อีกฝ่ายชะงักเสียงตะคอก แล้วค่อยๆ ลดไม้เรียวในมือวางลงบนเก้าอี้
“เก่งขนาดนี้ ช่วยไล่ให้ขวัญไปตายหน่อยได้ไหมคะ?”
“หยุดพูดจาไร้สาระ”
“ขวัญจริงจังนะคะ”
“ไม่!”
พ่อหมอปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะยื่นสองมือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดนูนและลายสักยันต์ มากระชับไหล่บอบบาง
“ตั้งสติแล้วฟังข้า”
“…..” มองตอบโดยที่ดวงตาเริ่มแดงก่ำ ใกล้จะร้องไห้
“ไม่ว่าชีวิตจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาสักแค่ไหน เอ็งอย่าฝังความคิดที่อยากจะตาย เข้าไปในหัวสมอง เพราะมันไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น การตายไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่การอยู่พิจารณาในสิ่งที่เกิดขึ้นต่างหาก คือการแก้ปัญหาในชีวิต”
“นะ หนูไม่อยากแก้ปัญหาแล้ว”
ขวัญตอบเสียงสั่นเครือ น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ ตอนนี้กลับไหลรินอาบแก้ม ดวงตาฉายแววเหนื่อยล้าเต็มทน
“หนูเหนื่อย ไม่มีใครอยู่ข้างหนูเลย…”
หญิงสาวระบายความในใจ ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแรง จนแทบจะทรงตัวไม่ไหว ร่างใหญ่จึงช่วยประคับประคอง ให้ฝ่ายหญิงทิ้งน้ำหนักตัวไปที่ตน ทว่าความต่างระดับ ทำให้โอบไม่ได้อย่างเต็มที่ เจ้าตัวจึงยอมขยับลงมานั่งข้างล่างแทน
พรึบ~
วงแขนแกร่งกล้า โอบคนตัวเล็กเข้าไปซบแผงอกกว้าง ถึงจะเก้ๆ กังๆ เหมือนทำอะไรไม่ค่อยถูก แต่ก็พยายามปลอบ
“อะ…”
พอฝ่ายหญิงรู้ตัวว่าสิ่งนี้ไม่ควรทำ จึงขยับตัวถอยหนี
“เอ็งจะไปไหน?”
“อะ เออ พ่อหมอกอดผู้หญิงได้ด้วยเหรอคะ?”
เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น พลางช้อนดวงหน้าเปื้อนหยดน้ำตา ขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอด ที่ยังไม่ยอมคลาย และไม่ปล่อยให้เจ้าของร่างบอบบาง ถอนตัวหนีไปไหนทั้งนั้น
“แล้วทำไมข้าจะกอดผู้หญิงไม่ได้?”
เสียงทุ้มต่ำสวนกลับด้วยคำถาม ขณะที่ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ฝ่ายหญิงจึงใช้นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน กวาดดวงตาคมกริบทั้งสองข้าง แล้วพบว่านัยน์ตาของเขาคล้ายกับจระเข้ที่มีเส้นขีดกึ่งกลาง แต่เป็นสีเปลวเพลิงเด่นชัด
จากที่เคยคิดว่าพ่อหมอหน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอก
ตอนนี้คงต้องคิดใหม่ เพราะเหมือนจระเข้มากกว่า
“พ่อหมอ”
เจ้าของใบหน้าหล่อ เลิกคิ้วดกดำ แทนการขานรับ
“พ่อหมอ เคยมีคนรักมาก่อนไหม?”
“ถามทำไม เอ็งอยากเป็นเมียข้ารึไง”
จู่ๆ บรรยากาศก็เปลี่ยนไป เมื่ออีกฝ่ายพูดประโยคนี้
“ทำไมถึงไม่ปฏิเสธละ รึว่าเอ็งอยากเป็นเมียข้าจริงๆ”
ผู้ที่ถูกถามยังคงไม่มีคำตอบให้ เพราะไม่รู้ว่าก้อนเนื้อภายในอกข้างซ้าย ที่กำลังเต้นโครมคราม ราวกับเสียงกลองกัมปนาทอยู่ในตอนนี้ เกิดจากสาเหตุอะไร ในเมื่อเธอไม่เคยคิดกับพ่อหมอในเชิงชู้สาว แต่ทำไมหัวใจถึงได้สั่นระรัวแบบนี้
“กะ ใกล้จะดึกแล้ว ขวัญขอตัวกลับ…”
ขณะที่กำลังหาทางเอาตัวรอด เพื่อสงบจิตใจตนเอง ฝ่ายชายกลับก้มลงต่ำ จนสันจมูกคมแนบเนื้อปลายจมูกสวย
“ค้างที่นี่”
พูดเสียงแผ่ว พลางลากสันจมูกไล่ไปบนผิวแก้มนวล
“ถ้าอยากให้ข้าช่วย เอ็งต้องค้างที่นี่”
ริมฝีปากร้อนผ่าวกระซิบข้างใบหูขาวสะอาด ก่อนจะเคลื่อนตัวกลับไปอยู่ในระยะเดิม ทว่าหัวใจดวงน้อยๆ กลับรู้สึกเหมือนกำลังจะบ้า เพราะหวั่นไหว จนสีเลือดฝาดขึ้นแก้ม
“ขึ้นไปอาบน้ำรอ เดี๋ยวข้าเตรียมเสื้อผ้าให้”
พ่อหมอไม่พูดเพียงอย่างเดียว แต่สอดฝ่ามือใหญ่เข้ามาในกลุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลเข้ม แล้วออกแรงกดนวดเบาๆ บริเวณท้ายทอย ทำให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกวูบวาบแปลกๆ
“เป็นยังไงบ้างพี่สาว?”
ทันทีที่เดินออกมาจากห้อง ปราบก็รีบเดินเข้ามาถาม
“หือ ทำไมพี่หน้าแดง?”
“ปราบ”
“ครับพี่?”
“พ่อหมอทำเสน่ห์เป็นไหม?” หันไปถาม
“ต้องเป็นอยู่แล้วสิ เห็นอย่างนั้น พ่อหมออาคมเป็นถึงลูกชายจอมขมังเวทย์เลยนะครับ ว่าแต่พี่สาวถามทำไมเหรอ หรือว่าพี่สาวอยากทำเสน่ห์ แต่เอาจริง พี่ก็มีเสน่ห์อยู่แล้วนะ”
ขวัญส่ายหน้า เพราะไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องคุณไสย มนต์ดำ เพียงแค่ตนเองรู้สึกร้อนวูบวาบ เวลาที่อยู่ใกล้พ่อหมอ เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างครอบงำ ขนาดไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ยังปฏิเสธไม่ได้ ว่าความรู้สึกเปลี่ยนไป หลังจากได้รับสัมผัสจากพ่อหมอ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยากจริงๆ
“แล้วนี่พี่ตัดสินใจได้หรือยัง?”
“ตัดสินใจเรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่ไง~”
ปราบพูดเสียงแซว พลางอมยิ้ม
“บอกตอนไหนว่าจะย้ายมาอยู่?”
“อ้าว~” ถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ช่วยเรียกรถให้ทีสิ จะกลับบ้าน”
แม้จะถูกเชื้อเชิญให้อยู่ค้างคืน แต่ขวัญกลับคิดว่า ไม่ควรคล้อยตามผู้ชาย ที่เพิ่งเจอกันได้เพียงสองครั้ง นั่นจึงทำให้เธอเลือกที่จะกลับบ้าน ถึงจะยังไม่ได้คำตอบ เกี่ยวกับการตายของคนรอบข้าง แต่วันหน้า อาจจะได้รับรู้อะไรมากกว่านี้
“แล้วพี่สาวลาพ่อหมอหรือยังครับ?”
“ยัง”
เสียงทุ้มแทรกขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาจากห้อง
“ข้าบอกให้เอ็งขึ้นไปรอข้างบนไม่ใช่รึไง?”
พ่อหมอพูดพร้อมกับยืนกอดอกอย่างวางมาด พลางชักสีหน้าขึงขัง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายขัดต่อคำสั่ง ที่ให้มาก่อนหน้านี้
“ขวัญคงค้างคืนที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ”
เธอปฏิเสธ ขณะที่คนข้างกายยืนอึ้งกับบทสนทนา
“ทำไมจะไม่ได้?”
“ขวัญเป็นผู้หญิง ให้ค้างคืนกับผู้ชายคงไม่ดีมั้งคะ”
หากเป็นผู้ชายคนอื่นมาชักชวนในทำนองนี้ เธอคงจะตัดบทสนทนาด้วยการชูนิ้วกลางใส่ แต่ในเมื่อผู้ชายตรงหน้าเป็นพ่อหมอ ที่เธอต้องการคำตอบ ในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถอธิบายได้ จึงต้องให้ความเคารพนับถือ เหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“งั้นก็ไม่ต้องค้างคืน”
“ค่ะ”
“แต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เลย”
“คะ?”
“เอ็งเป็นคนบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าไม่มีกำลังทรัพย์”
“ใช่ค่ะ ขวัญไม่มีเงิน”
“งั้นก็มาเอากับข้า…”
พร๊วดดด!
เสียงน้ำพุ่งพรวด ดึงสายตาทั้งสามคู่ให้หันไปมอง
“โห! พ่อ ซัดแต่หัววันเลยนะ”
เด็กหนุ่มโวยวายใส่ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงชายผมหงอก ตาฟาง ให้เดินไปนั่งพัก ที่เก้าอี้ไม้หินอ่อนใกล้ๆ
“ข้าหมายถึงเอาเงิน ไม่ใช่เสพสังวาส”
พ่อหมอพูดแก้ต่าง แต่เธอก็ไม่รู้อยู่ดี ว่าเสพสังวาสคืออะไร จึงปล่อยเบลอแล้วเดินออกไปยืนรอหน้าบ้าน เผื่อว่าจะมีรถแท็กซี่สักคันขับมา จะได้กลับไปหาสมัครงานที่ใหม่เสียที
ซ่าาา!
ระหว่างที่กำลังยืนรอ จู่ๆ ก็มีเม็ดฝนกระหน่ำตกลงมา
เปรี้ยง!
ตามด้วยเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น จนคนตัวเล็กต้องรีบวิ่งกลับเข้าไปหลบฝนภายในบ้าน พอเห็นว่าพ่อหมอยังคงยืนกอดอกอยู่ใต้ชายคา เธอจึงพูดอะไรไม่ออก เพราะบรรยากาศมันช่างไม่เป็นใจ จะหารถกลับตอนนี้ ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องยาก
“พ่อหมอ ผมขอพาพ่อกลับบ้านก่อนนะครับ!”
ปราบวิ่งมาบอกพ่อหมอ เธอจึงรีบค้านในทันที
“อย่าเพิ่งไป ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันหรอกเหรอ!?”
“ผมอยู่บ้านอีกหลังกับพ่อครับ ขอตัวก่อนนะครับ!”
พูดรวบรัด ก่อนจะรีบวิ่งไปพยุงพ่อตัวเองกลับบ้าน
“หึ…”
เสียงเค้นหัวเราะในลำคอ ทำให้เธอหันไปมองคนข้างกาย ทว่าเขากลับทำสีหน้าราบเรียบ แล้วก้าวขายาวเหยียดขึ้นบันไดไม้สัก เพื่อไปที่ชั้นสองของบ้านทรงไทย ซึ่งเธอไม่ได้เดินตามเขา เพราะคิดว่ายังไงซะ วันนี้ก็ต้องกลับบ้าน ไปหาสมัครงาน แต่รอให้ฝนซาก่อน ถึงจะออกไปจากบ้านหลังนี้ได้
ซ่าาาา เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
นัยน์ตาสีน้ำตาลสวย เหลือบมองท้องฟ้าคำรามอย่างบ้าคลั่ง พลางลอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกเซ็งๆ เพราะดูท่าจะไม่หยุดตกง่ายๆ ขนาดรอมาหนึ่งชั่วโมง ฝนก็ยังคงตกหนัก
“ลองปักตะไคร้ดูไหม เผื่อฝนจะหยุดตก”
เสียงทุ้มพูดแข่งกับเสียงฝน โดยที่เจ้าตัวยืนรับลมเย็นสบายอยู่ตรงระเบียงบ้าน ผิดกับอีกฝ่ายที่ยืนหัวเปียกไปหมด
“แล้วมีให้ปักไหมละคะ?”
“มี แต่คนที่ปักต้องเป็นสาวพรหมจรรย์เท่านั้น”
“งั้นก็เอามาเลยค่ะ เพราะขวัญยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง”
พูดด้วยความมั่นใจ แต่เวลาแหงนหน้าคุยกับคนที่อยู่สูงกว่าแล้วปวดคอชะมัด แต่จะให้ขึ้นไปคุยข้างบนก็ดูไม่ดีอีก
“หึ ข้าไม่เชื่อลมปากเด็กสาวสมัยนี้หรอก สิบสี่สิบห้าก็พากันหาผัวแล้ว อย่าว่าแต่พรหมจรรย์เลย ศักดิ์ศรีก็ไม่เหลือ”
พ่อหมอพร่ำบ่น พลางเบือนหน้าไปมองฝนฟ้าคะนอง
ซวบ ซาบ~
ระหว่างที่ฟ้าฝนยังคงโหมกระหน่ำ คนตัวเล็กก็เริ่มเปิดโทรศัพท์ หาข้อมูลเกี่ยวกับการปักตะไคร้ เพื่อทำให้ฝนหยุดตก ซึ่งคุณสมบัติที่ตรงตัวก็น่าจะเป็นสาวพรหมจารี ส่วนคาถาทำพิธีก็มีอยู่ในอินเตอร์เน็ตแล้ว เหลือแค่เพียงหาตะไคร้
“ไม่อยากเชื่อ ว่าจะต้องทำเรื่อง…โอ๊ะ! เจอแล้ว”
เมื่อเห็นต้นตะไคร้ ปลูกอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน ขวัญจึงรีบวิ่งตากฝนออกไปเก็บ ขณะที่เจ้าของบ้าน หันกลับมามองในสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำอยู่ พอได้ตะไคร้มาสามต้น เธอก็หยิบมีดพกเล่มเล็กในกระเป๋ากางเกง (พกเอาไว้ป้องกันตัว) มาตัดยอดตามที่ในเน็ตบอก แล้วใช้มือบังจอจากฝน เพื่อท่องคาถา
เปรี้ยง ซ่าาาา!
“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (นะโมสามจบ) อากาเสจะ พุทธทีปังกะโร นะโมพุทธายะ”
เปรี้ยง เปรี้ยง ซ่าาาา!
“ข้าพเจ้า นางสาว เพลงขวัญ กลิ่นมณีวรรณ ขอเทพยดาและพระภูมิเจ้าที่ ช่วยสนับสนุนค้ำจุน ให้วันศุกร์ ที่ 15 เดือนกันยายน พุทธศักราช 2567 ไม่มีฝนตกในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และขอให้สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเดินทางกลับบ้าน” กล่าวคำขอพลางปักตะไคร้ให้โคนชี้ขึ้นฟ้า
“ขอบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทวดาอารักษ์ ได้โปรดดลบันดาลให้ย้ายฝนไปตกที่อื่นตามคำขอด้วยเทอญ” สิ้นสุดคำกล่าว สายฝนที่โปรยปรายก็ผ่อนแรงลง
ดวงหน้าหวานละมุน ที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำฝน แหงนมองท้องฟ้าด้วยความตื่นเต้น ลุ้นว่าสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้ จะเกิดขึ้นจริงตามแรงดลบันดาลหรือเปล่า และแล้วปรากฏการณ์ ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น กลับทำให้ฝนหยุดตกทันที
ขวัญหันกลับไปมองเจ้าของบ้าน ด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เพราะนี่ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเอง ว่าเธอยังเป็นสาวพรหมจรรย์
“อะแฮ่ม~ ฝนหยุดตกแล้ว ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะพ่อหมอ” หญิงสาวเดินไปร่ำลาด้วยความรู้สึกขบขัน แต่นั่นก็ทำให้เธอเชื่อ ว่าคำพูดของคนโบร่ำโบราณ สามารถเชื่อถือได้
“เรียกรถให้ได้ก่อน แล้วเอ็งค่อยมาพูดอวดดี”
“อ้อ เดี๋ยวขวัญเรียกรถทางแอพพลิเคชั่นก็ได้ค่ะ”
พูดพร้อมกับก้มหน้ากดโทรศัพท์ ตะ แต่เดี๋ยวนะ!
“เฮ้ย! ทำไมหน้าจอดับ”
“ขึ้นรีบมาอาบน้ำ ข้าจะไปสวดมนต์ก่อนเข้านอน”
พ่อหมอตัดบทอย่างรู้ความ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง ทิ้งให้เธอยืนเคาะโทรศัพท์ตัวเอง ที่ตอนนี้ดับสนิทไปแล้ว
เวรกรรม! อุตส่าห์ปักตะไคร้หยุดฝน
ไหง๋โทรศัพท์ถึงได้มาทรยศกันตอนนี้