“เฮ้อ จะทำยังไงดีนะ”
ฉันถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อคืนที่ต้องออกไปที่ผับเพื่อคุยกับคุณรัชพลเจ้าของสตรีมมิงเจ้าใหญ่ที่กำลังจะลงทุนโปรเจกต์สำคัญในไทย แน่นอนว่าฉันที่เป็นทายาทของตระกูลดำรงเกียรติสุวรรณบริษัทสื่อบันเทิงขนาดใหญ่ก็ต้องการจะทำสัญญากับสตรีมมิงเจ้านี้ด้วย เพียงแต่ว่าทุกอย่างกลับพังลงเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนหลังจากโมโหให้ผู้ชายคนนั้นฉันก็เดินออกมาจากผับ พอฉุกคิดขึ้นได้จะโทรกลับไปคุณรัชพลก็ไม่รับสายแล้วมีเพียงข้อความขอยกเลิกการเจรจาในครั้งนี้
จะโทษใครได้นอกจากความซวย!!
“ไม่คิดเลยว่านอกจากจะพลาดงานสำคัญแล้วยังบังเอิญเจอคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดอย่างเขาอีก”
เพราะเราต่างก็เหมือนเส้นขนานไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอดีต ให้มันจบตั้งแต่ตอนนั้นก็ดีอยู่แล้วแน่นอนว่าฉันไม่คิดอะไรกับเรื่องราวในครั้งนั้นแต่ดูจากสีหน้าเขาเมื่อคืนแล้วคงจะเกลียดกันมากสินะ ถึงได้ด่าว่าแรงขนาดนั้น
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว”
“คุณพ่อ ออกมาทำไมคะ ทำไมไม่พัก”
ฉันรีบลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา ก่อนจะช่วยประคองท่านให้นั่งลงบนเก้าอี้ภายในสวนหลังบ้านอย่างเคยชินแต่ก่อนท่านแข็งแรงมาก เป็นพ่อที่ดีและเจ้านายที่ดีแต่ช่วงหลังมานี้ท่านเริ่มป่วยบ่อยขึ้นและยังมีปัญหาเครียดสะสมอีก พอเรียนจบฉันเลยเข้ามาช่วยดูแลบริหารช่องทันที แต่ก็นั่นแหละด้วยพิษจากโรคระบาดเมื่อหลายปีก่อนและยังเศรษฐกิจซบเซา ทำให้บริษัทเริ่มเกิดปัญหาการเงินและรายได้ยังต่ำกว่าไตรมาสทุกปี มันทำให้คณะกรรมการเริ่มไม่มั่นใจในการบริหารของคุณพ่อ ไหนจะมีคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นเหล่าบรรดา ดารา นักแสดงที่อยู่กันมานานก็เริ่มอยากรับงานเองหรือไม่ยอมเซ็นสัญญาเรียกง่าย ๆ ว่าหาที่เกาะใหม่นั่นแหละ
“พ่อแค่อยากออกมารับลมอยู่ในห้องนานอุดอู้”
“เดี๋ยวก็โดนหมอดุหรอก”
“ถ้าไม่มีคนฟ้อง”
ท่านหรี่ตามองฉันอย่างรู้ทัน ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เพราะหลายครั้งที่ท่านชอบดื้อฉันก็จะโทรรายงานอาหมอทันทีซึ่ง หมอประจำตัวของคุณพ่อก็เป็นเพื่อนของท่านนั่นแหละ
“ก็หนูอยากให้พ่อกลับมาแข็งแรงไว ๆ นี่”
“เดี๋ยวก็หาย พ่อก็ป่วยแบบนี้อยู่ตลอด”
“จันทร์เป็นห่วงพ่อนะคะ”
“พ่อรู้”
ท่านเอ่ยเสียงเบาก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของฉันด้วยความอ่อนโยนเหมือนตอนเด็ก ไม่ว่าจะเจ็บปวดเสียใจจะมีท่านค่อยปลอบโยนเสมอ ดูสิ ขนาดป่วยท่านยังมาปลอบคนไม่ป่วยอย่างฉันให้สบายใจเลยแล้วแบบนี้จะกลั้นน้ำตาไหวได้ยังไงล่ะ
“อ้าว ร้องไห้อีกแล้วลูกคนนี้”
“แค่ฝุ่นเข้าตาค่ะ”
“แสดงไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่”
“โถ่ คุณพ่อ”
ฉันพยายามยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกเบา ๆ กะพริบตาไล่ความร้อนผ่าวตรงกระบอกตา ก่อนจะหันไปยิ้มให้ท่านและพูดคุยกันเรื่องทั่วไปก่อนแม่บ้านจะมาตามให้คุณพ่อไปทานยาเพราะคุณแม่สั่ง แน่นอนว่าฉันก็รีบบอกให้ท่านไปพักทันที ส่วนเรื่องการเจรจาไม่ได้บอกท่านในวันนี้เพราะกลัวท่านเครียดกว่าเดิม
เมื่อคุณพ่อไปพักก็ได้เวลาที่ฉันจะต้องทำงานต่อ หลังจากเรียนจบก็เข้ามาฝึกงานด้านบริหารกับที่บ้านเพียงปีเดียวเท่านั้นไม่คิดเลยว่าบริษัทที่เคยได้ชื่อว่าอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมบันเทิงไทยจะแบกภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากขนาดนี้ ขืนปล่อยไว้นานมีหวังบริษัทที่บรรพบุรุษสร้างมาคงถึงทางตัน ยิ่งคิดฉันยิ่งเหนื่อย ไหนจะค่าใช้จ่ายของน้องชายอย่างจากัวร์อีก รายนั้นเรียนมหาลัยอันดับหนึ่งในอเมริกาแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายต่อปีสูงมาก
“วันหยุดทำไมคุณศรีถึงโทรมา มีอะไรด่วนหรือเปล่า”
ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดรับสายเลขาสาวคนสนิทที่จริงคุณศรีทำงานกับคุณพ่อมาห้าปี พอฉันเข้ามาช่วยงานท่านเลยให้คุณศรีมาช่วยงานฉันอีกแรง
“สวัสดีค่ะคุณศรี”
[คุณจันทร์คะ มีเรื่องด่วนค่ะ] น้ำเสียงร้อนใจทำให้ฉันขมวดคิ้ว
“คุณศรีใจเย็น ๆ ก่อนค่ะมีอะไรก็บอกมาเลยค่ะ”
[คือตอนนี้คุณปันปันได้ฉีกสัญญากับช่องแล้วค่ะ และยังเล่นข่าวว่าเราเอาเปรียบอีก ตอนนี้บรรดาดาราดาวรุ่งหลายคนที่กำลังจะเซ็นสัญญาก็ลังเล ค่ายคู่แข่งก็เสนอดีลที่เหนือกว่าเราทุกด้านด้วยค่ะ]
เมื่อคุณศรีเล่าจบก็เหมือนโลกกำลังจะถล่มลงมาตรงหน้า เหมือนทุกอย่างกำลังโหมกระหน่ำใส่ฉันไม่หยุดแค่ปัญหาเรื่องเงินของบริษัทไม่พอ ยังจะมีเรื่องของดาราในสังกัดออกไปอีกเหมือนเป็นการทำลายชื่อเสียงของช่องไปในตัว ถ้าขืนปล่อยให้ดาราหลายคนทยอยออกไม่เป็นผลดีแน่
ฉันพยายามนิ่งและคิดหาทางออกว่าจะแก้ไขยังไงแต่อันดับแรกคงต้องหาทางทำให้ดาราดาวรุ่งอยู่กับช่อง ส่วนปันปันดาราสาวสุดเซ็กซี่คนนี้อยู่กับช่องนานและถือเป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยอีกคนแต่สำหรับฉันปล่อยเธอไปเถอะเพราะสร้างเรื่องสร้างราวตลอด
“คุณศรีช่วยรวบรวมและสืบให้จันทร์ได้ไหมคะ ว่าค่ายคู่แข่งเอาอะไรมาเสนอดาราในสังกัดเราจันทร์จะได้หาข้อเสนอใหม่ ยังไงเราก็คงต้องง้อเด็กใหม่ก่อนค่ะเพราะกำลังเป็นที่จับตามองแต่ปันปันปล่อยไปเถอะ”
[แต่คุณปันปันดังมากนะคะ]
“คุณศรี คำว่าดังกับฝีมือมันต่างกันนะคะ ปันปันดังเพราะแฟนคลับเยอะพร้อมสนับสนุนแต่ฝีมือไม่เคยพัฒนาเลย การที่ต้องจ้างต่อในราคาที่สูงลิ่ว จันทร์ว่าตัดตรงนี้และปั้นเด็กใหม่ที่มีฝีมือดีกว่าค่ะ เอาตามนี้นะคะ”
คุณศรีเงียบไปฉันเลยต้องปิดจบบทสนทนาเพราะเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดีว่า การมีดาราในช่องมักจะทำให้เราได้กระแสไปด้วยแต่สำหรับฉันชื่อเสียแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเอาไว้พอออกไปรับงานเอง เชื่อเถอะด้วยฝีมือต้องมีคนสังเกตบ้างแหละ
[ค่ะคุณจันทร์ ศรีจะรีบไปจัดการให้นะคะ]
“ขอบคุณมากค่ะ รบกวนวันหยุดด้วยนะคะ”
[ไม่เป็นไรค่ะ ศรีเต็มใจ]
หลังจากวางสายฉันก็นั่งเล่นอยู่สวนหลังบ้านสักพักก่อนจะขึ้นไปนอนบนห้อง วันนี้วันหยุดแต่เพราะใช้พลังงานเยอะเลยมาพักบ้างดีกว่าเผื่อตื่นมาจะได้หัวโล่ง ๆ
โกดัง 13 แถวชานเมือง
มือหนาที่อาบย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงก่ำกำลังเช็ดมือกับผ้าสีขาวสะอาด กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งชวนคลื่นไส้แต่ทุกคนภายในห้องกลับยังคงนิ่งสงบราวรูปปั้น
ร่างสูงโน้มตัวลงต่ำ นัยน์ตาคมกริบวาววับเหมือนสัตว์ร้ายเขาฉีกยิ้มบาง ๆ ให้กับเหยื่อตรงหน้าจนเห็นเขี้ยวเสน่ห์ด้านข้างดูแล้วคล้ายแวมไพร์ในหนังแฟนตาซี แต่ต่างกันตรงที่
นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องราวการแสดงผ่านจอ
“ขะขอโทษ”
“ขอโทษอะไร”
“มะไม่รู้”
ชายอายุสามสิบกว่าปีเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากเพราะกรามของเขาโดนทุบทำร้ายไหนจะของเหลวที่ไหลออกมาจากจมูก ปาก และศีรษะไม่หยุดอีก ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน คนตรงหน้าเป็นใคร หลังจากสร่างเมาก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งร่าง เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป
“ไม่รู้ แล้วขอโทษทำไม”
ร่างสูงเอ่ยเสียงเย็นเมื่อเห็นแววตาหวาดกลัวของเหยื่อโดนขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิดอีก คนแบบนี้มันน่าฆ่าให้ตายจริง ๆ เลย เขาหรี่ตาลงก่อนจะลุกขึ้นยืนและเตะร่างนั้นอีกครั้ง
จนอีกฝ่ายร้องโอดโอยตัวงอเหมือนมีบางอย่างกำลังทิ่มแทงลงมาที่หน้าอกจนรู้สึกหายใจไม่ออก
“โอ๊ยยยย”
“ถ้ามึงจำไม่ได้ก็ตายอยู่ที่นี่แหละ”
ร่างที่นอนสะบักสะบอมใบหน้าบวมเป่งพยายามเค้นสมองหาสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้ชีวิตของเขามาถึงจุดนี้ได้ เพียงแค่ออกไปเที่ยวตามปกติใช้ลูกน้องเรียกเด็กมาเอ็นแต่…
“ระรู้แล้ว ผู้หญิงคนนั้น”
แม้จะเจ็บปวดทรมานแต่ก็ยังพยายามเอ่ยออกมาให้มัจจุราชตรงหน้าได้ยินเพราะคิดว่านี่อาจเป็นทางรอดเดียว เขาอยากจะย้อนเวลากลับไปถ้ารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะนำความฉิบหายมาให้เขาจะไม่หาเรื่องลวนลามเธอเลย เขารู้อยู่แล้วว่านั่นไม่ใช่เด็กที่เรียกมาเพราะใส่ชุดคนละสีแต่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้บวกกับความเมาเขาเลยตัดสินใจผิดพลาดลงไป
“ผะผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษครับ”
เขาแทบจะก้มกราบอีกฝ่ายถ้าทำได้ติดที่ข้อมือทั้งสองข้างถูกล็อกติดกับผนังห้องเขาจึงไม่สามารถทำได้ นอกจากใช้ปากเอ่ยขอความเมตตา
“ผิด!” เสียงเย็นเยียบเอ่ยพร้อมหยิบมีดเล่มเล็กขึ้นมาทำให้ชายที่เป็นเหยื่อสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ประกายวาววับตรงหน้ายิ่งทำให้รู้สึกกลัวจับใจ
“…”
“ที่มึงผิดเพราะสะเออะมาทำอุจาดตาในถิ่นของกู เรื่องผู้หญิงคนนั้นกูไม่สนใจ”
เขาเอ่ยเสียงเน้นหนักถึงหญิงสาวคนเมื่อวานทำให้ลูกน้องคนสนิทอย่างเวกัสและฟาบิโอหันมามองหน้ากันทันทีอย่างไม่เข้าใจ เพราะคิดว่าที่เจ้านายโกรธเพราะเธอคนนั้นซะอีก
“ฮือ ครับขอโทษครับ”
ร่างสูงไม่พูดพร่ำทำเพลงตวัดมีดลงบนคอของมันด้วยความรวดเร็วจนไม่ทันได้ร้องขอความเมตตา รอยเส้นคมเฉียบตวัดลงครั้งเดียวจนเลือดพุ่งออกมากระเซ็นใส่ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งความรู้สึกในจิตใจล้วนด้านชามือเขาสกปรกเพราะเรื่องพวกนี้มามาก จากประวัติของมันที่เป็นนักธุรกิจธรรมดาแต่หลังบ้านกลับฉาวโฉ่ชอบหลอกเด็กสาวหลายคนมาทำมิดีมิร้ายแต่ไม่มีใครเอาผิดได้ วันนี้มันเข้ามาทำเรื่องระยำในถิ่นของเขาก็ถือว่าให้เขาพิพากษามันเองแล้วกัน
“เอาศพมันไปทิ้งแล้วทำลายหลักฐานให้หมด”
“ครับ”
เวกัสและฟาบิโอค่อมศีรษะรับคำสั่งก่อนจะมองตามแผ่นหลังแกร่งของเจ้านายออกไป ผู้ชายที่ถูกขนานนามว่าปีศาจของตระกูลความโหดเหี้ยมของเขาในวันนี้มันก็แค่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น