หลิงเฟยทำอาหารไม่นานนักเพราะเธอแค่นำอาหารสำเร็จรูปในร้านอาหารเกาหลีออกมาจัดใส่จานและเตรียมอุปกรณ์การกินเท่านั้น แค่ครึ่งชั่วโมงก็พร้อมกินแล้
ว
" เสร็จแล้วค่ะ วันนี้เรากินอาหารเกาหลีกันนะคะ ฉันจะสอนวิธีกินเองค่ะ " เธอเอ่ยบอกเมื่อเขามานั่งลงที่เก้าอี้แล้ว
อาหารเกาหลีที่เธอนำออกมาจากในมิตินั้นเป็นต็อกบกกี คือการนำแป้งต็อกไปผัดกับซอสเกาหลีสีแดง รสชาติเผ็ดหวาน ใส่ผักเล็กน้อยและไข่ต้มกับเส้นรามยอน และไก่ทอดกรอบของผู้พันเจ้าดังที่มีขายทุกห้างด้วย
" ว๊าวอาหารพวกนี้น่ากินทุกอย่างเลยครับ "
" นี่น่ะเป็นอาหารที่คนนิยมกินมากที่สุดเลยนะคะ ในโลกที่ฉันจากมา "
" งั้นหรอครับ คุณคงชอบอาหารพวกนี้ใช่ไหมครับ "
" ฮ่าๆๆ ใช่ค่ะ นี่คือของโปรดเลยแหละ " หลิงเฟยคีบต็อกบกกีกินอย่างเอร็ดอร่อย มืออีกข้างถือไก่ทอดแทะกินไม่หยุด แม้แต่หยวนเซียวเองก็กินไม่หยุดเช่นกัน กว่าที่ทั้งคู่จะกินหมดก็อิ่มแปล้ไปตามๆกัน
" อิ่ม อิ่มมาก ผมไม่เคยกินอิ่มมากขนาดนี้มาก่อนเลยครับภรรยา "
" ไม่ต้องห่วงค่ะต่อไปคุณจะอิ่มแบบนี้ตลอดชีวิตตราบใดที่ยังมีฉันอยู่ " หลิงเฟยยืดอกตนเองขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
" ครับภรรยาผมเชื่อคุณ " หยวนเซียวเอ่ยตอบอย่างเอาใจ
รุ่งเช้าวันต่อมาทั้งสองตื่นนอนแล้ว หลิงเฟยเข้าครัวไปทำอาหารเช้า โดยนำซาลาเปาใส้เนื้อออกมาจากร้านในมิติ และกาแฟร้อนสองแก้ว ตั้งวางเอาไว้รอบนโต๊ะหลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จแล้วทั้งคู่ก็มานั่งกินด้วยกัน ก่อนจะพากันออกไปทำความสะอาดร้านค้าที่ซื้อเอาไว้
" คุณคิดว่าจะเปิดร้านไหมครับ แล้วจะขายอะไรดี "
" คุณอยากขายอะไรไหมคะ "
" ซาลาเปาหรืออาหารที่กินเมื่อวานนี้ก็ดีนะครับ "
" จริงด้วย ที่จริงฉันมีร้านค้าอื่นๆอีกหลายอย่างด้วยนะคะ เอาเป็นว่าเรามาทำความสะอาดร้านก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวเราไปสำรวจกันว่าในเมืองนี้มีร้านอะไรบ้าง แล้วที่ไม่มีคืออะไรบ้าง "
" เป็นความคิดที่ดีเลยครับ "
" ตกลงตามนี้นะคะ "
" ครับ "
จวบจนบ่ายทั้งสองจึงทำความสะอาดร้านค้าเสร็จสิ้น จากนั้นก็ไปตระเวนดูร้านค้าในระแวกนั้นจนทั่วพบว่าที่นี่ยังไม่มีร้านร้านขายรถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์แต่ตอนนี้คงไม่สามารถเปิดได้ เพราะมันมีรายละเอียดต่างๆมากมายเกินไป เอาเป็นว่าเปิดร้านอาหารจะดีกว่าเพราะที่นี่มีร้านอาหารไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นอาหารง่ายๆ หลิงเฟยจึงตั้งใจว่าจะลองนำไก่ทอดมาขาย และเปิดร้านต็อกบกกีในร้านเดียวกัน
" ฉันคิดว่าเราขายต็อกบกกีกับไก่ทอดดีกว่าค่ะ "
" ผมตามใจคุณครับ "
" ดีค่ะ เชื่อภรรยาแล้วจะเจริญแน่นอน " หลิงเฟยเอ่ยบอกก่อนจะขยิบตาส่งให้เขาไปที
หยวนเซียวเพิ่งจะเห็นถึงความแก่นเซี้ยวของภรรยาก็ตอนนี้แหละนั่นแหละ เขายิ้มขำกับท่าทางของเธอและเดินตามเธอไปอย่างช้าๆ
เมื่อกลับมาถึงร้านแล้วหลิงเฟยก็นำอุปกรณ์ในร้านอาหารเกาหลีออกมาตั้งเรียงเอาไว้ในครัวของร้าน เพื่อที่จะเตรียมเปิดร้านขายต็อกบกกีอย่างที่เธอตั้งใจไว้
โชคดีที่ในร้านอาหารเกาหลีนั้นมีกะทะขนาดยาวและใหญ่ที่ทางร้านใช้สำหรับทำต็อกบกกีขายอยู่แล้ว เธอจึงนำออกมาตั้งไว้ในครัวทั้งหมด นอกจากนี้ยังเข้าไปหยิบไก่ทอดผู้พันออกมาเรียงเอาไว้ด้วย รวมถึงตู้แช่แข็ง ที่เธอเอาออกมาจากในห้างเพื่อแช่แข็งไก่ที่ยังไม่ได้ทอด เพราะเธอคงไม่ได้อยู่ที่ร้านตลอดทั้งวัน และเธอก็ตั้งใจจะจ้างคนงานเอาไว้อยู่แล้วด้วย การทำต็อกบกกีไม่ได้ยากอะไรแค่ทำตามส่วนสผมที่เธอบอกก็สามารถขายได้ตลอดทั้งวันแล้ว
" ของพวกนี้หรอครับที่ใช้ทำอาหารที่คุณบอก " หยวนเซียวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามีอุปกรณ์ไม่กี่อย่างวางเรียงอยู่
" ใช่ค่ะ ทำง่ายมาก " เธอเอ่ยบอกและจัดของให้เข้าที่เข้าทางไม่เกะกะทางเดิน
" ครับ นี่ก็เย็นแล้วเรากลับบ้านกันก่อนดีไหม " เขาเอ่ยชวนเมื่อเห็นว่าเย็นมากแล้ว
" ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้เราไปขายของในตลาดมืดกันอีกนะคะ ฉันต้องใช้เงินอีกเยอะ ตั้งใจว่าจะขายทั้งวันเลยค่ะ "
" ได้ครับ ผมจะช่วยคุณเอง "
" ดีค่ะ กลับกันเถอะ วันนี้เราจะกินอาหารญี่ปุ่นกันนะคะ " เขาไม่ได้ตอบอะไรแค่เดินเคียงข้างคอยฟังเธอพูดนั่นพูดนี่ไปจนถึงบ้านอย่างอารมณ์ดี
" กินราเม็งกันเถอะค่ะ แล้วค่อยไปอาบน้ำพักผ่อนกัน " หลิงเฟยเอ่ยบอกก่อนจะหยิบราเม็งออกมาสองถ้วยใหญ่ ทำเอาหยวนเซียวตกใจตาโต เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้ เขาจ้องมองราเม็งในถ้วยก่อนจะคีบเส้นขึ้นมากิน
เสียงซู้ดเส้นราเม็งของภรรยานั้นดังจนเขาต้องหันไปมอง ท่าทางตอนกินของเธอทำให้เขารู้สึกเจริญอาหารไม่น้อย เขาคีบเส้นก่อนจะซดน้ำซุปตามลงคอไปจนหมดถ้วย เป็นอีกมื้อที่เขาอิ่มจนแทบลุกไม่ขึ้น ....
ช่วงสายหลังจากที่ทั้งสองกินข้าวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วก็พากันไปที่ตลาดมืด เพื่อขายสินค้าในมิติกันต่อ
เมื่อคืนนี้หลิงเฟยเข้าไปสำรวจภายในห้างพบกับสินค้าต่างๆที่ทำจากไม้และอื่นๆเข้าพอดี เนื่องจากที่ห้างในวันนั้นมีการแสดงสินค้าพื้นบ้านจากจังหวัดต่างๆมากมายทั่วประเทศ