บรรยากาศแสนอึดอัดเย็นเยียบขึ้นมาทันที เมื่อร่างสูงปรายตามองไปที่มือบางของเธอ ก่อนจะเงยหน้ามองสบตาเธอนิ่งเหล่าบอดี้การ์ดต่างกลั้นลมหายใจเพราะทราบกันดีว่าเจ้านายนั้นค่อนข้างหวงตัวมาก ถ้าไม่เอ่ยปากอนุญาตก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องอีกทั้งนิสัยที่เย็นชา แต่กลับอารมณ์ร้าย เลยไม่ค่อยมีใครเข้าหน้าติดเวลาโมโห ยิ่งเรื่องส่วนตัวอย่างเรื่องบนเตียงก็คัดแล้วคัดอีกเพราะเป็นคนเรื่องมากอนามัยจัด
ฟาบิโอที่นิ่งขรึมเห็นท่าทางเจ้านายเลยจะเดินเขามากระชากมือบางออก แต่โดนมือขวาอย่างเวกัสยกมือแตะอกเอาไว้เป็นเชิงว่าให้รอดูท่าทีไปก่อน
ทายาทตระกูลดังนิ่งสงบนัยน์คมกริบร้ายกาจมองสบนัยน์ตากลมโตมีเสน่ห์ ก่อนจะก้าวเข้าไปประชิดร่างบางจนเธอผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่โดนมือหนรวบเอวบางเข้ามาประชิดตัวจนร่างกายแนบชิดกันและกัน ลมหายใจร้อนรินรดซอกคอ
“เธอยั่วฉันเหรอ”
“0.0”
เสียงทุ้มแหบพร่าชวนขนลุกทำให้ร่างบางมึนเบลอไปชั่วขณะก่อนจะยกมือยันอกแกร่งไว้
“ไม่ได้ยั่ว แค่ขอติดขึ้นไปชั้นบนด้วยเท่านั้น”
เพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจว่าเธอยั่วยวนเลยต้องรีบเอ่ยปากปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าเขาเกลียดเลยไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่ม
“ไม่ได้ยั่ว แต่จะขอติดไปชั้นบนเพื่อไปยั่วผู้ชายคนอื่นสินะ เธอเนี่ยร้ายกาจจริง ๆ ยัยจอมมารยา”
“คุณ!”
“ทำไม รับไม่ได้ที่ฉันพูดตรงเหรอ”
ซันโน้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าสวยหวานจนได้กลิ่นหอมหอมละมุนแต่ผสานไปด้วยมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหล ร่างสูงกัดฟันแน่นเมื่อคิดได้ว่ากำลังจะตกหลุมพรางของผู้หญิงคนนี้ เขาเลยจัดการผลักเธอออกห่างจนเกือบจะล้มอีกครั้ง
“โอ๊ย เฮียนี่มันเลวจริง ๆ ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน”
ใบหน้าสวยชักสีหน้าไม่พอใจ เธอตวัดสายตาพร้อมเอ่ยเสียงเข้มถ้าบอกว่าเขาเกลียดเธอละก็ เธอก็เกลียดเขาเหมือนกัน!
ความโกรธทำให้เธอเผลอเอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อนานมาแล้วจนเธอเกือบลืมว่าเคยรู้จักกับเขามาก่อน โดยที่ไม่รู้ว่าการเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมามันเหมือนเป็นการราดน้ำมันบนกองไฟ
ร่างสูงยืนถมึงทึงอารมณ์สงบเริ่มโกรธเกรี้ยว เขาย่างสามขุมเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยเสียงลอดไรฟัน จนเธอเบิกตากว้าง
“แล้วฉันต้องดีกับคนอย่างเธอเหรอ? ตลกแล้วยัยคนหลอกลวง!”
“!!!”
คำพูดร้ายกาจเสียดแทงจนเธอชาหนึบไปทั้งตัวเป็นผู้ชายที่ปากจัดมาก ทุกคำและการกระทำของเขาล้วนทำร้ายฉันจนแทบไม่เหลือชิ้นดี แต่เพราะในอดีตไม่ใช่เพราะเขาเหรอที่ทำให้เธอต้องเลือกที่จะทำอย่างนั้น
นัยน์ตาคมกริบเหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อให้จมเขี้ยว เขาเหยียดยิ้มอย่างรังเกียจมองเธอยื่นนิ่งแววตาเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร เขาเกลียดที่เธอนิ่งและเฉยกับทุกสถานการณ์
“ค่ะ จันทร์หลอกเฮีย แต่เฮียก็หลอกจันทร์เหมือนกัน”
ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเธอก็จะเอ่ยไปให้จบ พลางคิดคำนวณเวลาถ้าไม่สามารถขึ้นไปข้างบนได้ก็จะรอตรงนี้ หรือไม่อาจจะบ้ากว่านั้นด้วยการหน้าด้านขอตามติดใครสักคนขึ้นไป“ฉันหลอกอะไรเธอ”
เขาเลิกคิ้วก่อนจะถามเสียงเรียบ เธอพยายามจับสังเกตแววตาดำมืดของเขาอยู่ตลอด ก่อนจะเห็นความผิดปกติบางอย่างเมื่อเธอเอ่ยคำว่า ‘เขาก็หลอกเธอเหมือนกัน’ นั่นทำให้คิดอะไรบางอย่างออกมาได้ คนฉลาดถ้าคาใจกับบางสิ่งบางอย่างเขาจะหาคำตอบให้ได้เพราะไม่อยากค้างคาใจ
“ตอบมาสิวะ”
ยิ่งเห็นร่างบางทำหน้าเหม่อลอยเขายิ่งหัวเสีย คนอย่างซันเมื่อติดใจสงสัยอะไรแล้วเขามักจะไม่ยอมปล่อย
“พาจันทร์ขึ้นไปด้วย”
ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบวางสีหน้าเฉยชาก่อนจะยกยิ้มมุมปาก เพราะเธอมั่นใจว่ายังไงศึกครั้งนี้ต้องชนะแน่นอนเหมือนอย่างนิทานเรื่องหนูกับราชสีห์อย่างไรล่ะ
ซันแค่นเสียงในลำคอมุมปากกดลึกก่อนจะยื่นมือไปบีบคางเรียวของเธอจนขึ้นสี แม้เจ็บแต่จันทร์เจ้ายังคงวางท่านิ่งเฉย
“อย่ามาลองดีกับฉัน ระวังจะศพไม่สวย”
“ไม่กลัวค่ะ”
ฉันยิ้มอย่างมั่นใจในเมื่อเขาติดใจสงสัยยังไงก็ต้องให้ไปด้วยแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยชิ่งหนีเพราะขืนบอกออกไปไม่เข้าหู เขาได้ทำฉันศพไม่สวยจริง ๆ แน่
“ก็ได้”
ร่างสูงเอ่ยออกมาเสียงเรียบทำให้ฉันเบิกตากว้างอย่างยินดีแต่เพียงไม่นานรอยยิ้มก็หุบลงทันที
“แต่ผู้หญิงที่จะขึ้นพร้อมฉัน มีไม่กี่แบบหรอกนะ”
ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขามันน่าขนลุกแปลก ๆ อีกทั้งลางสังหรณ์ยังย้ำเตือนอีกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะง่ายอย่างที่คิด
“หนึ่งอีตัว”
“แล้วสองล่ะ” ไม่ต้องรอให้พูดจบฉันก็โพลงทันที
“เป็นเมีย”
ฉันชะงักไปทันทีก่อนจะเงยหน้ามองสบตาเขาแต่ละข้อที่เอ่ยออกมาบอกตามตรงไม่อยากจะเลือกอะไรเลย อีตัวยิ่งไม่ได้ขืนไปเจอคนรู้จักภาพลักษณ์ของฉันเสียหายพอดี ส่วนข้อสองเมียเขาน่ะ ไม่น่าสนใจสักนิด
“สรุปว่ายังไง” เสียงทุ้มเร่งรัดพลางยกแขนกอดอก
“ข้อสาม เป็นเลาขาคนสนิทค่ะ”
ในเมื่อเขาเสนอมาสองข้อเธอก็จะเลือกทางของตัวเองไม่ยอมก็ต้องยอม นี่เดินทางสายกลางสุดแล้ว เลขา คนสนิทดูเหมาะสมที่สุดเพราะเขาเป็นเจ้าของผับจะขาดเลขาสาวสวยได้ยังไงจริงไหม
“หึ เสียใจด้วยนะ คนอย่างฉันเลขาไม่จำเป็น แต่ถ้าอยากเลียขาก็ว่าไปอย่าง แต่ก็นะดูสารรูปของเธอแล้วอย่าว่าแต่เลียขาเลยแค่มองฝยังไม่อยากมอง”
ร่างสูงเอ่ยออกมาเสียงเข้มเป็นการตัดบท ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไปทิ้งให้ร่างบางได้แต่ยืนอึ้ง เพราะคิดว่าเขาอยากรู้เรื่องนั้น แต่เปล่าเลยเขาแค่แกล้งแหย่ เธอเลยเหมือนแมวไล่จับหนู
เมื่อเจ้านายไปแล้วบอดี้การ์ดชุดดำน่าเกรงขามก็ทยอยเดินตามผู้เป็นนายขึ้นไปยังโซนวีไอพี ทิ้งหญิงสาวร่างบางให้ยืนอยู่ข้างล่าง
ซันผินหน้าไปมองข้างล่างเล็กน้อยทำให้นัยน์ตาคมกริบประสานสายตากับเธอที่ยืนมองเขาจากข้างล่าง พลันรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แค่ได้เห็นคนดื้อดึงอย่างเธอหมดหนทางเขาก็พอใจมากแล้ว
“ไปสืบมาว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงมาที่นี่ และต้องการขึ้นมาทำอะไรโซนวีไอพี”
“เดี๋ยวผมไปจัดการ”
ฟาบิโอเอ่ยปากก่อนจะเดินปลีกตัวออกไปอีกทางเพื่อสืบประวัติในช่วงนี้ของหญิงสาว เขากับซันโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กพวกเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันและยังเป็นเจ้านายกับลูกน้องอีกเขาจำผู้หญิงคนนี้ได้แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม
คล้อยหลังฟาบิโอ เวกัสมือขวาคนสนิทก็เดินตามซันไปห้องวีไอพีเพื่อคุยงานกับแขกคนสำคัญ หน้าที่ของเขานอกจากต้องดูแลความปลอดภัยให้เจ้านายแล้ว ยังช่วยดูเรื่องตารางงานเพราะซันไม่มีเลขาคอยจัดการเรื่องนี้ให้
“ไม่เจอกันนาน”
ซันปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขาจากในห้องด้วยแววตาดุดัน ใบหน้าหล่อเย็นชาขึ้นมาอยู่หลายส่วนก่อนจะก้าวเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งสูบซิการ์อย่างใจเย็น
“โอ๊ะ นี่คือการทักทายแขก?”
ร่างสูงในชุดสูทสีขาวตัดกับเสื้อเชิ้ตสีดำข้างในแค่นเสียงหัวเราะเมื่อเจอการทักทายที่ค่อนข้างไร้มารยาทของซัน เขาหรี่ตาลงอย่างไม่ชอบใจทำให้ลูกน้องสองคนของเขาเลื่อนมือมาจับปืนตรงขอบกางเกงช้า ๆ แต่ไม่อาจหลุดรอดสายตาคมไปได้
“วางมือ!”
ร่างสูงตวาดเสียงดังจนลูกน้องของชายสูทขาวชะงักไปเล็กน้อยแต่ภายในใจสั่นสะท้านจนยากจะระงับ ยิ่งเจอสายตาคมจ้องมองแทบจะทะลุปรุโปร่ง มือที่จับด้ามปืนกำแน่นจนชื้นเหงื่อ
ในบรรดาตระกูลสี่มังกรมักจะมีคนเก่งอยู่หลายคนและฝีมือไม่ธรรมดาแต่หนึ่งในนั้นให้ระวังปีศาจของหวงหลง เขาดุดันและบ้าคลั่งมาก ดังนั้นอะไรที่หลบได้ให้หลบ เลี่ยงได้เลี่ยง
“ใจเย็น ๆ น่าแค่หยอกเล่น”
ชายในชุดสูทสีขาวยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนจะปรายตามองไปยังลูกน้องให้ลดมือลง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้คุยธุระกันแน่
เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความสงบนัยน์ตาคมของซันก็จับจ้องอีกฝ่ายทันที คนตรงหน้าของเขามีชื่อว่า ‘เคียรอส คาเมนโซ’
มาเฟียอิตาลีเป็นหนึ่งในห้าตระกูลดังในซิซิลี เขาเคยเจอผ่านตาตอนเมื่อปีก่อนไปงานเลี้ยงที่บ้านของไคโร(หนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของมหาลัยแอลเป็นรุ่นพี่แก๊งวิศวะ)
“ว่าธุระมา”
ซันเอ่ยถามเข้าประเด็นเพราะต้องการทราบจุดประสงค์ของอีกฝ่ายว่ามาทำไม เพราะตระกูลเราทั้งคู่ไม่เคยรู้จักหรือทำธุระกิจร่วมกันมาก่อน
“อ่า ถามตรงประเด็นดี” เคียรอสยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบโดยไม่สนสายตาคมกริบของซันที่มองมาอย่างกดดัน ตัวเคียรอสเองยอมรับว่าซันดูเหมือนที่คนล่ำลือกันมาก แต่แล้วยังไงล่ะจะน่ากลัวหรืออันตรายในสายตาใครก็ช่างสำหรับเขานิยามของคำว่า ‘อันตราย’คือตัวของเขาเอง ดังนั้นใครก็อย่าคิดมาขวางสิ่งที่เขาจะทำ!
“ผมต้องการขนสินค้าขึ้นที่ท่าเรือหวงหลง”
“ไม่รับ” ซันปฏิเสธทันควัน
“ทำไม ผมสามารถให้ได้มากกว่าพวกฟรานซิโกอีกนะ”
เคียรอสรีบเสนอเมื่อเห็นว่าซันปฏิเสธทันควัน โดยปกติคู่ค้าถ้าเสนอเงินจำนวนมหาศาลแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าที่จะปฏิเสธเขาแน่นอน แต่คนตรงหน้าตอบโดยไม่คิดทำให้เขาแอบหัวเสีย
“ผมไม่ได้ขาดแคลนเงิน”
“แล้วจะเอาอะไร”
“คุณให้ผมไม่ได้ หมดธุระแล้ว เชิญ!”
ทั้งคู่ต่างลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากันก่อนที่เคียรอสจะยิ้มและคว้ามือหนาของซันมาจับและเขย่าเบา ๆ เป็นการร่ำราอย่างสุภาพแม้ในใจจะเดือดพล่านจนแทบกระอักเลือด ส่วนซันก็ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่งเท่านั้น
“ไว้โอกาสหน้าผมคงจะแวะมาใหม่”
ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องวีไอพีก่อนที่เคียรอสจะเอ่ยขึ้นเพราะยังไงก็ต้องทำให้ซันยอมตกลงให้ได้ เพราะสินค้าในรอบนี้สำคัญมาก ถ้าทุกอย่างผ่านได้ด้วยดีนั่นหมายถึงเม็ดเงินมหาศาล
ร่างสูงของซันทำเพียงยกมุมปากไม่ได้สนใจอยู่แล้วเพราะเขาคงไม่เอาความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหวงหลงกับฟรานซิโกของไคโรมาเสี่ยงเพียงเพื่อเห็นแก่เม็ดเงินมหาศาลนั่นหรอก
ระหว่างนั้นสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินขึ้นมายังโซนวีไอพี นัยน์ตาคมกริบแสนเย็นชาของซันพลันหรี่ลงทันทีเมื่อร่างบางที่เขาปะทะฝีปากก่อนขึ้นมาเธอกำลังเดินมาทางเขา ส่วนแขนเรียวเล็กของเธอก็กำลังกอดแขนแกร่งของผู้ชายคนหนึ่งที่รู้สึกคุ้นหน้าอยู่ ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากจนทำให้เขาขบกรามแน่น มือหนาค่อย ๆ กำหมัดเข้าหากัน ชั่วขณะนั้นร่างบางก็หันมาสบตาเขาพร้อมรอยยิ้มมุมปากอย่างที่เขาพึ่งทำกับเธอไป ก่อนจะยักคิ้วส่งมาให้อย่างท้าทาย!
ยัยตัวแสบ!!!!!